“หมอลักษณ์” เคยผ่าดวงชะตา “อุ้มลักขณา – บอล” เอาไว้ ! โคตรขนลุกเมื่อพูด “ดวงมรณะ” (ชมคลิป)

“หมอลักษณ์” เคยผ่าดวงชะตา “อุ้มลักขณา – บอล” เอาไว้ ! โคตรขนลุกเมื่อพูด “ดวงมรณะ” (ชมคลิป)

งเป็นกระแสสังคมที่หลายคนติดตามกันอยู่สำหรับ “บอล กฤษณะ” แฟนหนุ่มของ “อุ้ม ลักขณา” หลังจากเกิดข่าวดังการ์ดรุมทำร้ายลูกนายพลที่ผับมาลินสกาย ซึ่งระหว่างนี้ยังอยู่ในขั้นตอนทางกฏหมายอยู่ ล่าสุดพบว่า “อุ้ม – บอล” เคยไปออกรายการ “ทอล์คทะลุดาว” ก่อนหน้าเกิดเรื่องนี้ 3 เดือน ซึ่งหมอลักษณ์ได้ฟันธงว่านี่เป็น “ดวงมรณะ”


โดยคลิปดังกล่าวเป็นตัวอย่างรายการ ทอล์คทะลุดาว ที่จะออนแอร์วันพฤหัสบดีที่ 1 ธ.ค เวลา 22.00 น.  ทาง ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 จากในคลิป “หมอลักษณ์” ได้กล่าวว่า มันน่ากลัวมาก จากพ.ศ นี้ไปถึง 3 ปี เป็นการสิ้นสุด จบสิ้น  พร้อมบอก “อุ้มลักขณา” ต้องหนักแน่นมากเพราะต้องโดนกระแสสังคม ดาวประจำตัวเป็นมรณะ แถมดาวเจ้าเรือนการเงินก็เป็นมรณะ ดวงชะตานี้ลำบาก
ที่มา:http://news.tlcthai.com/entertainment/793434.html

อึ้งทั้งโซเชียล!!! “ชาคริต” เปิดใจหลังหย่า “วุ้นเส้น” ล่าสุดออกมายอมรับเรื่องคบ “โบวี่” แล้ว!!! และนี่คือ คำตอบ [มีคลิป]


‘ชาคริต แย้มนาม’ พิธีกรรายการใหม่ ‘Davinci เกมถอดรหัส’ ที่จะออกอากาศตอนแรกในวันพฤหัสบดีที่ 1 ธ.ค.นี้ เวลา 17.00 น. ทางช่อง 33 เปิดใจครั้งแรกหลังหย่ากับอดีตภรรยา ‘วุ้นเส้น วิริฒิพา’ ว่าตอนนี้ต่างฝ่ายต่างใช้ชีวิต เราทั้งคู่ได้พยายามประคับประคองกันมาอย่างดีที่สุดแล้ว ลั่นชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป ทุกวันนี้ยุ่งมากแทบจะไม่มีเวลาคิดอะไรเยอะ เพราะต้องดูแลแม่ที่ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบและต้องดูแลธุรกิจ ชี้แม่เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต

ด้าน ผู้จัดการส่วนตัวของสาว ‘โบวี่ อัฐมา’ ที่ตกเป็นข่าวเป็นสาวคนใหม่ของหนุ่มชาคริต เพราะมีภาพออกไปดินเนอร์ด้วยกัน เผยว่า ทั้งสองคนไปกินข้าวด้วยกันจริง ตอนนี้โบวี่เครียดมากและโพสต์ข้อความในไอจีว่า อย่าตัดสินอะไรจากข่าว ส่วนเรื่องราวจะเป็นยังไงคงต้องรอเธอออกมาพูดเอง

มีคลิป

http://www.khaoden.com/2016/12/blog-post.html

โคตรสยอง!! หนุ่มจับงู ตัด3ท่อน สุดท้ายต้องช็อก! "เมื่อมันไม่ยอมตาย" แถมยังทำแบบนี้!!? ผวาฉี่แทบราด!!(ชมคลิป)

เกิดเป็นคลิปที่ชวนขนลุกสุดๆ เมื่อหนุ่มคนหนึ่งพบ "งูกะปะ" ในสวนหลังบ้านของตัวเอง ซึ่งงูกะปะขึ้นชื่อว่าเป็นงูที่มีพิษร้ายแรง และด้วยความกลัวว่ามันจะเป็นอันตรายต่อคนในครอบครัว เขาจึงฆ่ามันทิ้งด้วยการสับเป็น 3 ท่อน!!  (ถึงจะเป็นสัตว์ที่น่ากลัว แต่โดนฆ่าโหดแบบนี้ก็น่าสงสารเจ้างูเหมือนกันนะ)

แต่งานนี้ทำเอาทุกสายตาต้องอึ้งไปตามๆกัน เมื่อพบว่า "งูกะปะ" ที่ถูกสับให้ตายไปแล้วนั้น ชิ้นส่วนของมันทั้งหัวและหางยังคงดิ้นได้ราวกับมีชีวิต แถมหัวของมันยังคล้ายจะเอาปากกัดหางของตัวเองอีกด้วย (ขนลุกสุดๆ)

ถูกฆ่าตายด้วยวิธีสุดโหดแบบนี้ เฮือกสุดท้ายมันคงจะขอต่อสู้ถึงที่สุด ขนาดเหลือแต่หัวมันยังแสดงฤทธิ์อ้าปากขู่ได้น่ากลัวขนาดนี้ มองเห็นอะไรก็คงคิดว่าเป็นศัตรูไปหมดไม่เว้นแม้แต่หางของตัวเอง!!

"งูกะปะ" เป็นงูพิษที่มีพิษรุนแรงมาก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Calloselasma rhodostoma จัดเป็นงูเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในสกุล Calloselasma โดยไม่มีชนิดย่อย  ลักษณะหัวเป็นรูปสามเหลี่ยม คอเล็ก ลำตัวอ้วน หางเรียวสั้น มีลายเป็นรูปเหมือนหลังคาบ้านอยู่ด้านข้างตลอดลำตัว มีสีเทาอมชมพูลายสีน้ำตาลเข้ม เกล็ดมีขนาดใหญ่ จะงอยปากงอนขึ้นข้างบน พบกระจายพันธุ์ทั่วไปในภูมิภาคอินโดจีนไปจนถึงแหลมมลายู สำหรับในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาคแต่จะพบมากที่สุดในภาคใต้ เป็นงูที่ปรับตัวให้อาศัยอยู่ในพื้น ๆ ที่มีการทำเกษตรกรรมได้ เช่น สวนยางพาราหรือสวนปาล์มน้ำมัน จึงมักจะมีผู้ถูกกัดอยู่บ่อย ๆ นับเป็นงูพิษที่มีอันตรายต่อมนุษย์มากที่สุดที่พบในประเทศไทย

ซึ่งพิษของงูกะปะนั้นมีผลต่อระบบเลือด ทำให้เลือดออกมากผิดปกติ เมื่อถูกกัดภายใน 10 นาทีหลังบริเวณรอบแผลที่ถูกกัดจะบวมขึ้นย่างรวดเร็วจนกระทั่งแขนหรือขาข้างนั้นบวมไปหมดภายใน 1ชั่วโมง โดยในรอยเขี้ยวจะมีเลือดไหลตลอดเวลา บริเวณแขนขาที่บวมจะมีสีเขียวคล้ำ ผิวหนังเกิดพองตอนแรกมีน้ำใสต่อมาภายหลังมีเลือด ภายหลังถูกกัดไม่กี่วันรอยเขี้ยวจะเกิดการเน่า ทำให้ผิวหนังมีเลือดออกเป็นรอยคล้ำ เลือดออกทางเดินอาหาร ผู้ที่โดนกัดจะเสียชีวิตได้จากความดันโลหิตต่ำซึ่งความดันโลหิตต่ำ เกิดจากการเสียเลือดนั่นเองhttp://www.siamlottery.com/view-13092.html

สนช.เปล่งเสียง”ขอพระองค์ทรงพระเจริญ”ถวายพระพรชัยแด่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลใหม่

เมื่อเวลา 11.19 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 76/2559 เป็นพิเศษ ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นประธานการประชุม ได้มีวาระการพิจารณาเรื่อง การดำเนินการตามมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ประกอบกับมาตรา 23 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มีผู้เข้าร่วมประชุม 243 คน จาก 250 คน ระเบียบวาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งต่อที่ประชุม โดยนายพรเพชร แจ้งต่อที่ประชุมว่า ตามที่มีประกาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต

บัดนี้นายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือด่วนที่สุดที่ นร.0503/44549 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน เรื่อง แจ้งเรื่องการสถาปนาแต่งพระรัชทายาทไว้แล้วตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ. 2467 แจ้งว่า บัดนี้ราชบัลลังก์ว่างลง และพระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระรัชทายาท ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ. 2467 คณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงขอแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบ แล้วให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อทราบ แล้วให้ประธานรัฐสภาอันเชิญองค์พระรัชทายาท ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป รายละเอียดปรากฏตามเอกสารที่แจกแก่สมาชิกในห้องประชุม ตามที่ประชุมสนช.ทำหน้าที่รัฐสภา ได้รับทราบการแจ้งมติครม.แล้ว ขั้นตอนต่อไป ตนจะได้นำความกราบบังคมทูลอันเชิญ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นทรงราชย์สืบสันตติวงศ์ เป็นพระเจ้าอยู่หัวของประชาชนไทยสืบไป ตามมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ประกอบกับมาตรา 23 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550

“ในโอกาสอันเป็นมหามงคล ผมขอให้สมาชิกทุกท่านโปรดยืนขึ้นเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยแด่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลใหม่” นายพรเพชรกล่าวให้สมาชิกสนช.ถวายพระพรพร้อมกัน จากนั้น สมาชิกสนช.พร้อมใจกันเปล่งเสียงว่า “ขอพระองค์ทรงพระเจริญ” ก่อนที่นายพรเพชรจึงสั่งปิดการประชุมเวลา 11.25 น.

ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญปี 2557 ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ระบุหมวดสองเรื่องพระมหากษัตริย์ ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี2550 หมวด 2 ใน มาตรา 23 คือ กรณีที่ราชบัลลังก์หาว่างลงและเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้ตามกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 แล้วให้คณะรัฐมนตรีแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบ และให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อรับทราบ จากนั้นจะให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป แล้วให้ประธานรัฐสภาประกาศให้ประชาชนทราบ
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_119691

แม่ค้ามาเอง! 5 วิธีเลือกแตงโมหวานอร่อย แบบฉบับชาวนามือฉมัง

5 วิธีเลือกแตงโมหวานอร่อย แบบฉบับชาวนามือฉมัง!

