สูตรไม่ลับ วิธีการทำไส้อ่อนย่างนุ่ม กับ น้ำจิ้มแจ่วรสเด็ด!! อร่อยมากจนหยุดไม่อยู่

สูตรไม่ลับ วิธีการทำไส้อ่อนย่างนุ่ม กับ น้ำจิ้มแจ่วรสเด็ด!! อร่อยมากจนหยุดไม่อยู่
วิธีทำไส้อ่อนย่างนุ่มๆ ละมุนลิ้น
วัตถุดิบ

1.ไส้อ่อน 350 กรัม
2.รากผักชี 2-3 ราก
3.กระเทียม กลีบเล็ก 1 หัว
4.พริกไทยป่น 2 ช้อนชา
5.ซอสหอยนางรม 2 ช้อนชา
6.ซอสปรุงรส ฝาเขียว 2 ช้อนชา
7.ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
8.น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
9.เกลือป่น 1 ช้อนชา
10.ตะไคร้ 1 ต้น หั่นแล้ว บุบให้แตก
11.ใบมะกรูด 2-3 ใบ
12.น้ำเปล่า ไว้สำหรับต้มไส้อ่อน (กะให้ท่วมไส้อ่อน เวลาต้ม)

วิธีการทำ

1.นำรากผักชี กระเทียม พริกไทยป่นใส่ในครกและโขลกให้ละเอียด
2.นำไส้อ่อนมาล้างทำความสะอาด โดยขยำไส้อ่อนกับเกลือ แล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด
2-3 ครั้ง เสร็จแล้วพักไว้ ทำขั้นตอนต่อไป
3.ต้มน้ำเปล่า ใส่ ตะไคร้ ใบมะกรูดและเกลือลงไป เพื่อดับคาว เมื่อน้ำเดือดพล่านจากนั้น นำไส้อ่อนที่เราตรียมไว้ลงไปต้มประมาณ 45 นาที
4.นำไส้อ่อนที่ต้มนิ่มตักขึ้นมาหั่นเป็นช่อๆ จากนั้นนำเครื่องที่โขลกไว้ใส่ลงไป แล้วตาม ด้วยเครื่องปรุง ซอสหอยนางรม ซอสปรุงรสฝาเขียว ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย ลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 10-15 นาที
5.นำไส้อ่อน ที่เราหมักไว้มาย่างให้สุกคอยพลิกกลับด้านเรื่อยๆ ย่างให้ไส้อ่อนเกรียม จากนั้นจัดใส่จาน พร้อมรับประทาน (เทคนิค: ใช้เตาถ่านย่างจะหอมอร่อยกว่า)

แต่เดี๋ยวก่อนได้สูตรทำไส้อ่อนย่างไปแล้ว จะลืมน้ำจิ้มรสเด็ดไปได้อย่างไร ตอนนี้เรามาดูวิธีทำน้ำจิ้มที่ทานคู่กับไส้อ่อนอย่างกันดีกว่า

วัตถุดิบ

1.น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
2.น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
3.น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
4.พริกป่น 2 ช้อนชา
5.ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
6.หอมแดงซอย 2-3 หัว
7.ต้อนหอมซอย 1 ต้น
8.ผักชีฝรั่งซอย 1 ต้น

วิธีการทำ

1.ผสมน้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลทราย เข้าด้วยกัน คนให้น้ำตาลทรายละลายจนหมด
2.ใส่พริกป่น ข้าวคั่ว หอมแดงซอย ต้นหอมซอยและผักชีฝรั่งซอย ลงไปคนให้เข้ากัน แค่ นี้เราก็ได้น้ำจิ้มรสเด็ดไว้ทานคู่กับไส้อ่อนย่างแล้ว

หลังจากอ่านกันแล้ว ชักหิวขึ้นมากันแล้วใช่ไหม เย็นนี้เราไปจัดเตรียมวัตถุดิบมาทำไส้อ่อนย่างเหนียวนุ่มๆอร่อยกำลังดีกับน้ำจิ้มรสเด็ดกันดี อิ่มอร่อยกันเลยทีเดียวคราวนี้

ที่มา - http://www.thaijobsgov.com/jobs=54633

วิธีต้มไข่แดงทะลุไข่ขาว เค้าทำกันแบบนี้ น่ากินมาก ขอบอก

ไม่เคยรู้มาก่อน!! “วิธีต้มไข่แดงทะลุไข่ขาว” เค้าทำกันแบบนี้ น่ากินมาก ขอบอก!!
วันนี้ขอนำเสนอ การต้มไข่แดงทะลุไข่ขาว ซึ่งเห็นแล้วดูน่ากินมาก น้ำลายไหลเลยค่ะ  ทานคุ่กับข้าวขาหมู อร่อยมากแน่นอนค่ะ  สูตรนี้เป็นของร้านข้าวขาหมูเซ็นหลุยส์  ฟู๊ดคอร์ท  ซีคอนบางแค  มาดูวิธีการทำดีกว่าค่ะ

ส่วนผสม

1.ไข่เป็ดเก่า ประมาณ 2-3 วันขึ้นไป (หรือไข่เป็ดสดนำไปตากแดด 1 แดด)
*ไข่ไก่ไม่ได้นะค่ะ เพราะมันจะไม่แข็งตัวจะเป็นน้ำค่ะ

วิธีทำ

1.ต้นไข่ในหม้อให้ท่วมไข่
2.แล้วตั้งไฟระดับปานกลาง ห้ามคนไข่เด็ดขาด
3.ใช้เวลาต้ม 8 นาที   และก็ทิ้งไว้ประมาณ 2-3นาที แล้วเทน้ำออก
4.นำไปแช่ในน้ำเย็น แล้วก็ปอกได้เลยจร้า ^__^

ข้อมูลจาก: http://www.upyim.com/clip/8208

สูตรอาหารบำรุงเส้นเอ็น ทำง่ายๆ หายปวดเข่า ปวดข้อ จะเดิน ยืน วิ่ง ก็คล่องตัว

 สูตรอาหารบำรุงเส้นเอ็น ทำง่ายๆ หายปวดเข่า ปวดข้อ จะเดิน ยืน วิ่ง ก็คล่องตัว

หัวเข่าของเราจะรวมอยู่ในการเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สุดของเรา เพราะทุกวันเราต้องเดิน ยืน วิ่ง กระโดด ด้วยเหตุนี้เราจำเป็นต้องให้มันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
แม้ว่ามันจะมีสารหล่อลื่นธรรมชาติเพื่อสร้างความยืดหยุ่นในตัวมันเอง แต่มันก็อาจอ่อนแอลงได้หากมันได้รับบาดเจ็บ เพราะอวัยวะส่วนนี้เชื่อมต่อระหว่างร่างกายกับพื้นดิน เราจึงต้องคอยดูแลรักษาเส้นเอ็นเข่าให้แข็งแรงสมบรูณ์อยู่เสมอ

โชคดีที่มีสูตรธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพมากซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับเข่าและช่วยเพิ่มการหล่อลื่นอีกเช่นกัน
 ส่วนผสมหลักของสูตรดังนี้ ได้แก่ เจลาติน, สับปะรด, อบเชย, และข้าวโอ๊ต ส่วนผสมทั้งหมดนี้อุดมไปด้วยซิลิคอน แมกนีเซียม บรอมีเลน และวิตามินซี เพียงคุณนำทั้งหมดนี้มาปั่นผสมให้เข้ากันและดื่มเพื่อสุขภาพ มันมีประสิทธิภาพสูงในการต้านการอักเสบและบรรเทาความรู้สึกเจ็บปวดให้ลดลงได้

เจลาตินธรรมชาติดีเลิศในการบำรุงเส้นเอ็นมันเป็นตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพเพราะมีโปรตีนคอลลาเจนอยู่สูงมาก
ส่วนผสม:

สับปะรดหั่นเป็นชิ้น 2 ถ้วย
อบเชย 7 กรัม
ข้าวโอ๊ต1 ถ้วย
เจลาติน (40 กรัม) 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มคั้นสด 1 ถ้วย
น้ำผึ้ง 40 กรัม
อัลมอนด์บด40 กรัม
น้ำ 250 มล.

