เจอของจริง! แก๊งค์ตำรวจบุกยัดข้อหาร้านคาราโอเกะ เจอ ผบ.ตร.โทรหา แต่ไม่เชื่อพร้อมท้าว่า "ต่อให้เป็นตัวจริงก็จะจับ" สุดท้ายรู้ความจริงถึงกับแทบทรุดทั้งคณะ!!!

      เรียกได้ว่าเป็นอภิมหาซวยของตำรวจกลุ่มนี้จริงๆ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2559 พล.ต.ท. ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 มีคำสั่งให้ พ.ต.ท. นราวุธ การามหิโต สารวัตรกองกับการสืบสวน 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ไปปฎิบัติราชการที่ศูนย์ปฎิบัติการตำรวจภูธรภาค 2 โดยขาดจากต้นสังกัดเดิม และให้อยู่ในการควบคุมกำกับดูแลของผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 2 ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
     
loading...
         ซึ่งคำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลัง น.ส.ปะระนิสา ไชยนาพาณิชย์กุล อายุ 36 ปี เจ้าร้านคาราโอเกะนางฟ้า ถ.พัทยาสาย 3 หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2559 ให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท. นราวุธ การามหิโต สว.กก.1.บก.สส.ภาค 2 และ ร.ต.ท. จตุภุมิ ลิ้มศิริวัฒนกุล สังกัด กก1.บก.สส.ภาค 2 พร้อมพวกอีก 5 คน หลังเข้าตรวจค้นร้านนางฟ้า พยายามแจ้งข้อหาค้าประเวณี และข้อหาไม่มีใบอนุญาตเปิดสถานบริการ ซึ่ง น.ส.ปะระนิสา ได้แจ้งความกลับในข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขัง ร่วมกันพยายามกรรโชกทรัพย์ ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ต่อมา พ.ต.อ. อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมทั้งได้รายงานเหตุการณ์ไปยัง พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จนมีการสั่งสอบข้อเท็จจริง

          โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2559 ขณะน.ส.ปราณี ดีเจร้านนางฟ้าคาราโอเกะ กำลังนั่งเล่นอยู่ภายในร้าน ได้มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาสั่งเครื่องชูกำลัง 1 ขวด ก่อนเดินเข้าไปหา น.ส.ชนิดา พนักงานเสิร์ฟ ชวนคุยว่าหากรับว่าค้าประเวณีจะให้เงิน 2,000 บาท แต่ น.ส.ชนิดา ปฏิเสธ พร้อมบอกว่าร้านนี้ไม่มีการค้าประเวณี ชายคนดังกล่าวจึงเดินไปหาดีเจพร้อมยื่นเงินใส่มือ 2,000 บาท โดยไม่บอกว่าเป็นค่าอะไร พนักงานทั้งสองจึงเดินมาพูดคุยกันว่าน่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีขึ้น จู่ ๆ มีตำรวจ 4 นาย คือ พ.ต.ท. นราวุธ การามหิโต สว.กก.1 บก.สส.ภาค 2 และ ร.ต.ท. จุตภูมิ ลิ้มศิริวัฒนกุล พร้อมพวกเข้ามาประชิดตัว ซึ่ง ร.ต.ท. จตุภูมิ ได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเงินที่กำไว้ในมือ พร้อมขู่บังคับให้อยู่ในอาการสงบ และให้โทรศัพท์หาเจ้าของร้านให้เดินทางกลับมาที่ร้าน โดย พ.ต.ท. นราวุธ แจ้งว่า คุณถูกจับในข้อหาค้ามนุษย์และค้าประเวณี
   ต่อมาเจ้าของร้านได้โทรศัพท์ไปหา พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ว่า ขณะนี้มีตำรวจใต้บังคับชา ซึ่งไม่ทราบว่าอยู่หน่วยไหนกลั่นแกล้งจับกุม ทาง ผบ.ตร.จึงขอสายคุยกับตำรวจชุดจับกุม แต่ พ.ต.ท. นราวุธ ไม่ยอมคุยด้วย พร้อมพูดว่า "ถ้าเป็น ผบ.ตร.จริง ให้โทรศัพท์ไปหา พล.ต.ต. อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี" และยังหาว่า น.ส.ปะระนิสา เป็นบ้าพูดโทรศัพท์อยู่คนเดียว พล.ต.อ. จักรทิพย์ จึงบอก "ให้เปิดโฟนเพื่อให้ได้ยินเสียง" แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่เชื่อ พร้อมสั่งให้ลูกน้องใส่กุญแจมือผู้ต้องหาทั้งหมดเอาตัวไปที่ สภ.เมืองพัทยา ขณะกำลังจะขึ้นรถ มีตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า เรื่องนี้สามารถเคลียร์กันได้ แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายข้อหาค้าประเวณีใช้เงินแค่ 2-3 หมื่นบาทก็จบแล้ว

           ระหว่างนั้นมีสายโทรเข้ามาที่มือถือของ น.ส.ปะระนิสา พร้อมกับแนะนำตัวว่าคือ พล.ต.ต. อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งได้รับคำสั่งให้มาดูแลเรื่องนี้ และขอให้เปิดโฟนพูดคุยกับหัวหน้าชุดจับกุม แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่า "ไม่ใช่เสียงของนายกู" พล.ต.ต. อำพล จึงวางสายไป ขณะนั้นตำรวจที่ชื่อดาบหมูตะโกนขึ้นมาว่า "เดี๋ยวบอกว่าเป็นผู้การ เดี๋ยวบอกว่าเป็น ผบ.ตร. โทรมา ถ้าเป็น ผบ.ตร. จะเอาชื่อลงบันทึกประจำวันด้วยว่า ผบ.ตร.ช่วยเหลือผู้กระทำผิด และจะเอา ผบ.ตร.ออกจากราชการด้วย"

          ระหว่างนั้นมีสายโทรเข้าที่เครื่องมือถือ ของ พ.ต.ท. นราวุธ จึงทราบว่าคนที่โทรเข้าเครื่อง น.ส.ปะระนิสา เป็น ผบก.ภ.จว.ชลบุรี จริง จึงรีบสั่งให้ลูกน้องปล่อยตัวผู้ต้องหา พร้อมรีบไปขึ้นรถขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว น.ส.ปะระนิสา จึงรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม เลยเดินทางเข้าแจ้งความ

           ทั้งนี้ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และให้ดูจากพยานหลักฐานเป็นหลัก ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตามคดีนี้ผู้ถูกกล่าวหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร จะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.มาตราการฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2551 จะได้ส่งสำนวนการสอบสวนให้สำนักงาน ปปท. เพื่อดำเนินการต่อไป
ทีมา johjae.com/
Powered by Blogger.