อากาศร้อนๆ แบบนี้ไม่มีอะไรจะทำให้เราชื่นใจไปกว่าแตงโมลูกโตๆ ที่แสนและหวานเย็นฉ่ำ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่ว่าแตงโมที่วางขายทั่วไปจะอร่อยเหมือนกันหมด เรารู้จักเลือก รู้จักซื้อแตงโมลูกดีๆ ให้เป็นด้วย

บอกเลยละกันว่าจริงๆ แล้วเราสามารถเลือกแตงโมได้จากเปลือกของมันเอง อีกทั้งยังมี 5 เทคนิควิธีการเลือกแตงโมลูกโตๆ หวานๆ ตามคำบอกเล่าของจากชาวนาผู้เชี่ยวชาญกันด้วย ฉะนั้นจะรอช้าอยู่ไย ไปดูกันเลย

1. ดูจากขนาด
เป็นความจริงที่คนมากมายมักเชื่อว่าผลไม้ที่มีขนาดใหญ่จะมีรสชาติดีกว่าขนาดอื่นๆ ซึ่งใช้ไม่ได้กับแตงโม เราควรเลือกซื้อแตงโมขนาดกลางมากกว่า เพื่อให้ได้ผลที่ดีที่สุด

2. ดูจากเพศของแตงโม
หากคุณเน้นที่คุณภาพไม่เน้นปริมาณ แตงโมเพศเมีย คือ คำตอบของคุณ เพราะแตงโมเพศเมียจะมีรสชาติที่หวานกว่าเพศผู้ ในขณะที่แตงโมเพศผู้นั้นจะมีปริมาณน้ำมากกว่า ส่วนการแยกเพศแตงโมเราสามารถสังเกตได้จากรูปร่างของมัน โดยแตงโมเพศผู้จะยืดและยาวกว่า ขณะที่เพศเมียจะอวบและกลมกว่า

3. วงด่างสีเหลืองขุ่นบนผลแตงโม
หลายคนอาจสงสัยว่าอะไรคือ วงด่างสีเหลืองขุ่นบนผลแตงโม แต่หากสังเกตให้ดี แตงโมจะมีวงด่างสีเหลืองนี้บนผลทุกลูกอยู่แล้ว เนื่องจากผลแตงโมแนบอยู่กับดินเป็นเวลานาน ส่วนวิธีการเลือกแตงโมจากเทคนิคนี้ เราควรเลือกวงด่างที่มีสีเหลืองเข้มๆ เพราะมันบ่งบอกว่าแตงโมผลนั้นได้มีเวลาสุกอยู่บนต้นนานก่อนที่จะเก็บ ทำให้มีรสหวานอร่อยกว่าลูกที่มีจุดสีขาวหรือไม่มีเลย ฉะนั้นเวลาไปซื้อแตงโมก็พลิกหาเจ้าวงด่างนี้นิดนึง ถ้าเลือกที่มีสีเหลืองเข้มจนออกเป็นสีทองได้ยิ่งดี

4. เถาของแตงโม
เถาของแตงโมเป็นตัวบ่งบอกความสุกงอมของมัน และเพื่อที่จะเก็บแตงโมที่คุณภาพเยี่ยม ควรเลือกซื้อแตงโมที่มีเถาแห้งๆ เพราะหากเป็นเถาสีเขียวมีความหมายว่ามันถูกเก็บมาเร็วเกินไป รสชาติมันยังไม่เยี่ยมที่สุดเท่าแตงโมที่ควรจะเป็น

5. รอยแตกรูปใยแมงมุมของแตงโม
รอยแตกบนผิวรูปใยแมงมุมของแตงโมเป็นตัวที่บ่งชี้ว่ามีเคยผึ้งสัมผัสมันบ่อยแค่ไหน หากยิ่งมากครั้ง รอยแตกนี้ยิ่งใหญ่ ซึ่งก็เป็นสัญญาณของการผสมเกสรดอกไม้ของผึ้งและบอกเราได้ว่าแตงโมผลนี้หวานมากแค่ไหน
ทีมา share-si.com/2016/11/5_28.html

แม่บ้านห้ามพลาด! 8 วิธีล้างคราบดำติดหนึบใต้ก้นกระทะ หนาแค่ไหนก็ขัดออกได้

 แม่บ้านห้ามพลาด! 8 วิธีล้างคราบดำติดหนึบใต้ก้นกระทะ หนาแค่ไหนก็ขัดออกได้

คราบดำติดหนึบใต้ก้นกระทะ ปัญหากวนใจของเหล่าพ่อบ้านแม่บ้านทั้งหลาย จะล้างจะขัดจะถูยังไงก็ไม่ออกสักที เป็นเรื่องที่น่ารำคาญสุดๆ ในวันนี้เราจึงอยากมานำเสนอบทความดีดีกับแม่บ้านห้ามพลาด 8 วิธีล้างคราบดำติดหนึบใต้ก้นกระทะ หนาแค่ไหนก็ขัดออกได้

สูตรที่1 เบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู


• ให้คุณนำเอาเบกกิ้งโซดา 1 ถ้วยตวง มาทำการผสมกับน้ำส้มสายชู โดยต้องผสมจนกระทั่งให้เป็นเนื้อครีมเข้มข้น

• จากนั้นให้คุณนำไปทาที่ก้นกระทะ โดยทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง

• หลังจากนั้นให้คุณค่อยๆขัดออก โดยให้เพิ่มเบกกิ้งโซดาลงไปอีก 3 ช้อนโต๊ะ และน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ เป็นอันเสร็จ

สูตรที่2คือ น้ำร้อนและเบกกิ้งโซดา


• ถ้าหากกระทะของคุณเปื้อนรอยไหม้ทั้งด้านในและด้านนอก คุณสามารถทำได้โดยการเทน้ำร้อนและเบกกิ้งโซดาลงไป 4-5 ช้อนโต๊ะในกะละมัง

• ทำการคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน

• จากนั้นให้คุณนำกระทะแช่ทิ้งไว้ โดยใช้เวลาประมาณ 30-50 นาที

• หลังจากนั้นค่อยนำขึ้นมาขัดอีกครั้งหนึ่ง

สูตรที่3คือ มันฝรั่ง


1. ให้คุณทำการโรยเบกกิ้งโซดาลงไปก้นกระทะให้ทั่ว

2. จากนั้นให้คุณนำเอามันฝรั่งที่ทำการหั่นครึ่งมาทำการขัดให้ทั่ว โดยจะต้องทิ้งไว้สักพัก

3. หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด 

 สูตรที่4คือ ซอสมะเขือเทศ


• สูตรนี้เหมาะสำหรับใช้กับกระทะชนิดทองแดง

• ให้คุณนำซอสมะเขือเทศมาทาลงไปในก้นกระทะให้ทั่ว

• ทำการปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที

• ในกรณีที่มีรอยไหม้เยอะมาก ก็ให้คุณปล่อยทิ้งไว้อีกสักพักหนึ่ง

• จากนั้นค่อยขัดออก เนื่องจากกรดในมะเขือเทศมันจะทำให้สามารถกำจัดรอยไหม้ออกได้

สูตรที่5คือ ครีมออฟทาร์ทาร์


• ให้คุณนำครีมออฟทาร์ทาร์มาโรยลงไปบนก้นกระทะ โดยใช้ในอัตราส่วนประมาณ 3 ส่วน

• จากนั้นให้คุณค่อยๆ หยดน้ำเปล่าลงไปอีก 1 ส่วน

• หลังจากนั้นให้ถูส่วนผสมให้ทั่ว แล้วทำการพักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที

• ให้คุณนำฟองน้ำมาขัดคราบไหม้ออก

สูตรที่6คือ น้ำร้อนและน้ำยาล้างจาน


• เหมาะสำหรับใช้กับกระทะสเตนเลส

• ให้คุณนำเอากระทะลงไปทำการล้างในน้ำร้อนที่มีการผสมน้ำยาล้างจาน

• เพื่อที่มันจะสามารถกำจัดคราบมันได้

• จากนั้นให้คุณนำขึ้นมา ตามด้วยการโรยเบกกิ้งโซดาลงไป

• ทำการขัด โดยใช้ฝอยขัดหม้อและน้ำอุ่นผสมน้ำยาล้างจาน

• ปิดท้ายด้วยการล้างออกด้วยน้ำสะอาด

สูตรที่7คือ น้ำส้มสายชูกับเกลือ


• ให้คุณทำการผสมน้ำส้มสายชูกับเกลือ โดยผสมจนเป็นเนื้อสครับเข้มข้น

• จากนั้นให้คุณเลือกใช้ฟองน้ำชุบ แล้วค่อยนำมาขัดก้นกระทะให้สะอาด

สูตรที่8คือ แป้งสาลีและน้ำส้มสายชู


• เหมาะสำหรับใช้กับกระทะเทฟลอน

• ให้คุณนำแป้งสาลี 1 ช้อนโต๊ะ มาทำการผสมกับเกลือและน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ

• จากนั้นก็ให้คุณทาส่วนผสมลงไปบนก้นกระทะ

• หลังจากนั้นให้เลือกใช้ฟองน้ำโดยจะต้องถูให้ทั่ว

• ทำการล้างออกด้วยน้ำร้อนที่ผสมน้ำยาล้างจาน เป็นอันเสร็จ

อ้างอิง: http://www.rak-sukapap.com/2016/11/8_26.html?m=1

น่าทึ่งมากๆ นักโภชนาการให้คำแนะนำ แค่กินอาหารเหล่านี้ก็ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้

น่าทึ่งมากๆ แค่กินอาหารเหล่านี้ก็ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้

นักโภชนาการให้คำแนะนำ! เต็มอิ่มกับอาหารของคุณด้วยปลา ผลไม้สีแดง ซุป สตูว์ตามฤดูกาล และเนื้อสัตว์กับขมิ้น

ปลา "หล่อลื่น" ข้อต่อ


อาหารทะเลและปลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบบที่มีไขมัน เป็นแหล่งที่ดีของโอเมก้า 3 กรดไขมัน DHA และ EPA ที่ป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบ และอาการปวดข้อต่อ การรับประทานปลาที่เป็นน้ำมันสองชนิด (ปลาแซลมอน, ปลาทู) ต่อสัปดาห์ ก็เพียงพอที่จะให้ร่างกายของคุณได้รับส่วนผสมที่สำคัญนี้ นอกจากปลาแล้ว กรดไขมันโอเมก้า 3 ยังสามารถพบได้ในถั่ว น้ำมันมะกอกแช่เย็น บีทรูท และไข่

ผลไม้สีแดงป้องกันการอักเสบ


ต้องขอบคุณการต้านการอักเสบที่แข็งแกร่งของพวกมัน สตรอเบอร์รี่ เชอร์รี่ ลูกเกด มัลเบอร์รี่ เช่นเดียวกับบลูเบอร์รี่และองุ่นสีดำ ถือเป็นพันธมิตรที่ดีที่สุดของอาการปวดข้อ ผลไม้และผลเบอร์รี่เหล่านี้ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (โพลีฟีน วิตามิน C และ E เบต้าแคโรทีน) และป้องกันการเกิดออกซิเดชันของเซลล์ เพื่อบรรเทาอาการปวด คุณควรทานเชอร์รี่ 45 กรัม องุ่นดำ 400 กรัมต่อสัปดาห์ หรือผลไม้สีแดงหนึ่งกำมือทุกวัน

ขมิ้นสำหรับการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น


การศึกษาจำนวนมากได้ยืนยันว่าโพลีฟีนในขมิ้นมีประสิทธิภาพป้องกันไซโตไคน์ – สารที่ช่วยกระตุ้นการเกิดการอักเสบได้ มันได้รับการพิสูจน์แล้วว่า คนที่ทุกข์ทรมานจากโรคไขข้ออักเสบ สามารถเพิ่มความคล่องตัวของข้อต่อได้โดยการบริโภคขมิ้น ปริมาณที่แนะนำต่อวันของขมิ้นคือ 375 มิลลิกรัม สำหรับการเคลื่อนไหวที่ดียิ่งขึ้น ก็จะแนะนำให้บริโภคขิงร่วมด้วย

ทีมา share-si.com

หาด่วน!!! เหรียญ 25 สต. พ.ศ.2500 เหรียญหายากราคาหลักแสน จุดสังเกตเหรียญหายาก


ศึกษาก่อนสะสม เหรียญ 25 สต. พ.ศ.2500 เหรียญหายากราคาหลักแสน
เหรียญ 25 สตางค์ ปี2500 ตัวหนังสือบางตราแผ่นดินเล็ก (อันดับ3) เหรียญกษาปณ์อลูมิเนียมบรอนซ์(โลหะสีทองบางคนอาจจะเรียกว่าเนื้อทองเหลือง) หนึ่งในทำเนียบการจัดอันดับเหรียญกษาปณ์หายาก (เฉพาะเหรียญที่ใช้หมุนเวียนนะครับ ที่นำมาจัดอันดับ) เหรียญ 25 สตางค์ ปี2500 ที่สุดของความหายากมากถึงมากที่สุดเลยทีเดียว สำหรับความแตกต่างหรือรายละเอียด บนพื้นเหรียญถ้าไม่สังเกตุให้ดีอาจจะไม่ทราบถึงความแตกต่าง สำหรับเหรียญ 25 สตางค์ พ.ศ.2500 ด้านหลังตัวหนังสือบาง ตราแผ่นดินเล็ก ถ้าใครมีลองติดต่อคุณอรรณพ ดูนะครับ
ขอขอบคุณรูปจากคุณอรรณพ แก้วปทุมทิพย์ ที่จัดทำไว้อย่างดี 

(ชมคลิป)สร้างรายได้แบบพอเพียง !! เลี้ยงมดแดงแบบคอนโด 10-15 วัน เก็บไข่ขายได้หลายหมื่นบาท !!