วิธีทำ:

เริ่มด้วยการนำข้าวโอ๊ตไปต้มให้สุกและเติมน้ำส้มลงไป

ถัดไปเติมเจลาติน น้ำผึ้ง อัลมอนด์บด อบเชย และชิ้นสับปะรดใส่ลงในเครื่องปั่นและผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน

จากนั้นให้ใส่ข้าวโอ๊ตลงในเครื่องปั่นและผสมกันอีกครั้ง คุณสามารถเติมน้ำแข็งลงไปได้เล็กน้อยหากคุณชอบทานแบบเย็นๆ

เพลิดเพลินไปกับรสชาติและคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ

โดย : rak-sukapap.com

10 นิมิตฝันให้โชค! ถ้าฝันแบบนี้ มีโชคลาภ มีดวงจะถูกหวย เตรียมรวย

10 นิมิตฝันให้โชค! ถ้าฝันแบบนี้ มีโชคลาภ มีดวงจะถูกหวย เตรียมรวย
10อันดับให้โชค

1.ฝันว่าผ่าท้องตนเองควักไส้ออกมา หรือฝันว่าได้กินเลือด กินเนื้อสดๆ จะ ได้ลาภก้อนโต

2. ฝันว่าอาเจียนออกเป็นเลือด จะได้ ลาภแน่นอน

3. ฝันว่าได้จับขี้ เหยียบขี้ เป็นฝันที่นักเสี่ยงโชคทั้งหลายให้การรับรอง ว่าเป็นฝันแห่งโชคลาภ

4. ฝันว่าจับปลา กุ้ง กบ หรือฝันเห็น หอน เหี้ย พญานาค หิ่งห้อย ตั๊กแตน ทานจะไดลาภแน่นอนมากน้อยตาม จํานวนหรือขนาดของสัตว์ที่จับได้

5. ฝันเห็นซากศพที่เน่าเปื่อย มีนํ้า เลือดนํ้าหนองไหลเยิ้มหรือฝันเห็น คนตาย โบราณว่าเป็นฝันที่ดี ผู้ฝัน จะมีโชคลาภ

6.ฝันว่าไดคลอดลูก หรือได้อุ้มเด็ก ทารกที่น่ารักนาชังจะมีโชคเหมือนกัน

7. ฝันว่ามีผู้นําแก้วแหวนเงินทอง เครื่องประดับมาให้มักจะได้ลาภถูก หวย แต่ไม่แน่นักเพราะอาจจะหมาย ถึงลาภอย่างอื่น เช่น จะได้พบเนื้อคู่ ได้บุตรที่มีบุญเป็นตน

8.ฝันเห็นของลับของ ชาย-หญิง หรือฝันว่าได้ร่วมหลับนอนกับคนแ ปลกหน้า จะได้ลาภ

9. ฝันว่าตัวเองถูกฆ่าตายแล้วกลับฟื้น ผู้นั้นจะมีลาภตลอดทั้งปี

10. ฝันว่าได้กินผัก ผลไม หรือจับ ต้องนํ้าเต้า ฟักแฟง แตงต่างๆ ให้ซื้อ หวยตามเพศตรงข้ามบอกจะมีโชค

ข้อมูลจากเพจ ดูดวงฟรี ตัวเลขโชคดี อ.เพชรน้ำหนึ่ง

ใครที่กำลังทรมานกับการปวดฟันอยู่ เมื่อใช้สิ่งนี้...อาการปวดจะหายไปในไม่กี่วินาที

ใครที่กำลังทรมานกับการปวดฟันอยู่ เมื่อใช้สิ่งนี้...อาการปวดจะหายไปในไม่กี่วินาที

เมื่อปลายประสาทฟันอักเสบคุณจะมีอาการปวดฟัน
อาการนี้อาจเกิดจาก...

- โรคเหงือก
- การติดเชื้อทางทันตกรรม
- ภาวะการหยุดหายใจขณะหลับ
- ฟันแตกหรือร้าว
- ความผิดปกติข้อต่อขากรรไกร (TMJ)
- การถอนฟัน
- การอุดฟันหรือครอบฟันไม่ดี

ถ้าคุณมีอาการปวดฟัน คุณควรไปพบทันตแพทย์ แต่อาการปวดฟันไม่เคยมีสัญญาณเตือนใดๆมักเกิดขึ้นในเวลาแปลกๆที่ทำให้คุณไม่สามารถไปพบหมอฟันได้
ในสถานการณ์เช่นนี้ คุณสามารถทำสูตรพิเศษเพื่อบรรเทาอาการปวดฟันได้ง่ายๆที่บ้าน

นี่คือวีธีรักษาธรรมชาติที่คุณสามารถลองทำเพื่อบรรเทาอาการปวดฟันได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที

ส่วนผสม

- กระเทียมผง หรือ กระเทียมป่นแห้ง  1/2 ช้อนชา
- น้ำมันมะพร้าว  1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

- ผสมส่วนผสมทั้งหมดลงในแก้วและผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน
- ใช้แปรงสีฟันของคุณทาส่วนผสมบริเวณฟันที่มีปัญหา
- ใช้ส่วนผสมนี้ 3 ครั้งต่อวัน

ประโยชน์ของส่วนผสมนี้

- กระเทียมผง หรือ กระเทียมป่นแห้ง ช่วยบรรเทาอาการปวดฟันที่มีประสิทธิภาพ
- น้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยคุณสมบัติใช้ต้านเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการปวดฟัน
มันเป็นสิ่งจำเป็นที่คุณควรรู้วิธีการรักษานี้ เพื่อบรรเทาอาการปวดฟัน เมื่อคุณไม่สามารถไปพบหมอฟันได้
โดย : http://www.rak-sukapap.com/

แพทย์ตะลึง! น้ำมันมะพร้าวฆ่าเซลล์มะเร็งในลำไส้ใหญ่ได้ถึง 93% ได้ในระยะเวลาอันสั้น

 แพทย์ตะลึง! น้ำมันมะพร้าวฆ่าเซลล์มะเร็งในลำไส้ใหญ่ได้ถึง 93% ได้ในระยะเวลาอันสั้น

น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

แม้ว่าการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าการรักษาด้วยธรรมชาติให้ผลในเชิงบวกกับโรคต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ยังคงอ้างว่ายังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะรวมมันไว้ใน การรักษาโรคมะเร็ง
นอกจากนี้ยังการศึกษาอีกจำนวนมากได้รับการสนับสนุนและได้รับทุนจากองค์กรการค้ายาขนาดใหญ่เพื่อทำการทดลองเนื่องจากผลกำไรทางการเงินค่อนข้างมากกว่า เมื่อเทียบกับสุขภาพ

อย่างไรก็ตามทีมนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Adelaide ในออสเตรเลียพบว่าน้ำมันมะพร้าวมีกรดลอริกที่สามารถกัดกร่อนและทำลายเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ถึง 93% ได้ ในเพียงไม่กี่วัน! การทดลองเหล่านี้ได้นำสัตว์มาทำการทดลองในหลอดทดลองและแสดงผลแบบขนาน

ประสิทธิภาพของกรดลอริกสามารถกัดกร่อนและทำลายเซลล์มะเร็ง ในขณะที่ระดับกลูตาไธโอนและออกซิเดชันลดลง อีกทั้งมันยังสามารถพบได้ในนมแม่ที่มี คุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียที่มีศักยภาพอีกเช่นกัน
สมาคมโภชนาการอเมริกันได้ทำการศึกษาและพบว่าไขมันในน้ำมันมะพร้าว “มีประโยชน์มากสามารถใช้ในการรักษาและลดผลกระทบต่ออาการเจ็บป่วยได้ เช่นโรค เบาหวาน โรคกระดูกพรุน โรคไวรัส (เชื้อไวรัสตับอักเสบ เริมและอื่น ๆ ) การติดเชื่อในทางเดินน้ำดี โรคโครห์น และโรคมะเร็ง "

นอกจากนี้การศึกษาครั้งนี้ยังพบว่ามันยังช่วยบรรเทาผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดและช่วยทำให้สุขภาพของผู้ป่วยโรคมะเร็งดีขึ้นอีกด้วย

เห็นได้ชัดว่าธรรมชาติสามารถช่วยรักษาโรคต่างๆ ให้กับเราได้ ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องศึกษาถึงคุณสมบัติของพวกมันเพื่อนำมาใช้อย่างถูกต้องเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด กับตัวเรา

โดย : http://www.rak-sukapap.com/

8 อาหารต้องห้าม!!สำหรับสุนัข อันตรายถึงตาย.. ต้องระวัง!!

  สุนัข ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจของใครหลาย ๆ คนเลยก็ว่าได้  เมื่อสุนัขได้กลิ่นหอม ๆ ของอาหารจากห้องครัวทีไรเป็นต้องวิ่งเข้าหาทุกครั้ง และเชื่อว่าเจ้าของทุกคน หากได้หันไปเห็นดวงตากลม ๆ ส่งสัญญาณอ้อนวอนมาเมื่อไหร่ล่ะก็ ย่อมต้องใจอ่อน ยอมแบ่งอาหารให้ตลอด โดยไม่รู้เลยว่า ตัวเองกำลังทำร้ายสุนัขทางอ้อม เพราะอาหารและผักผลไม้บางชนิดถึงแม้จะมีประโยชน์กับคน แต่อาจทำให้เกิดโทษกับสุนัขได้ แล้วอาหารและผักผลไม้ชนิดใดบ้างล่ะ ที่เป็นอันตรายและไม่เป็นอันตรายต่อสุนัข ถ้าอยากรู้ก็ไปดูกันเลยค่ะ

       อาหารที่เป็นอันตรายต่อสุนัข

       1. ชา กาแฟ มีคาเฟอีน และน้ำตาล อาจจะทำให้เกิดอาการคล้ายๆ กับการกินช็อคโกแล็ต
       2. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้เกิดอาการได้รับสารพิษมากเกินไป เข้าขั้นโคม่าและตายได้
       3. ยาสูบ ทำให้น้ำลายฟูมปาก คลื่นไส้ อาเจียน ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
       4.อาหารทารกสำเร็จรูป มักมีส่วนผสมของหัวหอมที่เป็นพิษกับสุนัข และถ้ากินมากๆ อาจอยู่ในภาวะขาดสารอาหารได้
       5.น้ำมันสกัดจากผลไม้ชนิดส้ม ทำให้เกิดการอาเจียน
       6.อาหารแมว มีโปรตีน และไขมันมากเกินไปสำหรับสุนัข
       7.วิตามินที่มีธาตุเหล็ก ทำลายเนื้อเยื่อของระบบย่อยอาหารและเป็นพิษต่อตับ และไต
       8.ตับ (ในปริมาณมาก) ทำให้เกิดวิตามินเอเป็นพิษ ส่งผลกับกล้ามเนื้อ และกระดูก
  9.ไข่ดิบ มีสาร Avidin ที่ลดการซึมซับไบโอติน (วิตามินบีชนิดหนึ่ง)และทำให้เกิดผลเสียต ่อขนและผิวหนัง
       10.ปลาดิบ ทำให้เกิดการขาดวิตามินบี Thiamine และไม่อยากอาหาร ชักหรือในกรณีที่ซีเรียสมากอาจถึงตายได้
       11.ของหวาน ทำให้อ้วนผิดปกติ มีปัญหาโรคในปาก เป็นเบาหวานได้
       12.นม และผลิตภัณฑ์จากนม สุนัขส่วนใหญ่ไม่มีเอนไซม์ใช้ย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมวัวมากพอ ซึ่งจะทำให้เกิดท้องเสีย ควรใช้นมสุนัขที่ไม่มีแลคโตส
       13. เกลือ ถ้ากินมากเพราะจะมีผลต่อไต

