เสร็จจากร่วมงานศพ อย่าเพิ่งรีบกลับบ้านเด็ดขาด! ความเชื่อโบราณ... ที่คุณต้องอ่าน

เสร็จจากร่วมงานศพ อย่าเพิ่งรีบกลับบ้านเด็ดขาด! ความเชื่อโบราณ... ที่คุณต้องอ่าน

กันไว้ก่อน ดีกว่าต้องมาแก้ทีหลังเน๊าะ

เราหลายครั้งที่เรามักจะได้ยินเกี่ยวกับความเชื่อ ข้อห้ามต่างๆของคนโบราณ ซึ่งครั้งนี้เราจะมาพูดถึงข้อห้ามที่ไม่ควรทำหลังจากร่วมพิธีงานศพ ซึ่งหลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน
หลังจากร่วมพิธีงานศพ อย่ารีบตรงดิ่งกลับบ้านทันที

มีความเชื่อที่ว่ากันว่า เมื่อเสร็จจากพิธีงานศพไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม อย่ารีบกลับบ้านเลยจะเป็นการดีที่สุด ถ้าหากใกล้ๆสถานที่จัดงานศพ มีวัดหรือศาลต่างๆ ให้แวะเข้าไปไหว้ก่อนกลับบ้าน แต่ถ้าหากว่าไม่มี ให้แวะเดินเที่ยว แวะกินข้าว ดูหนัง หรือหาอะไรทำก่อนกลับบ้าน แต่อย่าแวะไปบ้านเพื่อนหรือบ้านญาติพี่น้องเด็ดขาด! เพราะถือว่าไม่ดี จะนำเรื่องร้ายไปให้พวกเขาเหล่านั้น

แต่ในอีกมุมหนึ่ง ถ้าหากว่ามีเพื่อนหรือญาติพี่น้องที่เพิ่งกลับจากร่วมพิธีงานศพ ผ่านมาแถวบ้านคุณและถือโอกาสแวะมาทักทาย คุณต้องรีบปฏิเสธทันทีและขอเลื่อนเป็นวันอื่น เพราะไม่งั้นอาจจะเกิดเรื่องร้ายเรื่องไม่ดีกับคุณ เช่น เจ็บป่วย ไข้ขึ้นสูง ฝันร้าย โดนผีอำ หรืออุบัติเหตุต่างๆที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ยิ่งถ้าหากคุณเป็นคนที่โชคไม่ดี ดวงชะตาขาด หรือมีเคราะห์หนัก แบบนั้นยิ่งแย่ อาจจะทำให้ไม่สบายตัว ต้านทานวิญญาณเหล่านั้นไม่ไหว และอาจจะถูกวิญญาณครอบงำได้ง่าย

แต่สำหรับบางคนที่จิตแข็ง ดวงชะตาดี มีบุญเก่าหนุนนำ ก็อาจจะไม่เกิดผลกระทบอะไรมากมาย และแนะนำว่า คนป่วยสุขภาพอ่อนแอ คนแก่ เด็ก และคนที่จิตอ่อน ไม่ไปร่วมพิธีงานศพจะเป็นการดีที่สุด

นอกจากการร่วมพิธีงานศพแล้ว การไปสถานที่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เยี่ยมคนป่วยที่โรงพยาบาล หรือไปห้องเก็บศพ เมรุเผาศพ หรือสุสาน ก็ให้ทำแบบเดียวกับวิธีข้างบนคือ อย่ารีบกลับบ้านเลย และยิ่งไม่ควรไปกว่านั้นคือการชวนเพื่อนหรือญาติพี่น้องที่ไปงานศพด้วย มาที่บ้าน เพราะจะทำให้ยิ่งเกิดเรื่องไม่ดีกับคุณ