มดแดงสัตว์เศรษฐกิจราคาแพง ไข่ของมันถือได้ว่าเป็นสุดยอดอาหารพื้นบ้านที่เลิศรส  การเลี้ยงมดแดงแบบคอนโด ทำให้ง่ายต่อการเก็บไข่  แถมราคาขายก็สูงอีกด้วย


ข่มดแดงมีรสชาติที่เฉพาะตัว สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู  ไม่ว่าจะ แกง ผัด  หมก แต่ละเมนูอร่อยๆทั้งนั้น  ไข่มดแดงจึงมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 300-500 บาทเลยทีเดียว  วิ๔ชาวบ้านนั้นต้องไปเสาะหาแหย่รังไข่มดแดงตามต้นไม้สูงถึงจะได้ไข่มดแดงมากินจึงทำให้เป็นอาหารที่หายาก  แต่ปัจจุบันได้มีการเพาะเลี้ยงไข่มดแดงด้วยการใช้ขวดพลาสติกสร้างบ้านใหม่ให้มดแดงอยู่แทน หรือเรียกว่าการเลี้ยงไข่มดแดงแบบคอนโดนั้นเอง

วิธีการทำคอนโดให้มดแดงอยู่อาศัยก็เพียงแค่นำขวดน้ำอัดลมมาตัดคอขวดแล้วกลับด้าน จากนั้นนำไปประกบกับส่วนของก้นขวด ยึดให้สองส่วนนี้ติดกันด้วยเทปกาว  ภายในขวดก็ให้ล่อมดแดงให้เข้ามาอยู่อาศัยโดยการใส่อาหารของมดแดงลงไปด้วย เช่น แมลง เนื้อปลา หรือเนื้อ  จากนั้นนำขวดพลาสติกอีกใบ ปาดขวดให้เป็นช่องเพื่อให้มดแดงสามารถเข้าไปกินน้ำได้  แล้วใส่น้ำผสมน้ำหวานหรือน้ำตาลลงไป นำขวดทั้งสองไปแขวนใต้ต้นไม้ที่มีมดแดงอาศัยอยู่สูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร

เมื่อมดแดงได้กลิ่นอาหารก็จะพากันมาอาศัยอยู่ในขวด  ซึ่ง 1 ขวดสามารถให้ผลผลิตไข่มดแดงได้ถึง 2-3 โดยประมาณ

จากการทำคอนโดให้มดแดงอยู่นี้พบว่า  หากต้นไม้ต้นไหนมีรังมดแดงรังเล็ก มดแดงจะไม่คาบไข่เข้ามาอยู่อาศัยในขวดแต่จะเข้ามาคาบอาหารจากคอนโดเทียมกลับไปที่รังของมันบนต้นไม้  ซึ่งมดที่คาบไข่มาอยู่ในคอนโดส่วนใหญ่จะเป็นมดแดงที่มีรังขนาดใหญ่ ๆ มีจำนวนมดเยอะ ๆ นั้นเอง  ระยะเวลาการคาบไข่มาไว้ในคอนโดขวดก็จะมากน้อยแตกต่างกันไป บางต้นใช้เวลาเพียง 2 วัน บางต้นก็ใช้เวลาถึง 10-15 วัน ไปจน 1 เดือนก็มี  เมื่อมดแดงเข้ามาอาศัยอยู่ในคอนโดแล้วมันจะไม่ต้องการอาหารเพิ่มแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใส่อาหารเพิ่มเข้าไปในคอนโดเลย แต่ให้ใส่ในขวดที่ยังไม่มีมดมาอาศัยอยู่เพื่อเลี้ยงรังอื่นๆแทน
ทีมา http://www.deenews.com/news653.html

“แต้ว-ณฐพร” พูดแล้ว!! ให้สัมภาษณ์กรณีตื้บลูกนายพล – เปิดใจเล่าเหตุการณ์

วันที่ 27 พ.ย. ผู้สื่อข่าวสด ได้ติดต่อไปยัง แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ นางเอกชื่อดังช่อง3 เพื่อสอบถามถึงเรื่องผลกระทบจากกรณที่นายอิศราชนุวัฒภ์ วรรคาวิสันต์ อายุ 23 ปีร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวเชียงใหม่ว่าโดนกลุ่มการ์ดของ “มาลินสกาย” ผับชื่อดังของเมืองเชียงใหม่ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส อ้างว่าก่อนเกิดเหตุกำลังจะเข้าห้องน้ำ โดนการ์ด 4 คนขวางไม่ให้เข้าเพราะมีกลุ่มดาราสาว อุ้ม-ลักขณา, แต้ว-ณฐพร และ มิว-นิษฐา กำลังเข้าห้องน้ำอยู่ ตนจึงโวยวายว่าเป็นห้องน้ำสาธารณะ จนเกิดการทำร้ายร่างกายขึ้น เมื่อกลางดึกวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา (อ่านข่าว – เปิดคลิปลูกนายพลแฉนาทีโดนรุมตื้บ ได้ยิน”บอล-กฤษณะ”ประกาศก้อง”กูเป็นแฟนดารา”)

โดย แต้ว เผยว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นมีคนเข้าไปคอมเมนต์ในไอจี แต้วเห็นบ้างค่ะ แต่ไม่ได้รู้สึกอะไร แค่รู้สึกว่ามันเป็นสิทธิของเขาที่จะแสดงความเห็น แต่แต้วคิดว่าคือเขาอาจจะไม่ได้เป็นคนที่อยู่ในตรงนั้น ไม่ได้เป็นแต้ว ไม่ได้เห็นทุกอย่าง มันก็เข้าใจผิดกันได้”

แต่วันนั้นเราไปที่ร้านกันจริงๆ ใช่ไหม “ใช่ค่ะ เราไปกันประมาณ 4 ทุ่ม นั่งกินที่ร้านกันเกือบ 2 ชั่วโมงและก็กลับ ตอนนั้นก็ยังไม่ได้เห็นเหตุการณ์รุนแรงอะไรทั้งสิ้นเลย และเราเพิ่งมาทราบตอนหลัง ในตอนเช้าว่ามีการชกต่อยทำร้ายร่างกายกัน แต่เราก็ไม่ได้ถามอะไรพี่อุ้มนะ เพราะรู้สึกว่าเห็นเหมือนมีเหตุการณ์อะไรแต่ไม่รู้ว่าเขาต่อยกันเพราะอะไร คือตอนเช้าเราก็มาถ่ายละครกันปกติ”

ที่ไปกินที่ร้าน คือไปกันเองหรือไปกับกองละคร “คือแต้วเล่น ‘นาคี’ พี่อุ้มก็เล่น ทีนี้ทีมงานเป็นทีมงานเดิมที่เคยถ่ายด้วยกัน เรานัดกับพี่อุ้มหลายทีแล้ว แต่ไม่มีโอกาสเจอกันสักที แต่คราวนี้เหมาะเจาะเลยชวนกันไป และชวนนักแสดงที่มาทำงานที่เชียงใหม่ด้วยกันไปด้วย รวมๆ ไปกันประมาณ 7-8 คน ที่เป็นทีมจากแต้ว ไม่รวมพี่อุ้มนะ และไปกินข้าวกัน ก็มีคนจากฝั่งพี่อุ้มอีก 3-4 คน มีพี่อุ้ม แฟนพี่อุ้ม เพื่อนพี่อุ้ม คือนั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน”

ฝั่งคู่กรณีเขาให้สัมภาษณ์ว่า แฟนอุ้มลุกขึ้นจากโต๊ะและประกาศเลยว่า เป็นเจ้าของร้าน มีแฟนเป็นดารา ไม่กลัวใคร ตอนนั้นเราอยู่ที่โต๊ะด้วยใช่ไหม “คือตอนเรากลับ ยังไม่มีการโวยวายอะไรเกิดขึ้น ดนตรียังเล่นปกติ แต้วแค่เห็นว่า มีคนมุงๆ กันอยู่ แต่ไม่มีการด่าอะไรเสียงดังเกิดขึ้นด้วยซ้ำ แค่มุงๆ เราก็รู้สึกว่าท่าไม่ดีแล้ว พรุ่งนี้ต้องทำงานด้วยเราเลยกลับ แต้วเลยไม่ได้รับรู้เหตุการณ์ว่าเป็นอะไร มีต้นเหตุจากอะไร เกิดอะไรต่อจากนั้น ก็คือยังแบลงค์มาก”

บางคนเข้าไปคอมมนต์ว่าจะไม่ดูละคร ‘นาคี’ ที่แต้วเล่น “อันนี้เรายังไม่เห็น แต่เราคงไปห้ามเขาไม่ได้ แต่แต้วอยากเตือนนิดนึงว่าถ้าอ่านข่าวอะไร ก็อยากให้ลองฟังความหลายๆ ฝั่ง เพราะขนาดแต้วเองที่อยู่ในสถานที่นั้น ยังรู้ไม่กระจ่างเลย ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยเพราะเราไม่ได้เป็นคนยืนเห็นทุกอย่าง เราอยู่ที่โต๊ะเราและก็สนุกนานเฮฮากัน แต่นี้เขาไปฟังความจากตัวหนังสือ จากโซเชียลต่างๆ และมาตัดสิน แต้วว่ามันน่าจะน้อยไปสำหรับการนำมาตัดสินเรื่องอะไร”

โกรธไหมที่มีคนเข้าไปคอมเมนต์ว่าเราในไอจี “ไม่โกรธนะ แค่รู้สึกเห็นใจเขามากว่า เขาน่าจะมองอะไรให้มันกว้างกว่านี้นิดนึง คือถ้าเป็นเราลองนึกว่า ถ้าเรารับรู้อะไรมาโดยที่เราเห็นมาแค่ด้านเดียว มันก็ง่ายต่อการที่จะเอียนเองมองว่าเราเป็นคนผิดหรืออะไร มันก็เป็นไปได้ แต่การจะใช้คำพูดออกไปว่าใคร ทำร้ายจิตใจใคร ก็ให้คิดนิดนึงดีกว่า”

ตอนนี้แต้วได้รับผลกระทบอะไรหรือยัง “ยังไม่ได้รับนะ นอกจากคอมเมนต์ในไอจี แต่ว่าเท่าที่อ่าน ก็มีคนมาให้กำลังใจ แต่แต้วรู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นคนผิด เรารู้ในความจริงในส่วนของเรา ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เลยไม่ได้รู้สึกว่ากระทบอะไรมากมาย”

ผู้ใหญ่ที่ช่อง 3 ได้ถามไถ่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไหม “ไม่มีนะค่ะ เขาคงรอฟัง ให้คนที่เกี่ยวข้องจริงๆ เห็นจริงๆ คนกระทำหรือถูกกระทำ ออกมาพูดมากกว่า อย่างเป็นแต้วก็รอให้พูดเหมือนกัน”

เห็นว่าเย็นนี้ อุ้ม-ลักขณา จะมีแถลงข่าว เรามีคุยกับเขาถึงเรื่องนี้ไหม “ไม่ค่ะ คือแต้วคุยกับพี่อุ้มไปแล้ว โทร.คุยกัน เขาก็ขอโทษนะที่อาจจะทำให้เราต้องออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นบ้าง เหมือนทำให้เป็นประเด็นขึ้นมา ส่วนเรื่องที่พี่อุ้มจะแถลงเดี๋ยวเราจะรอฟังเพราะแต้วเองอยู่ในสถานที่นั้น เรายังไม่เห็น ไม่รู้อะไรแท้ๆ ว่าจริงๆ มันเป็นยังไง เราก็อยากฟังเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_117376

อ่านแล้ว ทำเป็นอาชีพได้เลย ! เทคนิควิธีขยายพันธุ์กล้วยแบบใหม่ แทบไม่เคยรู้เลยว่าทำง่ายขนาดนี้เลย

การขยายพันธุ์หน่อกล้วยง่าย ด้วยวิธี “ผ่าหน่อกล้วย” สามารถเพิ่มผลผลิตกล้วยให้ออกทันตาม ซึ่งวิธีผ่าหน่อกล้วยนั้น เราสามารถทำได้หลากหลายวิธี แต่ละวิธีก็จะให้จำนวนต้นพันธุ์ที่แตกต่างกัน เช่น การนำหน่อกล้วยไปขยายพันธุ์, การขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ, การขยายพันธุ์ด้วยการผ่าหน่อกล้วย เป็นต้น….

ในปัจจุบันการขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเป็นวิธีที่นิยมทำกันอย่างแพร่หลาย เพราะสามารถขยายพันธุ์จาก 1 ต้น ให้ได้ต้นพันธุ์กล้วยครั้งละมากๆ ในเวลาอันสั้น แต่หากพูดถึงขั้นตอนการทำนั้นก็แสนจะยุ่งยาก และมีค่าใช้จ่ายในการผลิตสูงตามมากตามไปด้วย
ดังนั้น เกษตรกรบางส่วนจึงแนะนำให้ใช้วิธีการ “ผ่าหน่อกล้วย” มากกว่าการเพราะเลี้ยงเนื้อเยื้อ เพราะในการผ่าหน่อกล้วยนั้น ทำให้ได้ต้นพันธุ์กล้วยมากกว่าหนึ่งต้น รวมทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่าย วิธีการไม่ยุ่งยากจึงทำให้เกษตรกรทั่วไปก็ทำได้เช่นกัน อุปกรณ์และขั้นตอนมีดังนี้

เตรียมอุปกรณ์

– หน่อกล้วยอายุประมาณ 3 เดือน
– มีด , เขียง
– ถุงดำ ขนาด4 x 8 นิ้ว
– กะละมัง
– ขี้เถ้าแกลบ
– ยาฆ่าเชื้อราหากไม่มียาฆ่าเชื้อราให้ใช้ปูนแดง(ปูนเคี้ยวหมาก)แทน


1. นำหน่อกล้วยอายุประมาณ 3 เดือนขึ้นไปที่ยังไม่มีเครือกล้วยมาตัดลำต้น ตัดราก และตกแต่งเหง้าให้สวย



2. แบ่งเหง้าเป็น 2 ส่วน และนำแต่ละส่วนมาแบ่งเป็น 3 – 4 ชิ้น (แล้วแต่ขนาดของหน่อกล้วย) ขนาดชิ้นละประมาณ 2 นิ้ว

3. นำไปแช่ในน้ำยาฆ่าเชื้อราประมาณ 5 นาที



4. นำถุงดำขนาด 4 x 8 นิ้วมาใส่ขี้เถ้าแกลบให้ได้เกือบครึ่งของถุงที่เตรียมไว้ จากนั้นนำชิ้นกล้วยที่แช่น้ำยาฆ่าเชื้อราแล้ว



5. กลบด้วยขี้เถาแกลบอีกครั้ง และรดน้ำทุกเช้าเป็นเวลาประมาณ 45 วัน เพียงเท่านี้เราก็จะได้ต้นพันธุ์กล้วยที่แข็งแรงประมาณ 4 – 12 ต้น สามารถนำไปปลูกไว้รับประทาน สำหรับเกษตรกรท่านใดสนใจ พันธุ์กล้วยจากวิธีการผ่าหน่อ และ กล้วยจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ สามารถสอบถามศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเกษตรกรจังหวัดสุพรรณบุรี หมู่ 12 ต.พลับพลาไชย อ. อู่ทอง จ. สุพรรณบุรี 72160



ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก ศูนย์รวมความรู้การเกษตร

ที่มา:http://www.saraupdate.com/16174

สอบใบขับขี่ใหม่ ! เพิ่มเวลาอบรมจาก 4 ชม. เป็น 15 ชม. ตอบผิดแค่1ข้อ = สอบตก!


สอบใบขับขี่ใหม่ ! เพิ่มเวลาอบรมจาก 4 ชม. เป็น 15 ชม. สอบผ่านจาก 90% เป็น 100% ผิด1ข้อ = สอบตก!

ด้วยจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดขึ้นบ่อครั้งจนมีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงพฤติกรรมกรฝ่าฝืนกฏจราจรที่พบเห็นเป็นจำนวนมากของผู้ใช้รถใช้ถนน กระทรวงคมนาคมจึงเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ควรยกระดับมาตรฐานการขับขี่บนท้องถนนให้มากขึ้นด้วยการ เพิ่มความเข้มงวดเรื่องการออกใบอนุญาตขับขี่รถทุกชนิด โดย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เสนอแนะให้ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) มีการปรับเกณฑ์คะแนนการวัดผลการสอบ ใบขับขี่ จาก 90% ในปัจจุบันเป็น 100% หมายความว่าในอนาคตผู้สอบจะต้องทำข้อสอบทฤษฏีจากทั้งหมด 50 ให้ถูกต้องทุกข้อ ผิดแม้แต่เพียงข้อเดียวคือถูกปรับตก และเพิ่มเวลาอบรมจาก 4 ชั่วโมง เป็น 15 ชั่วโมง

เรื่องนี้หหลายคนที่กำลังจะสอบใบขับขี่อาจบอกว่าทาง กรมการขนส่งทางบก (ขบ.)เข้มงวดเกินกว่าเหตุ แต่เมื่อถึงเวลาที่มีการปรับเกณฑ์การให้คะแนนจริง ทางเจ้าหน้าที่ขนส่งจะมีการนำตัวอย่างข้อสอบ จำนวน 1,000 ข้อ มาโพสต์ลงเว็บไซต์ของทาง กรมการขนส่งทางบก เพื่อให้ผู้เข้าสอบได้ศึกษาก่อนเข้าสอบจริง นอกจากนี้ยังออกกฏให้โรงเรียนสอนขับรถทุกแห่งออกใบประกาศนียบัตรอบรมสอนขับขี่รถยนต์แก่ผู้ที่สำเร็จการฝึกหัดเพื่อนำมาใช้ยื่นขอสอบใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งหากผู้ขอสอบไม่มีใบประกาศนียบัตรจะไม่สามารถร้องขอการสอบได้

ทั้งนี้การปรับคะแนนเกณฑ์การสอบขอใบอนุญาตขับขี่ยังเป็นเพียงข้อเสนอจากกระทรวงคมนาคมเท่านั้น แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงภายในสามเดือนนี้

ที่มา:http://www.share-si.com/2016/09/4-15-1.html

เอาอีกแล้ว!!! หนุ่มโวยโดนตำรวจดักริมถนนจะขอตรวจฉี่ทั้งๆ ที่ขับรถมากับแม่ แต่พอจะฉี่ให้ตรวจกลับบอกให้ไปที่โรงพัก แถมพอมีคนมามุงดูเยอะๆ กลับบอกไม่ตรวจแล้วพร้อมเดินหนีขึ้นรถหน้าตาเฉย!!! (มีคลิป)


กลายเป็นคลิปที่ใครเห็นก็ต้องงง เมื่อคุณ @อาทิตย์ เผดิมผล ได้แชร์คลิปพร้อมเล่าเหตุการณ์ว่า

คืออะไร?! ตำรวจชุมพวงดักจับ-สั่งไปโรงพักตรวจฉี่ (23'พ.ย.59)
โดย@อาทิตย์ เผดิมผล_[ระบุว่า]... มาขอตรวจเยี่ยวแต่ต้องไปโรงพักอย่างเดียว พอคนมาเยอะๆๆกลับ บอกว่าไม่ตรวจ
• ตำรวจพอคนมาไม่เยอะมาบอกให้ผมลงรถ แล้วต้องไปตรวจเยี่ยวที่โรงพักเท่านั้น
• แล้วพอผมถ่ายคลิป พี่ตำรวจที่ใส่ชุดตำรวจ(ชื่อตำรวจหมาน) มาว่าผม"มึงรีบถ่าย"!
• ผมไปกับแม่สองคนครับ ตอนคนไม่มา เดินอ้อมรถ เดินมาว่าผมกับแม่ แต่พอคนมาเยอะพี่ตำรวจ กับหนีขึ้นรถ ขอความเป็นธรรมหน่อยครับ
จาก ส.ภ. ชุมพวง จ. นครราชสีมาครับ
ใหนว่าตำรวจเป็นมิตรประชาชนครับ
#ทั้งนี้_โปรดใช้วิจารณญาณ ~

ที่มา:http://m.johjae.com/highlight-details.php?item=2333

มาเป็นทีม!!! เผยคำสารภาพ สิบตำรวจโทที่วางแผนปล้น 5 ล้าน ที่จริงมีสมาชิกถึง 6 คน พี่ชายเป็นคนบุกปล้นแถมยังมีพ่อค้าป๊อปคอร์นดูต้นทางอีกต่างหาก!!! (มีคลิป)


จากกรณีคนร้าย 1 คนมีอาวุธปืนก่อนจ่อหัว 3 พนักงานขนเงิน ที่กำลังเอาเงินใส่ตู้เอทีเอ็มแบงก์กรุงไทย ในปั้มน้ำมัน ปตท. ริมถนนสายสองพี่น้อง-ลาดบัวหลวง ต.บางเลน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ก่อนกวาดเงิน 5 ล้านบาทแล้วหลบหนีไป ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 1 คน คือส.ต.ต.วิฑูรย์ เพ็ชรปานกัน ผบ.หมู่ สืบสวน สภ.บ้านบึง ชลบุรี ได้ที่บริเวณห้องพักภายในเทศบาลเมืองบ้านบึงในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา

ในเบื้องต้นตำรวจสืบสวนจากโทรศัพท์มือถือที่คนร้ายทิ้งไว้ที่เกิดเหตุ ซึ่งตรวจสอบเบอร์พบว่าเป็นของหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งสอบสวนทราบว่าไม่เกี่ยวกับการปล้น และไม่รู้ว่ามือถือเครื่องนี้เป็นของใคร แต่ตำรวจตรวจสอบเอกสารผู้ลงทะเบียน พบว่าส.ต.ต.วิฑูรย์เป็นผู้คัดทะเบียนราษฎร์ (ทร.14) ของผู้หญิงคนดังกล่าว

        โดยในเบื้องต้น ส.ต.ต.วิฑูรย์ ยอมรับว่า เป็นผู้คัดทะเบียนราษฎร์ (ทร.14) ของผู้หญิงคนดังกล่าว แล้วนำไปให้กับนายชัยเดช เพ็ชรปานกัน พี่ชายไปยื่นเพื่อขอเปิดซิมมือถือเครื่องดังกล่าว ต่อมาส.ต.ต.วิฑูรย์สารภาพอีกว่า ได้เป็นผู้วางแผนในการกระทำความผิดในคดีนี้จริง โดยมีคนร่วมทีมปล้นครั้งนี้ 6 คน คนดูต้นทางคือนายเปี๊ยก ซึ่งเป็นเพื่อนของนายชัยเดช พี่ชาย ไปเปิดซุ้มขายของ(ป๊อปคอร์น) ในปั้มปตท. เพื่อรอคอยดูต้นทาง ขณะที่เจ้าหน้าที่ของธนาคารมาเติมเงินในตู้ เอทีเอ็ม และในวันที่ 6 พ.ย. 2559 ตนกับนายเชาว์ขับรถเก๋ง ซีวิค สีบอนซ์ทอง ไปซื้อโทรศัพท์เพื่อใช้ก่อเหตุเฉพาะกิจในครั้งนี้

ส.ต.ต.วิฑูรย์กล่าวว่า โดยใช้หมายเลขบัตรประชาชนของผู้หญิงคนหนึ่งไปซื้อโทรศัพท์พร้อมซิมการ์ด เพราะต้องการใช้มือถือเครื่องนี้อำพรางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตาม โดยวางแผนว่าใช้โทรศัพท์เครื่องนี้โทรหาคนที่ไม่ถูกกัน และขณะก่อเหตุ จะทิ้งเครื่องโทรศัพท์ไว้อำพราง ส่วนปืนเป็นปืน CZ 9 มม.ซึ่งตนไปเอาปืนมาจากนายตูนแล้ว นำไปให้กับนายชัยเดช พี่ชาย ใช้ในการปล้นเงิน


คลิปเหตุการณ์

ที่มา:http://m.johjae.com/gallery-details.php?item=732

ด่วน จับได้แล้วโจรปล้นพนักงานขนเงิน 5 ล้าน ที่แท้เป็นสิบตำรวจ ดีกรีได้รับรางวัล


สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2559 เกิดเหตุคนร้ายปล้นพนักงานขนเงินกำลังจะเอาเงินเข้าตู้เอทีเอ็มที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท. วัดไผ่โรงวัว-บางเลน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ได้เงินสดไปจำนวนกว่า 5 ล้านบาท อีกทั้งยังจัดฉากทำมือถือตกในที่เกิดเหตุเพื่อปั่นหัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะหลบหนีไปอย่างลายนวนตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2559 ตำรวจสามารถรวบตัวไว้ได้แล้ว 1 รายโดยเป็นตำรวจ ส.ต.ต.วิฑูรย์ เพชรปานกัน อายุ 24 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บ้านบึง จังหวัดชลบุรี และเคยได้รับรางวัลด้านการสืบสวนอีกด้วย ซึ่งเป็นไปตามการสันนิษฐาน เนื่องจากคนร้ายมีทักษะการใช้อาวุธปืนเป็นอย่างดี และมีการสวมเสื้อเกราะ พร้อมวางแผนอย่างแยบยล ในการลงมือก่อเหตุ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังคงเร่งติดตามผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป





ที่มา:http://kanomjeeb.com/article-details.php?item=8074

เอาแล้วไง !! สิบตำรวจปล้นรถขนเงิน 5 ล้าน ที่สุพรรณบุรี ล่าสุดออกมาตอกกลับตำรวจแบบนี้ ยังไงเนี้ย !??