       14.กระดูก กระดูกที่คุณเห็นว่าสุนัขชอบแทะนั้น จริง ๆ แล้วก็มีอันตรายซ่อนอยู่เหมือนกัน เพราะอาจทำให้สัตว์เลี้ยงติดคอ หรือเศษกระดูกอาจเข้าไปติดค้างอยู่ในระบบย่อยอาหารหรือไปทำให้เยื่อบุฉีกขาด เคี้ยวจนเกิดแผลทำให้ติดเชื้อภายในอาจถึงตาย
  15.เห็ด เห็ดที่เกิดตามธรรมชาติมีทั้ง ปลอดภัยและมีพิษ แล้วคุณจะกล้าเสี่ยงให้สัตว์เลี้ยงของคุณกินไหม ? โทษของ เห็ด นอกจากจะทำให้อาหารในกระเพาะไม่ย่อยแล้ว ยังส่งผลเสียต่ออวัยวะในระบบขับถ่ายอื่น ๆ อีกด้วย โดยเฉพาะตับและไต นอกจากนี้หากคุณให้สุนัขกินเห็ด สุนัขก็จะเคยชินกับกลิ่นของเห็ด และหากสุนัขได้กลิ่นเห็ดเมื่อออกนอกบ้าน มันก็อาจเผลอกินเห็ดมีพิษได้

       16.แป้งขนมปัง/ยีสต์ เพราะในเนื้อแป้งมียีสต์จำนวนม โดยหากเข้าไปในร่างกายสัตว์แล้วจะผลิตก๊าซในกระเพาะอาหาร ก่อให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะภายในและหายใจติดขัดได้ หนำซ้ำตัวยีสต์ยังทำปฏิกิริยาทำให้เกิด แอลกอฮอล์ ขึ้นได้อีกด้วยอันตรายถึงชีวิตเลยนะ

       17.หมากฝรั่ง ที่มีสารไซลิทอลให้ความหวาน ซึ่งพอหมากฝรั่งเข้าไปสู่ร่างกายสัตว์เลี้ยงแล้ว ร่างกายจะเตือนว่าระดับน้ำตาลในเลือกสูงไปละน้า เลยส่งสารอินซูลินมาลดระดับน้ำตาลในเลือดซะงั้น (ไซลิทอลเป็นน้ำตาลปลอมไง) อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้เลยนะจ้ะ
 18.ช็อคโกแล็ต ยิ่งอบยิ่งอันตรายมาก ที่น้อหมาทานช็อคโกแล็ตไม่ได้เพราะสาร theobromine ในเม็ดโคคาเป็นอันตรายต่อน้องหมา ถ้าได้รับในปริมาณมากจะทำให้เกิดลมชักตายได้ โดยสาร theobromine จะมีในช็อคโกแล็ตชนิดต่างๆ จากปริมาณที่น้อยไปหามากดังนี้ White-Hot-Milk-Semi-Baked ไวท์ช็อค ทำมาจาก นม น้ำตาล และ cocoa butter ซึ่ง cocoa butter ก็คือ ไขมันที่สกัดจาก chocolate liquor ซึ่ง chocolate liquor จะได้มาจากเมล็ดโคคา ก็มี สาร theobromine เช่นกัน แต่มีน้อยกว่าช็อคโกแล็ตดำค่ะ ไวท์ช็อค 1 ออนซ์ มี สาร theobromine 1 mg ปริมาณสาร theobromine เท่าใดจึงเป็นอันตรายต่อน้องหมา เป็นดังนี้

          – ไวท์ช็อค White chocolate: ถ้าน้องหมาน้ำหนัก 20 ปอนด์ ต้องทานไวท์ช็อค 250 ปอนด์จึงเป็นพิษ

          – ช็อคโกแล็ตนม Milk chocolate: ถ้าน้องหมาน้ำหนัก 20 ปอนด์ กิน ช็อคโกแล็ตนม 1 ปอนด์ก็จะเป็นพิษ

          – Sweet cocoa: ถ้าน้องหมาน้ำหนัก 20 ปอนด์ กิน Sweet cocoa 3 ปอนด์ จะเป็นพิษ

          – ช็อคโกแล็ตอบ Baking chocolate: เพียง 2 ปอนด์ จะเป็นพิษกับน้องหมาน้ำหนัก 20 ปอนด์

       คราวนี้เจ้าของหลายคนคงทราบกันแล้วนะค่ะว่า มีอาหารประเภทใดบ้าง ที่เป็นอันตรายกับสุนัขของคุณ ดังนั้นต่อไปนี้ก็อย่าลืมตัว เผลอหยิบอาหารอันตรายให้สุนัขกินอีกนะค่ะ ควรเลือกให้ดีก่อนที่จะนำมาให้สุนัขกินนะค่ะ ไม่อย่างนั้นคุณอาจต้องสูญเสียสุนัขที่คุณรักโดยไม่ทันคาดคิดเลยล่ะค่ะ

เรียบเรียงโดย : kaijeaw.com

วิธีปราบยุงให้อยู่หมัด เพียงคุณนำสิ่งนี้ผสมกับน้ำเปล่าแล้วตั้งทิ้งไว้..

     มีแมลงในบริเวณครัวเรือน  ที่สร้างปัญหาต่อสุขภาพของประชาชนในชีวิตประจำวันอยู่หลายชนิด  ทั้ง  ก่อโรคระบบทางเดินอาหาร  เช่น  มด แมลงวัน  แมลงสาบ  บางชนิดนำโรคระบาดทำให้เจ็บป่วยและตายเป็นประจำทุกปีตามฤดูกาล  โดยเฉพาะในปีนี้ระหว่างเดือน  พฤษภาคม  ถึง  สิงหาคม  นั้น  เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูฝนเราจะพบความชุกชุมของยุงลายพาหะนำโรคไข้เลือดออก  และโรคชิคุนกุนยา  ค่อนข้างสูง และดูเหมือนว่า  การระบาดของโรคมีแนวโน้มจะรุนแรงเพิ่มขึ้น ๆ  ทุกปี
 การควบคุมลดความชุกชุมของยุงลายเพื่อยับยั้งการระบาดของโรคไข้เลือดออกและไข้ปวดข้อยุงลายนั้น  นอกเหนือจากส่วนราชการและองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจะเร่งรัดในการดำเนินการตามแผนควบคุมโรค  โดยระดมฉีดพ่นสารเคมีกำจัดลูกน้ำและยุงลายเป็นประจำอยู่แล้วก็ตาม  แต่ก็ประสบปัญหาไม่สามารถยับยั้งการระบาดของโรคได้ทันกาล  หลายปีที่ผ่านมาพบว่า  ยุงลายมีแนวโน้มดื้อต่อสารเคมีกำจัดเพิ่มขึ้นในหลายเขตพื้นที่  ซึ่งเป็นที่วิตกกันว่าการควบคุมยุงลายในอนาคตข้างหน้านั้น  อาจจำเป็นต้องสิ้นเปลืองและเสี่ยงภัยจากการใช้สารเคมีเพิ่มขึ้น ๆ  เป็นทวีคูณ

          อย่างไรก็ตาม  เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า  ยุงลายที่เป็นต้นเหตุและเป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก/ชิคุนกุนยามาระบาดทั่วเมืองเป็นประจำทุกปีอยู่นี้  เป็นยุงชนิดที่ชอบอาศัยอยู่ใกล้ชิดกับคนมากที่สุด  เพราะทั้ง  แหล่งเพาะพันธุ์  และแหล่งหลบซ่อนเกาะพัก  ของยุงลายนั้น  ล้วนอยู่ตามบริเวณบ้านที่พักอาศัยของประชาชนนั่นเอง  หากแต่ละครัวเรือนสามารถกำจัด  ตัวยุงลายและตัวลูกน้ำ  ได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ  ในทันทีได้แล้ว  ก็เชื่อว่าความรุนแรงของโรคระบาดจะถูกยับยั้งจำกัดวงได้ในระยะเวลาอันสั้น    
การเตรียมและใช้สารลดแรงตึงผิว (สารซักล้าง)  กำจัดยุงด้วยกระบอกฉีดน้ำพรมผ้า