หลายคนที่ไม่เชื่อเรื่องเทพผี วิญญาณ เรื่องไสยศาสตร์ ชีวิตของพวกเขาก็มักจะปราศจากข้อห้าม ใช้ชีวิตปกติในแบบตามใจตนเอง ในแบบที่ตัวเองชอบ ใช้ชีวิตบนหลักเหตุผล ดังนั้นเมื่อพวกเขาพบเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรืออุบัติเหตุพวกเขาก็จะสะท้อนมองตัวเองก่อน แทนที่จะโทษสิ่งอื่น

นอกจากนั้นก็ยังมีคนอีกประเภทหนึ่งที่งมงาย และเชื่อเรื่องภูตผี วิญญาณ เรื่องไสยศาสตร์ มากจนเกินไป ทำให้ชีวิตของพวกเขาในแต่ละวันมักจะผ่านไปด้วยความระแวดระวัง อยู่ภายใต้ความกลัว แบบนั้นก็ไม่ดี แบบนี้ก็ไม่ได้ กลัวว่าทำแบบนั้นแล้วจะทำให้ชีวิตมีแต่เรื่องไม่ดีเกิดขึ้น

คนโบราณสมัยก่อนมักจะทิ้งคำสอน ความรู้ และกฎข้อห้ามต่างๆ เป็นแนวทางในการใช้ชีวิตไว้ให้คนรุ่นใหม่ เพื่อปรับใช้กับชีวิตในปัจจุบัน สะดวกสบายมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้น แต่ถ้าหากความรู้ที่เราได้มานั้นกลับทำให้ชีวิตของเรายิ่งมีแต่แย่ลง มีแต่ความกลัว หวาดระแวง นั่นยิ่งถือว่าไม่ใช่ความรู้ ไม่ใช่คำสอนที่แท้จริง อาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องที่คนแต่งขึ้นมาเพื่อหลอกให้คนเชื่อหรือหลงงมงาย

และนี่ก็เป็นหนึ่งในวิธีการปฏิบัติอีกแนวทางหนึ่ง ตามความเชื่อของคนโบราณ ที่ถูกสอนต่อๆกันมา ให้เราได้เรียนรู้ ได้ลองปฏิบัติตาม แต่ไม่ได้ให้เราเชื่อหรือหลงงมงายมากจนเกินไป

ในคำสอนของขงจื้อ สอนให้เรา "เคารพเทพผีแต่ควรหนีให้ห่างไกล"

เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ จงเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบมนุษย์ให้มากที่สุด เมื่ออยู่ในฐานะลูกก็จงทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด กตัญญู ตอบแทนบุญคุณบุพการีให้ได้มากที่สุด เมื่ออยู่ในฐานะผู้ใหญ่จงทำหน้าที่ผู้ใหญ่ให้ดีที่สุด เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ ให้ความรู้ และสอนให้พวกเขาโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต หากมัวแต่ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กับเหล่าภูตผี ปีศาจ อยู่แบบนั้น ชีวิตก็จะมีแต่พบกับปัญหา

อย่างเช่นคุณลักษณะของฟ้า ดิน มนุษย์ ที่ว่า "ฟ้าเคลื่อนคล้อยแข็งขัน บัณฑิตต้องเอาอย่างฟ้ามุ่งมั่นมิหยุดหย่อน"

"ธรรมชาติไม่เคยขี้เกียจ ฤดูกาลไม่เคยผิดนัด คนมีการศึกษาต้องเอาเยี่ยงอย่างธรรมชาติใฝ่หาความรู้ตลอดเวลาไม่ขี้เกียจ และไม่ผิดนัดต่อมโนสำนึกการใฝ่รู้ของตนเอง นัยว่า ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ"

คุณลักษณะเหล่านี้เป็นแนวทางที่ดีอย่างหนึ่งในการใช้ชีวิต ให้เราใช้ชีวิตตามวิถีมนุษย์ ยึดหลักเหตุผล อย่างน้อยก็ให้เราได้เรียนรู้อยู่บนโลกความเป็นจริง อยู่ในสิ่งที่เห็นและจับต้องได้ แค่นี้เราก็จะมีชีวิตอย่างสงบสุข

จาก .liekr.com
Powered by Blogger.