กรณีคนร้ายบุกเดี่ยวใช้ปืนปล้นรถขนเงินของธนาคารกรุงไทย เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท. วัดไผ่โรงวัว-บางเลน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ได้เงินสดไปกว่า 5 ล้านบาท ตำรวจเร่งระดมทีมไล่ล่าคนร้ายตลอดทั้งคืน โดยพบรถจักรยานยนต์ หมวกกันน็อค และรองเท้า ของคนร้าย ในบริเวณป่าละเมาะถูกจอดทิ้งไว้ในบ้านร้าง ในพื้นที่บ้านไผ่บ่อยา หมู่ที่ 2 ต.ดอนมะนาว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ด้านพล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รรท.ผบช.ภ.7 ออกคำสั่งเด้งผกก.สภ.สองพี่น้อง เข้ากรุภาค 7 ไปเมื่อวาน พร้อมตั้งชุดทำงาน เร่งระดมกำลังกดดันคนร้าย

ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นล่าสุดเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 25 พ.ย. พล.ต.ต.สุคุณ พรหมมายน รรท.ผบก.ภจว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.เกรียงไกร วุฒิพานิช รองผบก พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ เฉลียวศิลป์ รองผบก. พ.ต.อ.อนุชิต สุรพินิจ ผกก.สืบสวน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่จาก กองปราบปราบกอง 5 ชุดสืบสวนภาค 7 ชุดสืบสวนภจว.สุพรรณบุรี และชุดสืบสวนสภ.สองพี่น้อง และสุนัขตำรวจ 2 ตัว เร่งปูพรมเข้าตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัย ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถจักรยานยนต์ จอดอยู่ในบ้านร้าง ป่าละเมาะ ที่บริเวณบ้านไผ่บ่อยา ม.2 ต.ดอนมะนาว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี และยังพบหมวกกันน็อค กางเกง รองเท้า ถูกทิ้งไว้ในอ่างน้ำของห้องน้ำ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้ตรวจสอบ และเร่งติดตาม จากนั้นตำรวจลงพื้นที่ไปอีกกว่า 10 จุด หนึ่งในนั้นคือบ้านแฟนของคนร้าย ซึ่งไม่พบตัวคนร้าย คาดหลบหนีไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อคืน แต่ตำรวจมั่นใจยังกบดานอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง

ต่อมาเวลา 10.00 น. ได้รับรายงานความคืบหน้าว่า พบเบาะแสของคนร้ายแล้ว ขณะนี้ตำรวจรวบตัวไว้ได้แล้ว 1 ราย คาดจะนำตัวมาที่สภ.สองพี่น้อง ภายในวันนี้ โดยหนึ่งในคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุนั้นเป็นตำรวจ ส.ต.ต.วิฑูรย์ เพชรปานกัน อายุ 24 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บ้านบึง จังหวัดชลบุรี และเคยได้รับรางวัลด้านการสืบสวนอีกด้วย ซึ่งเป็นไปตามการสันนิษฐาน เนื่องจากคนร้ายมีทักษะการใช้อาวุธปืนเป็นอย่างดี และมีการสวมเสื้อเกราะ พร้อมวางแผนอย่างแยบยล ในการลงมือก่อเหตุส่วนผู้ร่วมขบวนการอีกรายซึ่งเป็นพี่ชายของส.ต.วิฑูรย์ยังหลบหนีอยู่ ตำรวจกำลังเร่งระดมไล่ล่า โดยไม่ได้ลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี ล่าสุดมีคนในปั๊มน้ำมันรู้เห็นเป็นใจด้วย อีกราย เป็นพ่อค้าขายข้าวโพดป๊อปคอร์นล่าสุดออกมาตอกกลับว่าเพราะเงินเดือนน้อยเลยต้องบังคับให้ทำแบบนี้ ซึ่งคาดว่าในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามรวบตัวจับกุมให้ได้ทั้งหมด

ที่มา :  siamdrama.com/view-2688.html

ดูกันชัดๆ ภาพปัจจุบัน ‘น้องล่า เหนียวไก่’ ตอนนี้โตเป็นสาวแล้ว-น่ารักจริงๆ


เป็นกระแสในโลกโซเชียลเมื่อกว่า 2 ปีที่ผ่านมา สำหรับ “น้องล่า” หรือไลล่า สาวน้อยจาก จ.สตูล ที่ได้โพสต์คลิปต่อว่าคนขโมยข้าวเหนียวไก่ของตนจนกลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่วประเทศ ทำให้ตำรวจต้องเข้ามาสืบสวนหาข้อเท็จจริงคดีลักเหนียวไก่เป็นเรื่องราวใหญ่โต






หลายคนคงอยากรู้ว่า ตอนนี้ “น้องล่า เหนียวไก่” เป็นยังไงแล้วบ้าง หลังกระแสเริ่มหายไป วันนี้ “ข่าวสดออนไลน์” รวบรวมภาพปัจจุบันของน้องล่า มาฝากชาวเน็ตกันพอให้หายคิดถึง!

ที่มา:https://www.khaosod.co.th/monitor-news/news_115268

อุทาหรณ์!! เจ้าหน้าที่เภสัชกรรม ช็อกดับ หลังกินยาลดน้ำหนัก อันตราย ยี่ห้อนี้…



เป็นข่าวแชร์ว่อนเน็ตอีกแล้วสำหรับเรื่องยาอันตราย อย่างยาลดน้ำหนัก เพราะล่าสุดทางเพจ รพ.สต.ดงมูลเหล็ก เพชรบูรณ์ ได้ออกโพสต์แชร์ข่าว เรื่องเจ้าหน้าที่เภสัชกรรมช็อกดับ หลังกินยาลดน้ำหนักที่ได้มีการเพิกถอนทะเบียนไปแล้วในประเทศไทย เนื่องจากพบว่าเป็นยาอันตราย แต่ยังพบว่ามีการลักลอบขายและปลอมทะเบียนอยู่  โดยระบุข้อความว่า...
ขออนุญาตแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์นะคะ...
มี case เสียชีวิตจากผลิตภัณ์เสริมอาหารที่ใช้ลดความอ้วน ชื่อ Mang Luk เกิดขึ้นกับน้องจพ.เภสัชฯ รพ.แห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น

...เริ่มต้นจากน้องมีอาการชัก น้ำลายฟูมปาก เป็นลม หมดสติ คลำชีพจรไม่เจอ
หมอ พยาบาล จนท. ช่วยกัน CPR ร่วม 2 ชั่วโมงสุดท้ายยื้อไว้ไม่ได้ เบื้องต้นแพทย์วินิจฉัย MI , sudden cardiac arrest โดยยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด หลังจากสืบสาวราวเรืองและเชื่อมโยงข้อมูลแล้ว พบว่าสาเหตุเกิดจากยาลดนน.ยี่ห้อแมงลัก ซึ่งผสม sibutramine

ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้ "แมงลัก" เป็นอาหารเสริมผสมยาอันตรายที่เพิกถอนไปแล้วในไทย กำลังระบาดหนักในกลุ่มผู้บริโภคที่หวังลดน้ำหนักซึ่งพบว่าผู้ที่ขายส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
สสจ.ขอนแก่นได้ดำเนินคดีตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ไปแล้ว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในวงการสาธารณสุขของเราเองโดยมีโทษทั้งจำและปรับ แต่ยังพบการระบาดอยู่ทั่วไปในขณะนี้ จึงขอแจ้งมาเพื่อเฝ้าระวัง
และอยากให้เป็นกรณีศึกษา...เป็นอุทาหรณ์...ก่อนที่คนใกล้ตัวจะกลายเป็น..."เหยื่อ"
ช่วยกันเป็นหูเป็นตาด้วยนะคะ
รูปภาพเพิ่มเติม 
ลักษณะของแผงบรรจุยา
ยี่ห้อนี้
แบบชัดๆ

ลักษณะของแคปซูลยา
จากโพสต์ของทางเพจ รพ.สต.ดงมูลเหล็ก เพชรบูรณ์ 


แน่นอนว่าจากเรื่องนี้ เราได้รู้ว่ายาลดน้ำหนักอันตรายมากมายขนาดไหน แต่บางท่านอยากจะควบคุมน้ำหนัก เห็นโฆษณาชวนเชื่อจากสื่อต่างๆ ที่มักเอาดารา พริตตี้หุ่นดีๆมาหลอกโฆษณาว่ากินแล้วดี ปลอดภัย แต่จริงๆแล้ว ยาลดน้ำหนักมันอันตรายมาก ทางทีดีของการลดน้ำหนักคือ การออกกำลังกาย และการควบคุมปริมาณอาหาร อย่าไปหลงเชื่อหลงซื้อยาอันตรายเหล่านั้นมาทานอย่างเด็ดขาดนะคะ

ที่มา:kaijeaw

โคตรชั่ว!!! กลุ่มโจรใต้แต่งหญิงอำพรางตัว ขี่มอเตอร์ไซค์ชักปืนเอ็ม 16 ยิงถล่มชุดคุ้มครองครูดับหน้าโรงเรียน ต่อหน้าชาวบ้านที่วิ่งหนีตายกันชุลมุน!!! (มีคลิป)


เมื่อเวลา 07.54 น. วันที่ 24 พ.ย. ร.ต.อ.เอกศักดิ์ ขวัญหวาน รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.บ้านโหนด จ.สงขลา รับแจ้งเหตุยิงกันตาย ที่หน้าโรงเรียนบ้านควนหรัน หมู่ 2 บ้านควนหรัน ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จึงนำกำลังไปตรวจสอบพร้อมชุดสืบสวน กำลังทหารหน่วยเฉพาะกิจสงขลา และหน่วยเฉพาะกิจ ตชด.43 ในที่เกิดเหตุ พบร่าง นายดอเลาะ มะตาเห อายุ 57 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลุ่มเสริมสร้างสันติสุขในชุมชน กองร้อย ตชด.ที่ 432 ทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยครูของโรงเรียนบ้านควนหรัน สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนเอ็ม 16 เข้าที่ศีรษะและลำตัว รวม 6 นัด นอกจากนี้ยังพบปลอกระสุนปืนเอ็ม 16 ตกอยู่ 6 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

         จากการสอบสวนพยานแวดล้อม ทราบว่า ขณะที่ผู้ตายกำลังทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยครูของโรงเรียนบ้านควนหรัน ระหว่างนั้นได้มีกลุ่มคนร้าย จำนวน 4 คน ใช้รถ จยย. 2 คันเป็นพาหนะ โดยคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้สวมชุดแต่งกายเป็นหญิงมุสลิมสีดำเพื่ออำพรางตัว ก่อนใช้ปืนเอ็ม 16 รัวยิงใส่ นายดอเลาะ จนเสียชีวิตคาที่ แล้วจึงพากันหลบหนี ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่ต่างวิ่งหนีตายและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่.
ที่มา:http://m.johjae.com/highlight-details.php?item=2316

การดื่มเบียร์วันละแก้ว! มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มากกว่าที่คุณคิด!

การดื่มเบียร์วันละแก้ว! มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มากกว่าที่คุณคิด!