การกำจัดตัวโม่งและลูกน้ำยุงลาย
           การกำจัดตัวโม่งและลูกน้ำยุงลายในภาชนะ/วัสดุ  ขังน้ำขนาดเล็กเช่น จานรองกระถางต้นไม้  ยางรถยนต์  จานรองขาตู้กับข้าวและวัสดุเหลือใช้ที่ขังน้ำฝนรอบ ๆ  บ้าน  เป็นต้น
การเตรียม ใช้ผงซักฟอกทั่วไปโรยลงในแหล่งเพาะพันธุ์ต่าง ๆ  โดยตรงในอัตราส่วน  ผงซักฟอก  1  ช้อนโต๊ะ  ต่อปริมาณความจุของน้ำในแหล่งเพาะพันธุ์ปริมาณ   2  ลิตร
การใช้      โรยผงซักฟอกลงในภาชนะ/วัสดุแหล่งเพาะพันธุ์ขนาดเล็กต่าง ๆ โดยตรงจะเห็นว่า  ผงซักฟอกจะแพร่กระจายปกคลุมทั่วผิวน้ำ  เมื่อลูกน้ำและตัวโม่งของยุงลาย  ซึ่งจำเป็นต้องขึ้นมาหายใจ  จะดูดซับเอาสารเข้าสู่ระบบหายใจทำให้ระคายเคืองต่อระบบ และค่อย ๆ  ตายในที่สุด
           กาลักน้ำเพื่อดูดกำจัดลูกน้ำและตัวโม่งออกจากภาชนะ (whirlpool and siphon  method)          
การเตรียม ใช้สายยาวประมาณ   2   เท่า  ของความสูงภาชนะและกรอกน้ำให้เต็มตลอดสายยาง
การใช้      ใช้มือหมุนกวนน้ำในภาชนะประมาณ  2-3  รอบ  จะเห็นว่าลูกน้ำตัวโม่ง  ตะกอนสกปรกที่กระจัดการะจายอยู่ในภาชนะจะถูกแรงหมุนเหวี่ยงของน้ำ  กวาดไล่มารวมอยู่ที่กึ่งกลางของพื้นภาชนะ จากนั้นจึงใช้สายยางที่เตรียมไว้ดูดเอาลูกน้ำ  ตัวโม่งและตะกอนกำจัดทิ้งไปพร้อม  ๆ   กัน  ตุ่มสะอาดปลอดลูกน้ำยุงลายใน 5  นาที
การโฉบจับยุงลาย (swoop  plate)

การเตรียม           บีบน้ำยาล้างจานเล็กน้อยพอให้ทั่วพื้นจานพลาสติกขนาดพอเหมาะสำหรับมือจับโฉบ
การใช้                ใช้โฉบจับยุงที่บินมารบกวนใกล้ ๆ  ตัว  ซึ่งเป็นเทคนิคเดียวกับการใช้ไม้แบดช๊อตยุงแต่วิธีนี้ยุงจะถูกจับตายอยบนจาน

          จะเห็นได้ว่า  การกำจัดยุงลายบริเวณรอบ ๆ  บ้านของท่านเองนั้นไม่มีอะไรยุ่งยากอย่างที่คิดเพราะมีวิธีการต่าง ๆ  ให้เลือกใช้อย่างครบวงจรตามความพอใจ  และสะดวกใช้ของแต่ละครัวเรือนดังกล่าวข้างต้น  ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์หวังเป็นอย่างยิ่งว่าองค์ความรู้ต่าง ๆ  เหล่านี้  หากชุมชน/ครัวเรือนได้ตระหนักถึงมหันตภัยของโรคไข้เลือดออกตามที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วนั้นและเลือกนำเอาวิธีการต่าง ๆ  ไปใช้อย่างสม่ำเสมอในชีวิตประจำวันแล้ว  เชื่อว่าจะช่วยลดความชุกชุมของยุงลายบริเวณบ้านท่านลงและลดความเสี่ยงจากการถูกยุงลายกัด  และติดเชื้อโรคไข้เลือดออกได้อย่างยั่งยืนต่อไป  นอกจากนี้ท่านยังสามารถนำองค์ความรู้ต่าง ๆ  นี้ไปประยุกต์ใช้กำจัดแมลงชนิดอื่น ๆ  ในบริเวณครัวเรือนของท่านได้เกือบทุกชนิดอีกด้วย
http://kaijeaw.com/

มหัศจรรย์! น้ำใบมะละกอรักษาโรคไข้เลือดออก ภายใน 48 ชั่วโมง

มหัศจรรย์! น้ำใบมะละกอรักษาโรคไข้เลือดออก ภายใน 48 ชั่วโมง

1.ใช้ใบมะละกอดิบ 2 ใบ
2.ถัดไปเอาก้านและเส้นใยของใบออก
3.สุดท้ายบีบเอาน้ำจากใบมะละกอ
4.และดื่มน้ำใบมะละกอทันที
5.มันจะช่วยให้อาการดีขึ้น ควรดื่ม 2 ครั้งในระหว่างวัน
ใช้ใบมะละกอแปะไว้สำหรับรักษาโรคไข้เลือดออก

วิธีรักษาคุณต้องใช้ใบมะละกอ แปะทิ้งไว้ซึ่งยังจะช่วยรักษาโรคไข้เลือดออก จำไว้ว่าต้องใช้ใบมะละกอดิบเท่านั้น

สิ่งที่คุณต้องเตรียม

ใบมะละดิบ 3 ใบ
น้ำผลไม้ (เลือกตามความชอบของคุณ) 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1.ใช้ใบมะละกอดิบ 3 ใบ
2.ใส่ลงไปในเครื่องปั่นผสมให้เข้ากันจนเหนียวดี
3.นำมาผสมกับน้ำผลไม้ 2 ช้อนโต๊ะ
4.ผสมให้เข้ากัน
5.กินส่วนผสมนี้ทันที
ทำซ้ำการรักษาด้วยวิธีนี้วันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 1 สัปดาห์
อาการของไข้เลือดออกจะบรรเทาลง

กรณีศึกษา

การรักษาเยียวยาที่บ้านนี้ไม่มีอะไรน่าเชื่อถือมากกว่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของคน ในบทความนี้คุณสามารถอ่านประสบการณ์ทั้งสองดังกล่าวได้จากแพทย์ชั้นนำ ของอินเดีย

คุณหมอได้เล่าว่า ลูกชายได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเนื่องจากเป็นโรคไข้เลือดออกและเกร็ดเลือดได้ลดลงอย่างน่ากลัวมาก มันลดลงถึง 15,000 หลังจากได้รับ การถ่ายเลือดจำนวน 15 ลิตร เด็กก็ยังคงอยู่ในสภาพที่น่าเป็นห่วง

แม้ขณะนั้นยังไม่มีอะไรช่วยได้ เพื่อนของคุณพ่อเด็กได้แนะนำให้ใช้น้ำใบมะละกอดิบกับลูกชายของเขา โชคดีที่หลังจากนั้นเพียง 24 ชั่วโมง เกล็ดเลือดได้เพิ่มขึ้นเป็น 135,000 ท่ามกลางความประหลาดใจของแพทย์ เด็กได้รับการรักษาต่อและได้รับการอนุญาตให้กลับบ้านได้

อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องของผู้หญิงวัยสามสิบต้นๆ เธอได้รับเชื้อไข้เลือดออกและเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล สภาพของเธอแย่ลงหลังจากนั้นเพียง 3 วัน เกล็ดเลือดของ เธอลดลงถึง 28,000 เป็นผลให้ปอดของเธอเริ่มเต็มไปด้วยน้ำ แพทย์ระบุว่าระบบภูมิคุ้มกันของเธอกลับมาต่อสู้กับตัวเธอเอง

ญาติของผู้ป่วย บอกถึงประโยชน์ของใบมะละกอดิบและทำน้ำใบมะละกอให้เธอดื่ม หลังจาก 24 ชั่วโมงเกล็ดเลือดของเธอเพิ่มขึ้นและไข้ลดลง รักษาด้วยน้ำใบ มะละกออย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 วัน จากนั้นเธอก็หายเป็นปกติในไม่กี่วัน

คุณสามารถดูเหตุการณ์จริงเหล่านี้พร้อมหลักฐานยืนยันว่าน้ำใบมะละกอทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมเพื่อต่อสู้กับโรคไข้เลือดออก

โดย : http://www.rak-sukapap.com/

ไม่อยากตาย เพราะมะเร็ง หมั่นสังเกตตัวเอง ซะตั้งแต่วันนี้

ไม่อยากตาย เพราะมะเร็ง หมั่นสังเกตตัวเอง ซะตั้งแต่วันนี้ 

 มะเร้งมะเร็ง…โรคร้ายที่ไม่มีวันล้าสมัย เพราะดูเหมือนจะมีคนที่ปวยด้วยโรคนี้มากขึ้นทุกที แม้จะมีหนังสือหนังหาว่าด้วยโรคมะเร็งตีพิมพ์ออกมามากมายในท้องตลาดอยู่แล้ว แต่เมื่อมีแง่มุมน่าสนใจใหม่ๆ ผู้เขียนก็ขออาสานำมาเล่าสู่กันฟัง โดยการรวบรวมข้อสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกายเราอันอาจนำไปสู่โรคมะเร็งชนิดต่างๆ เพื่อให้ผู้อ่านได้พินิจพิจารณาตัวเอง และเตรียมการเยียวยารักษาไว้แต่เนิ่นๆ …เพราะโรคมะเร็งหากรับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรก โอกาสหายก็จะสูงมากทีเดียว
มะเร็งผิวหนัง ส่วนใหญ่จะเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงของ ไฝ ปาน หรือจุดตกกระในคนแก่ โดยจะมีอาการคันแตกเป็นแผล ไม่ยอมหายสักที ขอบแผลอาจมีสีดำ กระทั่งในระยะหลังจะโตเร็ว และมีเลือดออก

มะเร็งทางเดินอาหาร เริ่มจากในช่องปากจะมีแผล โดยเริ่มจากฝ้าขาวๆ จากนั้นจะรู้สึกเจ็บบริเวณหลอดอาหาร กลืนอาหารอย่างลำบาก เจ็บหรือกลืนไม่ลง ถ้าเป็นบริเวณกระเพาะอาหาร อาจจะเริ่มจากแผลในกระเพาะอาหาร โดยมีอาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นท้อง อาเจียนเป็นเลือด อุจจาระมีสีดำ มักจะเริ่มจากมีอาการท้องผูกสลับกับท้องเดิน อุจจาระเป็นมูกเลือด เหล่านี้เป็นต้น

มะเร็งระบบทางเดินหายใจ เริ่มจากมีอาการเสียงแหบ ไอ มีเสมหะปนเลือด เจ็บแน่นหน้าอก หอบเหนื่อย หน้าและคอบวม

มะเร็งระบบน้ำเหลือง จะมีก้อนจากการโตของต่อมน้ำเหลือง โดยเฉพาะบริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ และในช่องท้อง

มะเร็งของระบบเลือด จะมีอาการอ่อนเพลีย ซีดจากโลหิตจาง เลือดออกง่าย โดยเฉพาะใต้ผิวหนัง อาจพบจ้ำเลือด หรือเป็นรอยช้ำได้

มะเร็งระบบอวัยวะสืบพันธุ์ ในเพศหญิง บริเวณเต้านมจะเริ่มมีก้อน มีเลือด หรือน้ำเหลืองออกจากหัวนม มีแผลหรือคันบริเวณอวัยวะเพศ มีตกขาว หรือมีเลือดออกทางช่องคลอด มีการผิดปกติของประจำเดือน ในเพศชาย จะมีแผลที่อวัยวะเพศคล้ายแผลจากกามโรค มีปัสสาวะขัด เกิดก้อนที่อัณฑะ เป็นต้น

ถ้าสงสัยว่าตัวเราน่าจะเข้าข่ายก็อย่ารอช้า ไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัดเสียนะคะ โรคมะเร็งไม่มีการรอวันพรุ่งนี้ ถ้ารู้ตัวและรักษาเสียแต่วันนี้อาจหายขาดได้ค่ะ

เครดิต: aroka108.com
share-si.com

ใครปวดน่อง ปวดเอว ปวดหลังบ่อยๆต้องลองท่านี้

 ใครปวดน่อง ปวดเอว ปวดหลังบ่อยๆต้องลองท่านี้...ท่าโยคะแก้ปวดเหมาะมากๆสำหรับคนที่ต้องนั่งนานๆ
ใครที่ปวดน่อง ปวดเอว หรือปวดหลังบ่อย มาลองโยคะท่านี้กันหน่อน น่าจะช่วยคุณได้ดี ทำวันละไม่กี่นาที อาการปวดที่มีจะทุเลาลงได้

Prasarita Padottanasana หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Wide-Legged Forward Bend ​เป็นท่าโยคะแก้อาการปวดน่อง ปวดเอว ปวดหลัง และอาการปวดตึงของกล้ามเนื้อสะบักและคอ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องนั่งขับรถหรือต้องนั่งทำงานนานๆ

คำว่า Prasarita แปลว่า การยืนกว้าง

คำว่า Padottanasana หมายถึงท่าที่ใช้ยืดขยาย

Parāsarita Pādottānāsana จึงแปลว่า การยืนกว้างเพื่อยืดไปด้านหน้า

เทคนิคสำคัญในท่านี้คือ การกดน้ำหนักลงที่นิ้วโป้งเท้า จะทำให้ร่างกายรู้สึกถึงการทำงานของกล้ามเนื้อ ตั้งแต่ข้อเท้ายาวขึ้นไปถึงกล้ามเนื้อบริเวณกระดูกเชิงกราน
วิธีทำ

1. นำมือมาจับไว้ที่เอว พับลำตัวลงช้าๆ ให้รู้สึกถึงการยืดตัวของกระดูกสันหลังที่ขยายยาวลงไปด้านล่างตามแรงโน้มถ่วง วางมือทั้งสองข้างลงที่พื้น มือทั้งสองห่างกันประมาณบ่า ประคองตัวไว้ให้มั่น

2. ยังคงทิ้งน้ำหนักทั้งหมดอยู่บนฝ่าเท้า โดยต้องยึดฝ่าเท้าด้วยนิ้วโป้งเท้าไว้ให้แน่น ควบคุมจังหวะด้วยลมหายใจ เมื่อหายใจออกค่อยๆดันกระดูกบริเวณต้นขาเข้าหาลำตัว พร้อมทั้งเก็บหน้าท้องดันขึ้นไปsupport บริเวณกระดูกสันหลังช่วงล่าง

การทำท่านี้จะรู้สึกว่ากระดูกบริเวณกระเบนเหน็บขยายยาวออกไปด้านหลัง กล้ามเนื้อสะบักขยายออกด้านข้าง แรงจากด้านบนเกิดการกระจายน้ำหนักก่อนที่แรงจะส่งถึงฝ่ามือ ช่วยลดอาการเกร็งช่วงบริเวณหลังส่วนบนและฐานของคอได้ดี

ประโยชน์ที่คุณจะได้รับ

1. ท่านี้จะช่วยยืดข้อสะโพกและกล้ามขา ช่วยลดอาการปวดต่างๆตามร่างกายได้ดี

2. ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนสูบฉีดบริเวณใบหน้า ช่วยให้ผิวพรรณบริเวณใบหน้าสดใส ผุดผ่อง

3. ช่วยทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงสมองได้ดี สมองได้รับออกซิเจน ทำให้รู้สึกแจ่มใสและความจำดีขึ้น

ลองทำกันดูนะคะไม่ยากเลย ถ้าทำเก่งแล้วสามารถวางศีรษะไว้บนพื้นได้เลย แต่เริ่มแรกให้ใช้ฝ่ามือประคองไปก่อนเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง

ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก share-si.com

ไทด์-เอกพันธ์ เผย!เหตุผล พระบิณฑ์ บวชกะทันหัน

อุทิศตนเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิร่วมกตัญญูมานานหลายปี ช่วงนี้ “ไทด์-เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์” พิธีกรรายการ “ซุปตาร์ตลาดแตก” ทาง ช่อง 8 กดหมายเลข 27 เลยปักหลักเป็นจิตอาสาช่วยทำอาหารและแจกให้กับประชาชนที่มาร่วมถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่บริเวณท้องสนามหลวงอย่างเต็มที่  และเผยถึงเรื่องที่พี่ชายอย่าง “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์”  บวชถวายเป็นพระราชกุศล ในหลวง ร.9  แบบไม่บอกให้ใครรู้

โดย “ไทด์-เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์” เผยว่า “สำหรับเรื่องที่หลวงพี่บวช ตัวผมเองก็ทราบหลังจากที่เข้าพิธีอุปสมบทแล้ว  คนในครอบครัวไม่มีใครรู้ แม้กระทั่งคุณแม่ก็เพิ่งทราบวันนั้นเลย ตอนที่ชวนคุณแม่ไปวัดแล้วขอกราบลาบวช  หลวงพี่ให้เหตุผลว่าไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ และไม่อยากทำให้ใครต้องเดือดร้อนมาเตรียมงาน  คือ เดินเข้าวัดไปบวชเลย  หลวงพี่ตั้งใจบวช 1 เดือนเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชด้วยใจจริงๆ ทุกคนก็ปลื้มใจกับหลวงพี่  ส่วนทางโลกที่ผมทำก็อยู่ที่เต๊นท์ของมูลนิธิร่วมกตัญญูมาพวกเราทำกันมา 12 วันแล้วครับ ทำอาหารกันสดๆแจกประชาชนที่มาถวายความอาลัย ตั้งแต่ 10 โมงถึง 2 ทุ่ม ได้รับบริจาควัตถุดิบต่างๆจากห้างร้านทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดมีน้ำใจนำมาให้พวกเราก็ช่วยกันปรุงเอง ดีใจที่ทุกคนได้อิ่มท้องทุกคนตั้งใจมาถวายความอาลัยแต่พ่อหลวงของเรา

ส่วนตอนนี้เรื่องที่หลายคนมาถ่ายรูปหรือมองเป็นแฟชั่นไปแล้ว ผมว่าแล้วแต่มุมมองเพียงแต่อยากให้ทุกคนมีสามัญสำนึกว่าคืองานถวายความอาลัย อยากให้อยู่ในลิมิตที่เหมาะสมต้องสำรวมครับ  

ส่วนคนที่มาด้วยใจจริงๆผมก็ขอชื่นชม อย่างคนที่พ่อหลวงเคยสอนอาชีพตัดผมให้ฟรีตอนนี้พวกเค้ามาตัดผมให้คนที่มาฟรีเช่นกัน อันนี้ผมประทับใจ เห็นถึงน้ำใจที่มีต่อกันของคนไทยเยอะมากครับ ผมเองจะตั้งใจทำหน้าที่อาสาสมัครตรงนี้ไปเรื่อยๆเพื่อพ่อหลวงเช่นกันครับ ”
ทีมา http://entertainment.thaiza.com/