ดื่มเบียร์ เพียงวันละแก้ว ก็ช่วยให้ผิวคุณสวยขึ้นด้วยนะ แต่ย้ำนะเพียงวันละแก้วเท่านั่น…ไม่ได้หมดแค่นี้เราลองไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง

1.ป้องกันโรคหัวใจ เบียร์มีความเสี่ยงต่อโรค หัวใจน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มเบียร์ 40 – 60 % แต่ควรดื่มไม่เกิน ครึ่งลิตรต่อวัน

2.ช่วยลดความดันโลหิต อัมพาต สารที่มีประโยชน์ในเบียร์สามารถช่วยป้องกันเส้นเลือดอุดตัน

3.ช่วยลดความดันโลหิต การดื่มเบียร์ช่วยลดความดันโลหิตสูงได้

4.ป้องกันเบาหวาน เบียร์ทำให้ร่างกายสามารถปรับฮอร์โมนอืนซูลิให้ความทรงจำดี

5ช่วยให้กระดูกแข็งแรง สามารช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ แต่ได้ผลเฉราะกับหนุ่มสาวเทท่านั่น

6.ช่วยให้อายุยืน

7.ป้องกันท้องร่วง โมเลกุสารที่ว่านี้ขัดขวางเชื้อโรค ในลำไส้ที่เป็น สาเหตุของท้องร่วง ไม่ให้แพร่เชื้อจนท้องเสีย

8.ต้านความเครียด คนทำงานที่ได้ดื่มเบียร์ บ้างเป็นครั้งคราวมีความเครียดน้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่มเบียร์

9.ป้องกันนิ่วใหถุงนํ้าดี การดื่มเบียร์วันละหนึ่งขวดก็จะได้รับแมกนีดซียม ชื่งจะช่วยลดความเสียงโรคนิ่วในไตได้ถึง 40 %

10.ป้องกันโรคนอนไม่หลับ ช่วยให้ประสาผ่อนคลาย ดังนั้น การดื่มเบียร์หนึ่งแก้วในตอนเย็นจึงเหมือนกับการกินยานอนหลับ

เบียร์มีสารต่างๆ มากกว่า1,000 ชนิด รวมทั้งวิตามินและเกลือแร่ เช่น สังกะสี แมกนีเซียม เหล็ก และแร่ธาตุจำเป็น ซึ่งช่วยให้เส้นประสาทและกล้ามเนื้อ แข็งแรง เหตุผลดีๆ ยังมีอีกมากมาย เช่นป้องกันโรคหัวใจ และ เบียร์ช่วยเสริมสร้างสมอง อีกด้วย

ที่มา : http://ti.upyim.com/3839/

6 วิธีแก้เท้าเหม็นให้หายขาดด้วยตัวเอง ด้วยวิธีที่ง่ายเหลือเชื่อ

6 วิธีแก้เท้าเหม็นให้หายขาดด้วยตัวเอง ด้วยวิธีที่ง่ายเหลือเชื่อ


ปัญหาเท้าเหม็นนั้นถือว่าเป็นปัญหาใหญ่เลยก็ว่าได้ หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับคนที่ใส่รองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าที่ระบายอากาศไม่ดี ถอดรองเท้าออกมาก็คงเหม็นกันทุกคน ซึ้งไม่จริง บางคนใส่รองเท้าหนังถอดรองเท้าออกมายังไม่มีกลิ่นเลย เพราะฉนั้นป้ญหาเท้าเหม็นเป็นเรื่องของบุคคลมากกว่า เรามาดูกันว่าทำไมบางคนเท้าเหม็น บางคนเท้าไม่เหม็น

สาเหตุที่ทำให้เท้าเราเหม็นนั้นไม่ได้เกิดจากเหงื่อที่ออกมาจากเท้าเราโดยตรง แต่เกิดจากแบคทีเรียที่อยู่ที่เท้าของเราต่างหากที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเน่าออกมา โดยเชื้อแบคทีเรียที่ว่ามันก็จะไปทำปฏิกิริยากับเหงื่อที่ออกผสมผสานกันอย่างลงตัวจนได้กลิ่นมาดามเฉพาะตัวออกมา ซึ่งเป็นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์เอามากๆ และอีกสาเหตุหนึ่งซึ่งหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าบางคนที่เท้าเหม็นมากๆนั้นจริงแล้วเค้าเป็น "โรคเท้าเหม็น" หรือ Pitted Keratolysis ซึ่งอาการที่จะสังเกตได้ก็คือ เท้าจะเหม็นอย่างรุนแรง อาจมีหลุมเล็กๆบริเวณฝ่าเท้าและง่ามเท้า บางครั้งเวลาสวมถุงเท้าและถอดออกถุงเท้ามักจะแนบติดกับตัวเท้าจะหนืดนิดนึงเวลาถอด ซึงหากใครเป็นโรคเท้าเหม็นแล้วก็ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่แล้วล่ะ บางครั้งการเข้าไปปรึกษาแพทย์อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดก็ได้

แต่ก่อนที่เราจะไปหาหมอเพื่อให้หมอช่วยรักษาอาการเท้าเหม็นนั้น บางทีเราก็ไม่อยากไปหาหมอสักเท่าไร เพราะคงไม่มีใครมีความสุขเวลาไปหาหมอแน่ หากเราสามารถรักษา บำบัด และป้องกันปัญหาเท้าเหม็นด้วยตนเองได้ก็คงจะดีไม่น้อย อย่างแรกก็คือไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปหาหมอ และไม่ต้องเสียเงินค่ารักษาค่ายาด้วย มาดูกันเลย

6 วิธีแก้เท้าเหม็นให้หายขาดด้วยตัวเอง


1 แช่เท้าในน้ำอุ่นผสมเกลือ

เป็นวิธีการง่ายๆแต่ได้ผลดีมากก็คือต้มน้ำให้เดือดและทิ้งไว้ให้พออุ่น จากนั้นใส่เกลือแกงที่เรากินกันนี่แหละลงไปในน้ำที่เตรีมไว้ จากนั้นก็เอาเท้าลงแช่ประมาณ 15-20 นาที ทำอย่างนี้ทุกวัน ภายใน 1 เดือนอาหารเท้าเหม็นของเราจะทุเลาลงได้ เท้าจะเหม็นน้อยลงหรืออาจจะหายไปเลยก็ได้

2 แช่เท้าในน้ำยาเดทตอล

หาซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อเดทตอลที่เป็นขวดน้ำสีส้มๆมาโดยเอาผสมกับน้ำในถังหรือกะละมังที่เตรียมไว้ เวลาแช่ก็ให้เอาแปรงที่ใช้ขัดเท้าขัดทำความสะอาดไปด้วย โดยเฉพาะบริเวณซอกเล็บกับง่ามนิ้วเท้าต้องขัดเป็นพิเศษเพราะเชื้อแบคทีเรียจะอยู่แถวนั้นเยอะ ขัดทุกวันก่อนเข้านอนจะช่วยให้เท้าหายเหม็นแน่นอน

3 แช่เท้าในน้ำยาบ้วนปาก

อีกหนึ่งสูตรการแช่เท้าก็คือไปหาซื้อน้ำยาบ้วนปากมาสักขวด เอายี่ห้ออะไรก็ได้ จากนั้นก็เทลงผสมกับน้ำสัก 2 ฝา แล้วก็นั่งแช่ไปเรื่อยๆตามความพอใจ เอาจนเท้าเปื่อยเลยก็ได้ น้ำยาบ้วนปากจะมีตัวยาที่ใช้ทำลายเชื้อแบคทีเรียได้ดีเช่นกัน แช่เป็นประจำก็ช่วยแก้ปัญหาเท้าเหม็นได้เหมือนกัน แต่จะเปลืองตังค์หน่อยนะ

4 ขัดเท้าด้วยสารส้ม

หาซื้อสารส้มมาสัก 1 ก้อน แล้วก็เอาถูให้ทั่วเท้าทั้งฝ่าเท้า ง่ามเท้า หลังเท้า ทำเวลาอาบน้ำก็ได้อาบน้ำไปถูเท้าไป สารส้มเป็นยาระงับกลิ่นอย่างดี นอกจากเอามาขัดเท้าแล้วก็เอามาถูจั๊กแร้สำหรับคนที่มีกลิ่นตัวกลิ่นเต่าแรงๆได้ผลดีสุดๆ แต่ทาบ่อยๆผิวบริเวณนั้นจะตึงและอาจจะแตกได้นะ

5 ขัดเท้าด้วยเบคกิ้งโซดา

ซื้อเบคกิ้งโซดาหรือผงฟูที่เราเอามาทำขนม เช่น ซาลาเปา ขนมถ้วยฟู ขนมสาลี่ นั่นแหละ มันจะเป็นเม็ดละเอียดๆสีขาวๆ เอามาผสมในน้ำพอให้ข้นๆ จากนั้นก็เอามาทาให้ทั่วเท้าแล้วใช้แปรงขัดทุกมุมของเท้าให้สะอาด เบคกิ้งโซดาจะช่วยฆ่าเชื้อโรคและทำความสะอาดเท้าไปในตัวได้ หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์เบเกอร์รี่ทั่วไป ไม่แพงด้วยซองเล็กประมาณ 10-12 บาท

6 แก้ปัญหาเท้าเหม็นที่รองเท้า ถุงเท้าของเรา

ซักรองเท้าถุงเท้าให้สะอาด อย่าใส่ถุงเท้าคู่เดิมซ้ำกันหลายๆวัน เปลี่ยนพื้นรองรองเท้าบาง

ที่มา -share-si.com

ใครเลือดกรุ๊ปโอควรอ่าน! กรุ๊ปเลือดนี้เสี่ยงป่วยอะไร และห้ามกินอะไรมาดูกัน

คนเลือดกรุ๊ปโอควรอ่าน! กรุ๊ปเลือดนี้เสี่ยงป่วยอะไร และห้ามกินอะไรมาดูกัน!

บุคคลที่มีเลือดกรุ๊ปโอ ถือเป็นบุคคลกลุ่มพิเศษ เพราะว่าพวกเขาสามารถให้เลือดกับคนกรุ๊ปอื่นๆได้ (เม็ดเลือดแดงของกรุ๊ปโอ มีส่วนประกอบที่กรุ๊ปเลือดอื่นๆไม่มี) อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะรับได้แค่เลือดของคนในกลุ่มเดียวกันเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ทุกคนที่มีเลือดกรุ๊ปโอจะเป็นเหมือนกันหมด พวกเขามีแนวโน้มที่จะติดเชื้อพิเศษบางอย่าง แต่พวกเขายังมีคุณลักษณะที่เป็นความสามารถบางอย่างที่ทำให้พวกเขาโดดเด่นด้วย

- ความสามารถในการนำ การดำเนินการที่เป็นมืออาชีพ มีพลังสูงและความสามารถในการเป็นจุดศูนย์กลางที่เชื่อถือได้ ซึ่งคือความเป็นธรรมชาติที่ดีที่สุดของคนกรุ๊ปโอ พวกเขามีทั้งความสามารถและได้ทั้งผลประโยชน์

ในทางกลับกัน พวกเขากลับมีแนวโน้มที่จะป่วยเป็นโรคเฉพาะทางมากกว่าคนกรุ๊ปอื่นๆ ตัวอย่างเช่น เป็นแผล ต่อมไทรอยด์แตก ฮอร์โมนไทรอยด์มีระดับต่ำ และขาดแคลนไอโอดีน ความผิดปกติเหล่านี้อาจนำมาซึ่งผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ ยกตัวอย่างเช่น น้ำหนักตัวมาก และบวมน้ำ

ในประเทศญี่ปุ่น คนที่มีหมู่เลือดกลุ่มโอ มักได้รับการจัดกลุ่มเฉพาะว่าเป็นที่น่าเชื่อถือ นายจ้างที่ญี่ปุ่นมักจะถามลูกจ้างถึงกลุ่มเลือดของพวกเขาว่าอยู่กรุ๊ปอะไร คนที่มีกรุ๊ปโอจะถูกมองว่าเป็นคนมีความสามารถ จงรักภักดี ใจเย็น ขยัน ระมัดระวังและทำงานเก่ง พวกเขาจะได้รับความเชื่อถือและเป็นที่วางใจมากกว่าคนเลือดกรุ๊ปอื่น นี่คือสิ่งที่นายจ้างจะมองหาเป็นอันดับแรกๆเพื่อดูว่าใครจะผ่านการประเมินผลและเอาตัวรอดได้

- สมาธิสั้นและไม่รอบคอบ เมื่อรู้สึกวิตกกังวลพวกเขาจะมีอารมณ์รุนแรง สมาธิสั้นและทำงานแบบสุกเอาเผากิน ไม่กินอาหารตามปกติ ขาดการทำกิจกรรมอย่างที่เคยทำ มีแนวโน้มว่าจะโชคร้าย และหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็จะทำให้พวกเขาไม่สามารถต่อกรกับกระบวนการเผาผลาญที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ ยกตัวอย่างเช่น ความต้านทานต่ออินซูลิน การควบคุมการกระทำและความหนาของต่อมไทรอยด์

นอกจากนี้พวกเขายังมีฤทธิ์กัดกร่อนในกระเพาะอาหารมากกว่ากรุ๊ปเลือดอื่นๆ และมีแนวโน้มที่จะมีพัฒนามาเป็นแผลในกระเพาะอาหาร

คนที่มีเลือดกรุ๊ปโอควรอยู่ให้ห่างจากคาเฟอีนหรือสุรา คาเฟอีนสามารถเป็นอันตรายได้เมื่อมันทำให้ระดับอะดีนารีนเพิ่มขึ้น ซึ่งมันจะมีสูงมากเป็นพิเศษในกลุ่มคนที่มีเลือดกรุ๊ปโอ

ที่มา: share-si.com

หลายคนทำผิดมาทั้งชีวิต!! สระผมตอนเช้าหรือเย็นดีกว่ากัน มาดูคำตอบกัน

หลายคนทำผิดมาทั้งชีวิต!! สระผมตอนเช้าหรือเย็นดีกว่ากัน มาดูคำตอบกัน

ช่วงกลางวันทำงานยุ่งๆ คนส่วนใหญ่จึงชอบสระผมตอนกลางคืนหรือตอนรุ่งเช้าก่อนออกไปทำงาน งั้นควรสระผมตอนเช้าดี หรือตอนกลางคืนดีล่ะ ? การสระผมใช่ว่าจะสระแบบขอไปทีก็ได้นะ!

วันนี้จะมาแบ่งปันข้อมูลสำคัญในการสระผม 8 ข้อด้านล่าง ตั้งใจอ่านดีดีล่ะ!

1. เวลาที่ดีที่สุดในการสระผมคือตอนสามทุ่ม เพราะเวลาสี่ทุ่มถึงตีสอง เป็นช่วงการฟื้นฟูของเซลล์หนังศีรษะ ดังนั้นตั้งแต่เวลาบ่ายโมงถึงสี่ทุ่มจะเป็นช่วงที่เหมาะสมในการสระผม ในขณะที่ช่วงที่ไม่เหมาะที่สุดสำหรับการสระผมก็คือ หลังจากสี่ทุ่มถึงกลางวัน เพราะเป็นช่วงการผ่อนคลายของหนังศีรษะและไม่ควรได้รับการกระตุ้น

2. เป่าผมให้แห้งก่อนค่อยนอน การนอนหลับโดยที่ผมยังเปียกอยู่อันตรายมาก เช่น อาจเป็นหวัดได้ง่าย หนังกำพร้าได้รับความเสียหายง่าย ผมร่วงมากขึ้น ผมเสียง่าย เป็นต้น

3. อย่าหวีผมที่ยังเปียกอยู่ เพิ่งสระผมเสร็จ หนังกำพร้ายังคงอยู่เปิดอยู่ หากในเวลานี้หวีผมหลายๆครั้ง จะทำให้หนังกำพร้าได้รับความเสียหาย และทำให้ผมกรอบแห้งมากหลังจากผมไม่เปียกแล้ว

4. อย่าใช้เล็บเกาหนังศรีษะ การใช้เล็บเกาหนังศีรษะ อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่หนังศรีษะ วิธีที่ถูกต้องคือการใช้นิ้วกดนวดที่หนังศีรษะเบา ๆ

5. ไม่ควรเทแชมพูลงบนศรีษะโดยตรง ควรเทแชมพูในมือของคุณก่อน แล้วถูอย่างสม่ำเสมอค่อยสระผม หากเทลงบนหนังศีรษะโดยตรงอาจทำให้เกิดสารเคมีตกค้างและทำความสะอาดได้ไม่ดีเท่าที่ควร (ไม่ทำให้เกิดฟอง)

6. อุณหภูมิน้ำควรอยู่ที่ประมาน 40 องศา ใช้น้ำเย็นสระผมทำให้หนังศีรษะถูกกระตุ้นมากที่สุด ซึ่งอาจทำให้เกิดการสูญเสียเส้นผมได้! น้ำที่ร้อนเกินไปก็อาจทำความเสียหายต่อรูขุมขนได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น อุณหภูมิน้ำที่ดีที่สุด คือ ประมาณ 40 องศา ร้อนกว่าอุณหภูมิของร่างกายเล็กน้อย

7. ไม่ควรสระผมบ่อยเกินไป เพราะการสระผมทำให้หนังกำพร้าเปิด กระบวนการที่หนังกำพร้าเปิดและปิดย่อมมีการสูญเสียบางอย่างไปดังนั้น การสระผมทุกวันไม่ได้ส่งผลดีต่อเส้นผม แต่บางคนที่ผมมันมากๆ ก็สามารถสระผมทุกวันได้ เพราะการรักษาความสะอาดสำคัญกว่า

8. เวลาสระผม ควรก้มศรีษะลงต่ำเล็กน้อย เวลาใช้แชมพู คนจำนวนมากมักยืนสระ ความแรงของน้ำจะกระทบด้านบนของศรีษะและอาจเป็นสาเหตุให้ผมตรงส่วนนั้นหลุดร่วงมากกว่าตำแหน่งอื่น วิธีที่ดีที่สุด คือ การก้มหัวลงสามารถลดแรงกระแทกของน้ำ และยังช่วยส่งเสริมการไหลเวียนเลือดบนศรีษะได้ด้วย

เส้นผมที่สวยงามต้องคอยบำรุงรักษา ทุกคนต้องใส่ใจ การสระผมก็ต้องใช้ทักษะเหมือนกัน!

ที่มา:http://www.bedtaledidea.com/2016/11/blog-post_23.html

สูตรกระชาย + มะขามเปียก แก้ริดสีดวงทวาร หายขาด

สูตรกระชาย + มะขามเปียก แก้ริดสีดวงทวาร หายขาด

ริดสีดวงทวาร คือ การที่เส้นเลือดดำ รอบๆทวารหนักเกิดการโป่งพองขึ้น ทำให้เกิดอาการริดสีดวงทวารขึ้น ซึ่งอาการเริ่มต้นจะมีตั้งแต่คันที่ปากทวารหนัก จนไปถึงเจ็บทวารหนักเวลาขับถ่าย หรือบางทีมีเลือดปนมากับอุจจาระ ลักษณะเป็นเลือดสดๆหลังการขับถ่าย

จะว่าไปอาการค่อนข้างน่าตกใจน่ากลัวนะคะ ใครที่เคยเป็นคงทราบถึงความเจ็บปวดทุกทรมานกันดี สาเหตุที่เป็นนั้นส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการขับถ่าย หรืออาการท้องผูกเรื้อรัง ทำให้ต้องใช้กำลังในการเบ่งมาก จึงทำให้เส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักเกิดการโป่งพองจนกลายมาเป็นโรคริดสีดวงใน ที่สุด

เมื่อเรารู้จักโรคริดสีดวงทวารกันแล้ว เราก็มารู้จักวิธีแก้หรือทางรักษากันบ้างนะคะ ซึ่งมีอยู่ 2 วิธี วิธีที่1คือทานยา ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือ การใช้สมุนไพรไทยเรานี่แหละ

สมุนไพรไทยที่จะแก้อาการริดสีดวงทวารก็มากมายหลายสูตร และหลายชนิด อยู่ที่ว่าสูตรไหนชนิดไหนใช้รักษาอาการริดสีดวงทวารที่เป็นมากหรือเป็นน้อย แตกต่างกันไป ซึ่ง"กระชาย–มะขามเปียก"เป็นสูตรรักษาอาการริดสีดวงทวารที่เพิ่งจะเริ่มเป็นใหม่ๆ ยังไม่ถึงขั้นรุนแรง และไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามารู้จักสมุนไพรชนิดนี้กันเลยค่ะ

กระชาย หรือ BOESENBERGIA ROTUNDA (LINN) MANSF. อยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE เหง้าและราก มีน้ำมันหอมระเหย CINEOL BORNEOL ใช้แต่งกลิ่นอาหาร แก้บิด แก้โรคในปาก เช่น ปากเปื่อย ปากแตกระแหง "กระโปกกระชาย" ต้มรวมกับ หญ้าขัดมอญ ดื่มต่างน้ำชาบำรุงเลือดแก้กามตายด้าน

มะขาม เป็น พืชที่มีถิ่นกำเนิดจากทวีปแอฟริกา แต่เข้าสู่ประเทศไทยมานานกว่า 700 ปี กระทั่งมีความเชื่อของคนไทยมาแต่โบราณว่าปลูกต้นมะขามไว้ทางทิศตะวันตกของ บ้านจะช่วยให้มีแต่คนเกรงขาม เราสามารถจำแนกมะขามออกเป็นมะขามเปรี้ยวและมะขามหวาน พันธุ์มะขามหวานที่นิยมกินฝักสด เช่น พันธุ์สีทอง น้ำผึ้ง ขันตี หมื่นจง ส่วนมะขามเปรี้ยวมักนำไปทำมะขามเปียก สามารถเก็บไว้ได้นาน ใช้ปรุงอาหารให้รสเปรี้ยวกลมกล่อม

ยอดอ่อนมะขามให้รสเปรี้ยว นิยมนำไปปรุงอาหาร มีวิตามินซีสูงกว่าส่วนอื่น ๆ ช่วยปกป้องตาจากสารอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุให้เลนส์ตาขุ่นมัว และช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคสูงขึ้น เนื้อมะขามมีกรดอินทรีย์อย่างกรดทาร์ทาริกและกรดซิตริก ซึ่งมีฤทธิ์ระบายและลดความร้อนของร่างกาย ใครมีปัญหาท้องผูกบ่อย ๆ ให้ลองกินมะขามสุกสัก 3-4 ฝัก แล้วดื่มน้ำอุ่นตามเยอะ ๆ รับรองเห็นผล แถมยีงช่วยขับเสมหะและลดอาการไอด้วย แคลเซียมนั้นมีมากที่ในฝักอ่อนและมีปริมาณรองลงมาในมะขามเปียกและยอดอ่อน ส่วนมะขามสุกจัดจนเป็นมะขามเปียกนั้นจะมีเส้นใยอาหารสูง

สรรพคุณทางยาที่มีมาแต่โบราณของมะขาม เช่น เนื้อในฝักแก่แก้อาการท้องผูก แก้ไอ ขับเสมหะ เป็นยาระบาย เนื้อมะขามเปียกข้น ๆ ผสมเกลือ กินขับเลือดที่ตกค้างของหญิงหลังคลอด เมล็ดแก่คั่วสุกกะเทาะเปลือก แช่น้ำเกลือให้พอง กินเป็นยาถ่ายพยาธิไส้เดือนหรือบดเป็นผงละลายน้ำ ปิดแผลในคนเป็นโรคเบาหวาน ใบแก่เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะ ขับเลือดและลมในลำไส้ แก้โรคบิด เปลือกต้นต้มน้ำดื่มเป็นยาแก้ท้องเดิน หรือใช้อมแก้เหงือกบวม แก้ฟันผุ

วิธีการรักษา ให้เอา "กระชาย" สด กับ "มะขามเปียก" อย่างละ 50 กรัม และ เกลือป่น 10 กรัม ไปต้มกับน้ำ 1 ลิตร จนเดือดดื่มก่อนนอนครั้งละ 3 ส่วน 4 แก้ว ดื่มทุกวันอาการที่เป็นจะค่อยๆดีขึ้นและหายได้ในที่สุด

เป็นยังไงบ้างคะ กับวิธีการรักษาริดสีดวงทวารโดยใช้ กระชาย-มะขามเปียก เห็นแล้วใช่ไหมคะว่าสมุนไพรไทยของเรามีประโยชน์มากมายจริง นอกจากจะใช้ปรุงอาหารให้อร่อยแล้วยังเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย สุดท้ายนี้ของฝากนิดนึงนะคะ หากใครเป็นโรคริดสีดวงทวารแล้วรักษาหาย ไม่ว่าจะทานยา หรือใช้สมุนไพรก็ตาม

ท่านยังมีโอกาศที่จะกลับมาเป็นอีก แนะนำวิธีป้องกันที่ได้ผลดีที่สุดคือ ให้เปลี่ยนพฤติกรรมด้านการขับถ่าย โดยขับถ่ายให้สม่ำเสมอ และเป็นเวลา รับประทานอาหาร ให้ครบ 5 หมู่ และรับประทานพวกผักผลไม้ที่ช่วยในเรื่องของการขับถ่าย ไข่เจียวดอทคอม ขอรับรองว่า ริดสีดวงทวารจะไม่กลับมาหาท่านอีกแน่นอนค่ะ

ที่มา:http://www.bedtaledidea.com/2016/11/blog-post_19.html

หยุดเลย!! วิธีชาร์จแบตมือถือแบบผิดๆ..ที่หลายคนยังทำกันอยู่!!