ฝนตกถนนลื่นทัวร์โดยสารซิ่งฝ่าสายฝนเสียหลักพลิกคว่ำ ตายคาที่ 3

 ฝนตกถนนลื่นทัวร์โดยสารซิ่งฝ่าสายฝนเสียหลักพลิกคว่ำ ตายคาที่ 3

ข่าววันนี้ ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์พลิกคว่ำที่ถนนสายนคร-สุราษฎร์ บ้านเขาหัวช้าง ม.10 ต.ควนทอง อ.ขนอม (ขะหนอม) พบรถทัวร์ปรับอากาศวีไอพีของบริษัทนครศรีราชาทัวร์ หมายเลขทะเบียนป้ายเหลือง 15-4546 กทม.สายกรุงเทพ-นครศรีธรรมราช-ปากพนัง เสียหลักชนเสาไฟฟ้าข้างทางหักเสียหาย 4 ต้น ก่อนจะพลิกคว่ำไปติดอยู่ที่รั้วปูนกั้นถนน โดยมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุจำนวน 3 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีก 6 ราย

     ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและมูลนิธิใต้เต็กตึ้งสี่ขีดสิชล , มูลนิธิประชาร่วมใจ และอีกหลายหน่วยงานรุดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บส่ง รพ.สิชล และใกล้เคียง สำหรับผู้เสียชีวิตทราบชื่อนางกรรณิการ์ เพชรมณี อายุ 48ปี นายชานนท์ ไสยกิจ 36 ปี ข้าราชการสำนักงบประมาณ และ ด.ช.กิตติธัช โสมเน้น อายุ 7 ขวบ
  เจ้าหน้าที่พบว่ารถทัวร์คันดังกล่าวได้บรรทุกผู้โดยสารจำนวน 19 คน และพนักงานประจำรถ 3 คนมาจากกทม.มุ่งหน้า อ.ปากพนัง นครศรีธรรมราช เมื่อมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุเขาหัวช้างซึ่งเป็นควนสูงชันประกอบกับมีฝนตกหนักตลอดเวลา รถทัวร์คันดังกล่าวได้เสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าขางทางก่อนจะพลิกคว่ำเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ
ทีมา http://news.thaiza.com/

ผัวล้มทั้งยืน!! เมียขยันพิเศษทำโอทีดึก พอตามไปหาที่บริษัท ได้ยินเสียงแปลกๆ….ยืนฟังแล้วถึงกับช็อก!!

เรื่องมีอยู่ว่า ย้อนไปเมื่อตอนที่ผมเจอกับภรรยาครั้งแรก ยังเป็นความประทับใจแรกพบที่ผมจำได้อยู่ถึงทุกวันนี้ เธอสวย น่ารักและจริงใจ ทำให้ผมตกหลุมรักเธอทันที โชคดีที่ทางบ้านผมก็ชอบเธอมาก ครอบครัวเธอก็ต้อนรับผมเป็นอย่างดี ทำให้เราคบหาดูใจกันไม่นานก็ตัดสินใจแต่งงานกัน

ฐานะทางบ้านผมก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร อยู่อย่างพอเพียง แต่ปัญหาการเงินเริ่มเกิดเมื่อตอนที่ภรรยาผมตั้งท้องแล้วต้องหยุดทำงาน ทำให้ผมเป็นคนหาเงินเข้าบ้านเพียงคนเดียว ซึ่งผมยอมรับว่าค่อนข้างหนักสำหรับผม รายได้ก็ไม่มากอะไร แต่ต้องรับผิดชอบทั้งครอบครัว พ่อแม่ เมีย และลูกที่กำลังจะเกิดมาอีกคนด้วย ทำให้ผมประหยัดทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนไม่ลำบาก

หลังจากภรรยาผมคลอดลูกได้ไม่นาน เธอก็เห็นใจผมที่ต้องหาเงินคนเดียว เธอจึงออกไปหางานทำเพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัว และนี่เป็นเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตผม

เธอเริ่มไปสมัครงานเป็นตัวแทนขาย แต่เชื่อไหมว่าแค่ 6 เดือนเธอได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย ผมภูมิใจและชื่นชมในความสามารถเธอมาก ยิ่งช่วงหลังๆเธองานยุ่งมาก ทำโอทีจนกลับบ้านดึกแทบทุกวัน แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร จนมีวันหนึ่งผมอยากไปรับเธอที่บริษัทเพื่อจะเซอร์ไพรส์เธอ แต่ผมก็ต้องตกใจเมื่อได้รู้ความจริง…

วันนั้นผมยื่นอยู่หน้าห้องทำงานของเธอได้ยินเสียงครวญครางดังมาจากในห้อง และผมก็ต้องช็อกเมื่อรู้ว่าเสียงนั่นเป็นเสียงของภรรยาผมกับหัวหน้าแผนกของเธอ ซึ่งผมก็รู้จักดี ตอนนั้นผมมือไม่สั่น ทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้เปิดประตูเข้าไป ได้แต่เสียใจแล้วกลับบ้านไป…ผมตัดสินใจเลิกกับเธอทันที ความซื่อสัตย์นั้นสำคัญมากในชีวิตครอบครัว ถ้าเธอทำแบบนี้กับผมแล้วผมคงไม่อาจเชื่อใจเธอได้อีก เรื่องลูกเราก็คงทำหน้าที่ของพ่อและแม่ต่อไป

ขอบคุณที่มา: http://board.postjung.com/995944.html

ว่าที่คู่หมั้นสาวให้สัญญาแฟนตำรวจหนุ่มรถชนโคม่า “จะไม่ทิ้งไปไหนตลอดชีวิต”

 เพจ แฟนตำรวจของไทย “แฟนนายสิบทุกรุ่น” เผยแพร่เรื่องราว ของตำรวจนายหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนอาการสาหัส โดยว่าที่คู่หมั้นสาวสาวของตำรวจนายนี้ออกมาโพสต์เรื่องราวและให้สัญญาว่า จะไม่มีวันทิ้งฝ่ายชายไปไหนตลอดชีวิต..
 โดยผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรายนี้คือ Pha’aOm Chonticha โพสต์ภาพของตัวเองกับแฟนตำรวจหนุ่มที่กำลังนอนรักษาตัว พร้อมข้อความ ระบุว่า
 ขอโทษสำหรับความเอาแต่ใจของเค้า ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา เค้าไม่รู้ว่ากอดไหนจะเป็นกอดสุดท้าย ไม่รู้จูบไหนคือจูบสุดท้าย มันย้อนเวลาไม่ได้จริงๆ มีอะไรที่จะช่วยให้ตัวเองยังอยู่กับเค้าต่อไปมั๊ย เค้าจะทำทุกอย่างเลย เค้ายอมแล้วทุกอย่าง ตอนนี้หัวใจเค้าแทบสลาย – “เราสองคนจะรักกันตลอดไป” ลืมคำพูดนี้แล้วหรอ ลืมสัญญาของเราแล้วหรอ ใครบอกจะดูแลเค้าไปตลอดชีวิต ใครบอกจะไปขอเค้าปีใหม่นี้ เราเตรียมงานไว้หมดแล้วนะอ้วน ใครบอกเค้าทุกวันว่าตื่นเต้นมาก ไหนว่าเราจะแต่งงานกัน มีลูกด้วยกัน อยากอยู่ด้วยกัน ทำไมตัวเองถึงทิ้งทุกอย่างไปง่ายๆ แบบนี่เค้าจะอยู่ยังไง เค้าจะอยู่กับใคร ทั้งชีวิตเค้ารักแค่ตัวเองคนเดียวนะอ้วน รักมาก ..สู้ได้มั๊ย ตื่นได้มั๊ย ลืมตาขึ้นมา กลับมาหาเค้าในสภาพไหนก็ได้ ขอแค่อย่าทิ้งเค้าไป เค้าสัญญาจะไม่ทิ้งตัวเองตลอดชีวิต #ใจจะขาด ชาญณรงค์ นันโช ณ. โนนเจริญ
ที่มา แฟนตำรวจของไทย “แฟนนายสิบทุกรุ่น”
https://www.khaosod.co.th/monitor-news/news_72835

วิธีแก้ปัญหารถติดหล่ม มาคนเดียว ทำไงดี!!

สำหรับใครก็ตามที่ ชอบเดินทางไปในพื้นที่ห่างไกล แล้วรถดันเกิดติดหล่ม โคลน หรือทราย ไปไหนไม่ได้ ซ้ำจะให้ใครช่วยก็ไม่ได้ มาดูวีธีที่จะทำให้รถของคุณ หลุดจากเหตุการณ์นั้นไปได้ด้วยวีธีการนี้!
เพียงคุณหาท่อนไม้ ที่มีความยาวและแข็งแรง มาผูกติดกับล้อ ตามแนวนอน ให้แน่น ก่อนค่อยๆ ขับรถออกอย่างช้าๆ รถของคุณก็จะหลุดออกมาจากหล่ม ได้แบบง่ายๆ
คุณอาจมองไม่เห็นภาพ ลองมาชมสถานการณ์จริง ว่ามันจะช่วยคุณได้อย่างไร?
วิธีแก้ปัญหาง่ายๆ ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่คนใช้รถควรรู้ไว้เป็นความรู้ เผื่อว่าวันนึงสถานการณ์เช่นนี้อาจเกิดกับคุณก็เป็นได้
ข้อมูลและภาพ spokedark.tv
http://www.liekr.com/post_145041.html

ฟันผุ ปวดฟัน แมงกินฟัน..สยบด้วย 8 สมุนไพรใกล้ตัว!!