หยุดเลย!! วิธีชาร์จแบตมือถือแบบผิดๆ..ที่หลายคนยังทำกันอยู่!!
นำอะแดปเตอร์และสายชาร์จมั่วซั่วมาใช้กับมือถือของตัวเอง
• มีคนมากมายนำอะแดปเตอร์ตัวอื่นๆที่ไม่ใช่ของเครื่องตัวเองมาชาร์จ
• แต่เราอยากจะบอกคุณว่า อะแดปเตอร์ หรือตัวแปลงกระแสไฟฟ้า มีความแตกต่างกันตามอุปกรณ์ที่ต้องการใช้ชาร์จไฟ
• ตัวอะแดปเตอร์ที่เราใช้กันอยู่นั้น จะมีข้อมูลเชิงเทคนิคบอกเอาไว้คือ Input-Output หรือกระแสไฟเข้า-ไฟออก
• ยกตัวอย่างเช่น Input 100-240V นั่นหมายถึงว่า อะแดปเตอร์นี้รองรับกระแสไฟฟ้าไหลเข้าโดยมีปริมาณแรงดันไฟอยู่ที่ 100-240 โวลต์ ซึ่งในประเทศไทย ใช้แรงดันไฟฟ้าที่  220 โวลต์ นั่นจึงหมายถึงว่า สามารถใช้กับไฟบ้านในประเทศไทยได้
• ส่วนมากจะเกิดปัญหาเมื่อนำไปใช้งานในต่างประเทศหรือ นำมาจากต่างประเทศ ฉะนั้นคุณควรดูข้อมูลก่อนใช้งาน

Output 2A นั่นหมายถึงว่า ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลเข้ามาชาร์จสมาร์ทโฟนจะมีความสามารถในการจ่ายกระแสไฟฟ้าที่ 2A (2000mAh) ต่อชั่วโมง
• ซึ่งถือว่ากระแสไฟฟ้าไหลเข้ามาเร็วมาก ฉะนั้นคุณต้องดูด้วยว่าโทรศัพท์ของคุณสามารถรองรับปริมาณกระแสไฟฟ้าขนาดนี้ได้หรือไม่
• ฉะนั้นขอแนะนำให้เลือกใช้อะแดปเตอร์กับสายชาร์จที่มากับตัวเครื่องจะดีที่สุด
คำถามยอดฮิตที่คนมักถามกัน
ถ้าหากซื้อมือถือมาใหม่ต้องชาร์จทิ้งไว้ก่อนหรือไม่
• ถ้าหากเป็นมือถือรุ่นเก่าๆ ที่ซื้อมาใหม่จำเป็นต้องชาร์จไฟทิ้งไว้หรือที่เรียกว่าการกระตุ้นแบต
• แต่ในปัจจุบันมือถือหรือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
• ฉะนั้นไม่มีความจำเป็นต้องชาร์จทิ้งไว้นานๆ หลายชั่วโมง
• คุณสมบัติเด่นของแบตเตอรี่ชนิดนี้คือ จะสามารถชาร์จได้เร็วตั้งแต่ 0-80% เพื่อให้คุณสามารถนำมือถือไปใช้งานได้ทันทีในช่วงเร่งด่วน
• เมื่อถึงเวลาหลังจาก 80% จะเปลี่ยนเป็นการชาร์จแบบช้า เพื่อที่จะได้ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่
• เมื่อโทรศัพท์ชาร์จเต็มที่ 100% สมาร์ทโฟนในปัจจุบันก็จะตัดไฟอัตโนมัติ
ใช้แบตให้หมดแล้วค่อยชาร์จ กลัวครบรอบการชาร์จ
• หลายคนมักเข้าใจว่า รอบการชาร์จจะครบ 1 รอบคือการนับทุกครั้งที่มีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ
• ในความเป็นจริงนั้น แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจะทำการนับรอบของการชาร์จหลังจากที่ได้คายประจุแบตเตอรี่ครบ 100% แล้วเท่านั้น
• ยกตัวอย่างเช่น ในวันนี้เราใช้ความจุแบตเตอรี่ไป 75% แล้วคุณได้นำไปชาร์จใหม่จนเต็ม และในวันถัดไปใช้อีก 25% รวมแล้วทั้งหมดครบ 100% แบบนี้จึงจะเป็น 1 รอบการชาร์จ
• ฉะนั้นคุณไม่ต้องกังวลหรือรอให้แบตเตอรี่หมดจริงๆ แล้วค่อยชาร์จ เหมือนที่เคยๆทำกันก็ได้

ที่มา:http://www.thaijobsgov.com/jobs/84194

นักพิษวิทยาเตือน!! ต้นตีนเป็ด..เพชฌฆาตเงียบ!!


นักพิษวิทยาเตือนให้ระวังพิษ “ต้นตีนเป็ดน้ำ” นำไปใช้ฆาตกรรมได้อย่างแนบเนียน หลังพบต้นไม้ชนิดนี้เจริญเติบโตมากผิดปกติในอินเดีย พร้อมๆ กับจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยพิษจากต้นไม้ที่มีจำนวนมากอย่างน่าสงสัย

        ยิวาน เกลการ์ด (Yvan Gaillard) จากห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ทางพิษวิทยา Voulte-sur-Rhône ในฝรั่งเศส เปิดเผยว่า “คาร์เบอรา โอดอลลาม” (Cerbera odollam) หรือ พืชสกุล “ตีนเป็ดทะเล” ที่เติบโตอยู่ทั่วอินเดียและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการฆ่าตัวตายของชาวอินเดียมากกว่าต้นไม้อื่นๆ และไม่ว่าจะเป็นแพทย์ ผู้ชำนาญด้านอายุรเวช และเจ้าหน้าที่ผู้ชันสูตรพลิกศพต่างไม่สามารถตรวจพบได้ว่าผู้ตายเสียชีวิตเพราะพิษของต้นไม้ดังกล่าวจริงหรือไม่
        คณะทำงานศึกษาเรื่องพิษในต้นตีนเป็ดซึ่งนำโดยเกลการ์ด กล่าวว่า มีเอกสารระบุว่าเฉพาะในรัฐเคราลา (Kerala) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย เพียงรัฐเดียวก็ปรากฏจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยพิษจากตีนเป็ดทะเลมากกว่า 500 รายในช่วงปี 1989-1999

        ทีมงานของเกลการ์ดได้ใช้กรรมวิธีโครมาโตกราฟี (chromatography) อย่างละเอียดคู่กับวิธีการแมส สเปกโตรเมทรี เพื่อชันสูตรเนื้อเยื่อว่ามีร่องรอยพิษของต้นไม้ดังกล่าวหรือไม่ โดยทีมงานได้เปิดเผยถึงจำนวนของผู้ที่ถูกพิษเสียชีวิต และระบุว่าอาจจะกลายเป็นการฆาตกรรมโดยไม่มีใครสามารถสังเกตหรือสงสัยได้ เพราะบางรายที่เสียชีวิตด้วยพิษของตีนเป็ด มีข้อสงสัยว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรมมากกว่า



        เมล็ดของต้นตีนเป็ดนั้นมีรสขม แต่ถ้าหากนำมาใช้วางยาพิษ ก็สามารถกลบเกลื่อนได้ด้วยการนำไปบดและผสมกับอาหารที่มีรสจัด เพราะตีนเป็ดน้ำมีสารที่มีฤทธิ์ต่อหัวใจเรียกว่า “คาร์เบอริน” (cerberin) เป็นตัวยาโครงสร้างเดียวกับที่ใช้ในยากระตุ้นหัวใจ พบมากในต้นฟอกซ์โกลฟ์ (foxglove) ซึ่งพิษจากต้นฟอกซ์โกลฟ์นี้เป็นที่รู้จักกันดีทางตะวันตก

        ส่วนการทำงานของสารกระตุ้นหัวใจในปริมาณมากก็สามารถฆ่าคนได้ เพราะสารดังกล่าวจะไปสกัดกั้นช่องทางเดินของแคลเซียมไอออนในกล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งทำให้รบกวนกระบวนการเต้นของหัวใจ และแม้จะสิ้นใจด้วยพิษตีนเป็ด แต่อายุรแพทย์ก็ยังไม่สามารถจะระบุได้ชัดเจนว่าผู้ตายเสียชีวิตด้วยตีนเป็ดน้ำจริงหรือไม่ จนกว่าจะได้หลักฐานว่ามีการกินต้นไม้ชนิดนี้เข้าไป ดังนั้นมันจึงกลายเป็นการฆาตกรรมที่ดูแนบเนียน

        อย่างไรก็ดี 3 ใน 4 ของผู้ที่ตายด้วยพิษตีนเป็ดนั้นเป็นหญิงชาวอินเดีย โดยทางทีมงานคาดว่า อาจเป็นไปได้ว่าต้นไม้ดังกล่าวกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญในการปลิดชีวิตภรรยาสาวผู้ที่ไม่สามารถเข้ากับธรรมเนียมและครอบครัวสามีชาวอินเดียได้ และที่สำคัญต้นตีนเป็ดดูเหมือนว่าจะเจริญเติบโตอย่างผิดธรรมชาติในบางพื้นที่ บางทีอาจจะกลายเป็นสิ่งสำคัญในการฆาตกรรมก็เป็นได้
        สำหรับต้นตีนเป็ดทะเล มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cerbera odollum Gaertn. อยู่ในวงศ์ตีนเป็ด APOCYNACEAE ในประเทศไทย พบขึ้นตามชายหาด ริมน้ำ คลอง ห้วยหนอง และบริวเณที่มีอิทธิพลของน้ำกร่อยทั่วไป ในต่างประเทศ พบใน อินเดีย ศรีลังกา อินโดนีเซีย
        ต้นตีนเป็ดมีสรรพคุณทางยา แต่ก็มีพิษไม่น้อยและทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ลักษณะทั่วไปของตีนเป็ดทะเลเป็นไม้ต้น ขนาดเล็ก ผลัดใบ สูง 3 – 8 เมตร ลำต้นมักแตกกิ่งต่ำ มีดอก ออกเป็นช่อเชื่อมติดกันเป็นหลอด ส่วนผลค่อนข้างกลมรี ผลอ่อน สีเขียว ผลแก่จัดสีม่วงถึงม่วงเข้มออกดอกและเป็นผลเกือบตลอดปี


        สรรพคุณทางสมุนไพรของตีนเป็ดน้ำ มีมากมายตลอดทั้งต้น ไม่ว่าจะเป็น แก้ลมให้กระจาย แก้ลม แก้อาเจียน เปลือกต้น เป็นยาถ่าย แก้บิด ขับไส้เดือน แก้หวัด แก้หลอดลมอักเสบ สมานสำไส้ แก้ไข้ แก้นิ่ว แก่น รสเฝื่อน กระจายเลือด แก้อัมพาต ทำให้อาเจียนเป็นยาถ่าย แก้อาเจียนเป็นโลหิต แก้ริดสีดวงทวาร แก้โลหิต แก้โลหิตพิการ แก้ไข้ตัวร้อน ใช้เบื่อปลามีฤทธิ์ต่อหัวใจ มียาบำรุงหัวใจ ทำให้อาเจียน เป็นยาถ่ายทำให้แท้งได้

        อย่างไรก็ดียางจากต้น ใบ และเนื้อในผล รับประทานมากทำให้อาเจียน อาจถึงตายได้ ส่วนฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา สามารถนำไปใช้กระตุ้นหัวใจ ต้านแบคทีเรีย ต้านมะเร็ง ลดปฏิกิริยาตอบสนอง ต้านการชัก แก้ปวด เสริมฤทธิ์ยานอนหลับ และการทดสอบความเป็นพิษ พบว่าเมื่อฉีดสารสกัดใบเข้าช่องหนูถีบจักร ขนาดที่ทำให้ส้ตว์ทดลองตายครึ่งหนึ่งคือ 20.8 ก/กก.

ที่มา:kaijeaw

Powered by Blogger.