   1. ว่านหางจระเข้ มีสรรพคุณในการทำลายเชื้อโรคและสลายพิษ (neutralization) ของเชื้อโรค โดยหั่นว่านหางจระเข้เป็นชิ้น ๆ ความยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ล้างยางออกให้หมด เหน็บไว้ที่ซอกฟัน ใช้ฟันขบให้อยู่บริเวณที่ปวดหรือใช้ไม้พันสำลีจุ่มน้ำวุ้นว่านหางจระเข้ ป้ายตรงบริเวณที่ปวด จะช่วยบรรเทาอาการได้ชั่วคราว

      2. น้ำมันละหุ่ง ทาน้ำมันละหุ่งบริเวณแก้มข้างที่ปวดฟัน และใช้พลาสเตอร์ยาปิดไว้ แล้วใช้ผ้าขนหนูอุ่น ๆ หรือแผ่นประคบบริเวณที่มีอาการปวด จากนั้น นอนพักอย่างน้อย 20 นาที น้ำมันละหุ่งมีสรรพคุณในการระงับปวดได้ดี โดยจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดที่ไปคั่งอยู่กับเชื้อจุลินทรีย์ในกรณีที่เกิดการติดเชื้อหรือกับสารที่ทำให้เกิดอาการปวด เช่นไซโทไคเนส (cytokines) ในกรณีที่ปวดรากฟัน
   3. น้ำมันกานพลู มีสรรพคุณในการรักษาอาการปวดฟันได้ดีที่สุดชนิดหนึ่ง บางครั้งหมอฟันจะใช้น้ำมันกานพลูแทนยาที่มีฤทธิ์แรงกว่า เช่น Novocain โดยทาน้ำมันกานพลูบริเวณที่ปวดในช่องปากได้โดยตรง (หากน้ำมันกานพลูเข้มข้นเกินไปอาจทำให้เจือจางด้วยการผสมน้ำมันมะกอก) นอกจากนี้อาจใช้วิธีอมกานพลูทั้งชิ้นไว้ในปากบริเวณที่ปวดก็ได้ จะทำให้รู้สึกชาอย่างรวดเร็ว และอยู่นานกว่า 90 นาที หรือนำดอกกานพลูมาทุบแช่น้ำเหล้าขาว แล้วชุบสำลีอุดฟันซี่ที่ปวด

      4. น้ำมันกระเทียม ใช้สำลีชุบน้ำมันกระเทียมทาบริเวณที่ปวดฟัน จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้เหมือนกัน

      5. ดาวเรือง ใช้ดอกแห้งประมาณ 7-8 ดอก ต้มกับน้ำสะอาดในปริมาณที่พอเหมาะ ดื่มเป็นน้ำสมุนไพรทั้งวันเพื่อแก้อาการปวดฟัน
6. ผักบุ้งนา นำรากสดของผักบุ้งนาประมาณ 10 กรัม ตำให้ละเอียดแล้วคั้นเอาแต่น้ำ ผสมกับน้ำส้มสายชู อมไว้ประมาณ 5 นาที แล้วบ้วนออกด้วยน้ำสะอาด

      7. มะระ นำรากสดของมะระมาตำพอแหลก แล้วพอกฟันซี่ที่ปวด โดยใช้ลิ้นกดไว้สักครู่ใหญ่ ๆ

      8. กุยช่าย ในกรณีที่ปวดฟันเพราะแมงกินฟัน ให้นำเมล็ดกุยช่ายมาคั่วให้เกรียมดำ จากนั้นนำมาบดให้ละเอียดละลายน้ำมันยางแล้วชุบสำลี ยัดในฟันที่เป็นรูโพรง ทิ้งไว้หนึ่งคืน จะสามารถฆ่าตัวแมงที่กินฟันได้
ทีมา http://kaijeaw.com/

ไอเดียเจ๋ง!! เปลี่ยนพัดลมกับขวดพลาสติกให้เป็นแอร์เย็นๆ ด้วยวิธีการทำง่ายๆ แบบนี้..(ชมคลิป)

 ช่วงหน้าร้อนทีไร ค่าไฟเป็นต้องพุ่งเพิ่มขึ้นหลายเท่า เพราะเปิดแอร์กระหน่ำ วันนี้เราเลยจะขอพาไปดูวิธีทำแอร์ง่ายๆ เพียงแค่ใช้ขวดน้ำพลาสติกและพัดลม ซึ่งวิธีการทำก็สุดแสนจะง่ายดาย ถ้าใครสนใจลองนำไปประยุกต์ใช้ได้ที่บ้านเลยนะ ซึ่งคลิปนี้ทาง CRAZY BD ได้นำมาลงไว้ในเว็บไซต์  YouTube โดยยังไม่ทันถึงเดือน แต่มีผู้เข้าไปชมถึง 8 ล้านกว่าวิวแล้ว
อุปกรณที่ต้องเตรียม
1. ขวดพลาสติก
2. มีดคัตเตอร์
3. พัดลม

แค่นี้ก็ได้แอร์ขนาดพกพา ทำง่ายแสนง่าย แถมยังประหยัดไฟกว่าแอร์ธรรมดาตั้งเยอะเย็นสบายด้วย

 ขอขอบคุณคลิปจาก : CRAZY BD

ยายนั่งเก็บขวดขาย กลางสายฝน ยอมสู้ทนกับความหิว เผย น้อยใจ มีลูก5คน แต่พึ่งใครไม่ได้เลย

 เฟสบุ๊ก ส่วนตัวของ Vachira Kachaporn ระบุว่า วันนี้มาทำธุระแถวบ้านหมี่ ลพบุรี ระหว่างทางฝนตกหนักมาก กำลังจะข้ามทางรถไฟ มองข้างทางเจอคุณยายคนนี้ไสรถตากฝนมาคนเดียว เราขับรถผ่านไปแล้วแต่ทนไม่ไหวต้องวนรถกลับมา ดูแกเหมือนคนกำลังจะหมดแรง มีพี่เสื้อเหลืองยืนอยู่ข้างทางนึกว่าเป็นลูกยายมารอรับแต่ปรากฎว่าไม่ใช่พี่เค้าแค่อยู่แถวนั้น

สุดจะทนฝนฟ้าช่างมันละยอมเปียกตากฝนลงไปดูแก มองไปบนรถก็มีแต่ขวดและขยะ ถามยายจะไปไหนแกบอกจะกลับบ้านเช่า ยายชื่อเล็ก จะเข็นขวดไปขายแต่ฝนตกหนักมากขายไม่ได้ ยายบอกยายเหนื่อยมากหนู หิวข้าวด้วย แล้วต้องเข็นไปอีกไกล ยายจะเป็นลมแล้ว หน้ายายซีดมาก ถามยายอยู่ไหนยายบอกเช่าบ้านอยู่คนเดียว เดือนละ1600 อยู่หน้าร.รบ้านหมี่

เราก็ถามแล้วลูกยายล่ะคะ ยายบอกลูกยายมี5คนแต่พึ่งใครไม่ได้เลย ต้องเก็บขวดเข็นขวดมาขายทุกวันมีแค่เงินคนชราเดือนละ800 มันไม่พอค่าเช่าบ้านแล้วยายก็ร้องไห้ เลยกอดยายไปทีนึงแล้วให้เงินแกไปกินข้าว
 จังหวะนั้นมีรถตู้สีดำผ่านไปแล้วจอดข้างทาง มีพระเดินย้อนมาหาแล้วเอาเงินให้ยาย500 ให้พี่เสื้อเหลืองที่ช่วยเข็น 200 บอกยายว่านี่คือเงินของหลวงพ่อเพี้ยน (วัดเกริ่นกฐิน) นะหลวงพ่อผ่านมาพอดี หลวงพ่อให้เอาเงินมาให้ยาย แล้วท่านก็กลับไป ขึ้นรถ ยายดูงงๆ  คงดีใจมาก

เราก็พลอยน้ำตาไหลไปด้วย ใครอยู่แถวนั้นฝากดูยายหน่อยนะคะ ยายเล็กเช่าบ้านอยู่  ตรง  รร.บ้านหมี่ แกว่าหน้าบ้านเช่า มีต้นมะม่วงอยู่ สงสารยายแก่แล้วยังตัองลำบาก เราเห็นยายแล้วชีวิตที่ว่าบัดซบของเราดีขึ้นทันตาเห็นเลย

(นึกสงสัยลูกยาย5คนใจทำด้วยอะไร)
ทีมา http://taghr.net/2016/10/28/54-44/

วิธีกำจัดปลวกแบบปลอดภัยไร้สารเคมี ลองแล้วสูตรนี้แหละได้ผลสุดๆ

    ปลวกเป็นปัญหากวนใจสำหรับหลายบ้าน เพราะเมื่อปลวกมาทำรังมักแทะกัดกินสิ่งต่างๆ ภายในบ้าน โดยเฉพาะวัสดุที่ทำด้วยไม้ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ ตู้ หรือแม้แต่ประตูบ้าน ดังนั้นถ้าบ้านไหนมีปลวกจึงควรรีบกำจัดกันซะตั้งแต่เนินๆ อย่าปล่อยไว้จนกลายเป็นรังใหญ่ซึ่งจะยิ่งกำจัดยากมากยิ่งขึ้น เพราะบางครั้งกำจัดไปแล้วอาจจะไม่หมดและหลงเหลืออยู่ ทำให้ไม่นานก็กลับมาขึ้นวัสดุต่างๆ ภายในบ้านเรากันได้อีก และสำหรับใครที่ไม่อยากใช้สารเคมีหรือไม่ต้องการจ้างบริษัทกำจัดปลวกให้เสียเงิน วันนี้เรามีวิธีการกำจัดปลวกด้วยวิธีธรรมชาติมาฝาก โดยมีวิธีการต่างๆ ดังนี้

       วิธีการกำจัดปลวกโดยการใช้ไส้เดือนฝอย

       วิธีง่ายๆ แค่คุณหาไส้เดือนฝอยมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นนำไปผสมในน้ำสะอาด แล้วนำไปฉีดในบริเวณที่มีปลวกขึ้น หรือถ้าพบรังปลวกให้นำไปฉีดที่บริเวณรังปลวก ไส้เดือนจะช่วยกำจัดปลวกให้หมดไปจากบ้านได้อย่างหมดสิ้น แต่มีข้อแม้ว่าคุณจะต้องทำการฉีดในเวลากลางคืนเท่านั้น เพราะในเวลากลางวันไส้เดือนจะทนแสงแดดไม่ได้แล้วจะตายหมดก่อนจะได้กำจัดปลวก

       เพียงเท่านี้ภายในบริเวณบ้านของคุณก็จะหมดปัญหาปลวกเข้ามารบกวนกัดแทะสิ่งของต่างๆ ภายในบ้านกันได้แล้ว ที่สำคัญยังเป็นการลดการใช้สารเคมีต่างๆ ที่มีส่วนในการทำลายสิ่งแวดล้อม และวิธีนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้สารเคมีกันอีกด้วย เพราะสารเคมีที่มีฤทธิ์ในการกำจัดปลวกมักจะมีกลิ่นที่ค่อนข้างแรง ไส้เดือนฝอยสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรทั่วไป


  กำจัดปลวกด้วยสมุนไพร

       วิธีการกำจัดปลวกอาจจะทำได้หลากหลายวิธี แต่วิธีการใช้สมุนไพรในการกำจัดปลวกนอกจากจะเป็นวิธีที่สามารถช่วยกำจัดปลวกอย่างได้ผลแล้ว ยังเป็นวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เพราะลดการใช้สารเคมีต่างๆ โดยสมุนไพรที่ใช้เป็นสมุนไพรที่หาได้ง่ายตามท้องตลาดบ้านเรา และยังเป็นสมุนไพรที่มีกันเกือบทุกบ้าน เพราะมักจะนำมาเป็นส่วนประกอบของอาหาร สมุนไพรที่ใช้จะได้แก่ ข่า ตะไคร้ และกระเทียม ผสมกับส่วนผสมชนิดอื่นก็จะได้น้ำยาที่สามารถกำจัดปลวกอย่างได้ผล โดยมีวิธีการและขั้นตอนในการทำดังนี้

       ส่วนผสมต่างๆ ในการทำ

       ข่า ตะไคร้ กระเทียม อย่างละครึ่งกิโลกรัม, น้ำส้มสายชูครึ่งขวด, เหล้าขาวครึ่งขวด, น้ำเปล่า 10 ลิตร

       ขั้นตอนในการทำน้ำยา

       นำข่า ตะไคร้ กระเทียม มาสับหยาบแล้วนำมาผสมกัน จากนั้นให้ใส่น้ำส้มสายชู เหล้าขาว น้ำเปล่า ลงไปผสม แล้วให้นำไปใส่ในภาชนะทำการหมักไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ ก็จะได้น้ำยาสมุนไพรที่สามารถกำจัดปลวกให้หมดไปจากบ้านของเราได้
 วิธีการกำจัดปลวก

       ให้นำน้ำยาที่หมักได้ในปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำเปล่า 1 ลิตร เทราดในบริเวณที่เจอปลวก หรือในบริเวณที่มีรังปลวก น้ำยาจะออกฤทธิ์ทำให้ปลวกหนีหายไปได้ และในกรณีที่ยังไม่เจอปลวกก็สามารถนำมาเทราดไว้รอบบริเวณบ้าน เพื่อป้องกันปัญหาปลวกกลับมารบกวน

       วิธีนี้ควรทำเป็นประจำหรืออาจจะใช้วิธีเทน้ำยาสัปดาห์ละครั้ง หรือเดือนละครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันปลวกกันไว้ตั้งแต่เนินๆ ที่สำคัญเป็นสมุนไพรจากธรรมชาติจึงหมดปัญหาในเรื่องของสารเคมี และยังปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยงอีกด้วย

ขอขอบคุณเนื้อหาจาก : เกษตร อินเตอร์เชียงใหม่
http://kaijeaw.com/

5 สูตรเด็ด!! ทำ “น้ำยารีดผ้าเรียบ” ได้ง่ายๆ ประหยัดแถมรีดผ้าเรียบกริ๊บ


5 สูตรเด็ด!! ทำ “น้ำยารีดผ้าเรียบ” ได้ง่ายๆ ประหยัดแถมรีดผ้าเรียบกริ๊บ

 น้ำยารีดผ้า เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่จะช่วยให้การรีดผ้าของคุณง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งน้ำยารีดผ้าก็หาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาด มีหลากหลายยี่ห้อ มีกลิ่นหอม แต่ก็ทำให้สิ้นเปลืองได้เช่นกัน วันนี้ไข่เจียวจึงรวบรวม สูตรการทำน้ำยารีดผ้าเรียบได่ง่ายๆจากวัตถุดิบที่มีในบ้าน จะมีอะไรที่นำมาทำน้ำยารีดผ้าเรียบได้บ้าง ไปชมกันเลยค่ะ

1) น้ำยารีดผ้าจากครีมนวดผม
เตรียมขวดสเปรย์ จากนั้นใส่ครีมนวดผมลงไป 1 ช้อนชา น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง ปิดฝาขวดสเปรย์แล้วเขย่าให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน ก็จะได้น้ำยารีดผ้าแล้ว

2) น้ำยารีดผ้าจากแป้งข้าวโพด
ใส่แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชาพูนๆ ลงในน้ำร้อน 2 ถ้วยตวง คนให้เข้ากัน รอจนเย็นแล้วจึงบรรจุลงขวดสเปรย์

3) น้ำยารีดผ้าจากน้ำยาปรับผ้านุ่ม
นอกจากจะช่วยให้ผ้านุ่มแล้ว น้ำยาปรับผ้านุ่มยังช่วยให้ผ้าเรียบอีกด้วย เพียงแค่ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่ม 1 ช้อนชา กับน้ำเปล่าหรือน้ำกลั่น 1 ถ้วยตวง ผสมให้เข้ากันแล้วบรรจุใส่ขวดสเปรย์

4) น้ำยารีดผ้าจากน้ำส้มสายชู
ผสมแป้งข้าวโพด 1 ช้อนชาลงในน้ำต้มเดือด 2 ถ้วยตวง จากนั้นเติมน้ำส้มสายชูลงไป 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบอีกประมาณ ครึ่งช้อนชา ก็จะได้น้ำยารีดผ้าเรียบกลิ่นหอมที่ชอบแล้ว

5) น้ำยารีดผ้าจากวอดก้า
ผสมวอดก้า 1/3 ถ้วยตวง กับน้ำเปล่า 2/3 ถ้วยตวง คนให้เข้ากันแล้วนำไปบรรจุลงขวดสเปรย์ วอดก้าที่ทำมาจากมันฝรั่ง จะช่วยให้ผ้าเรียบกริ๊บ

                     ไม่ยากเลยใช่มั้ยละคะ ของแต่ละอย่างก็เป็นของที่มีอยู่ในบ้านอยู่แล้ว ลองทำดูสิคะ คุณอาจจะไม่ต้องซื้อน้ำยารีดผ้าอีกต่อไป

โดย : kaijeaw.com

ผงชูรส ภัยเงียบที่คุณคาดไม่ถึง!!

  เป็นที่รู้กันดีว่ามีการใช้ “ผงชูรส” อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะในอาหารฟ้าดฟู้ด อาหารสำเร็จรูปต่างๆ อาหารที่ปรุงขายตามท้องตลาด หรือแม้กระทั่งในครัวเรือนของใครหลายๆ คน แต่คุณรู้หรือไม่ว่าผงชูรสนั้นไม่มีประโยชน์ทางด้านสารอาหารใดเลย ตรงกันข้ามหากสะสมในร่างกายก็นำมาซึ่งอันตรายและโรคภัยต่างๆ ผงชูรสคืออะไร มีอันตรายอย่างไร ไปดูพร้อมกันค่ะ
 ผงชูรสคือ
     ผงชูรสอาจผลิตจากแป้งมันสำปะหลังก็จริง แต่กระบวนการหมักและต้องใช้สารเคมีหลายตัว เช่น กรดกำมะถันหรือกรดซัลฟูริค กรดเกลือหรือกรดไฮโดรคลอริก ยูเรีย โซดาไฟ เป็นต้น ซึ่งมีการศึกษาพบว่า อันตรายของผงชูรสนั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากเกลือโซเดียม และ พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากตัวผงชูรส
 >> ภัยอันตรายที่เกิดจากเกลือโซเดียม
ด้วยผงชูรสมีปริมาณโซเดียมสูงและไม่มีรสเค็มให้รับรู้ ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อไปนี้
    – ทำให้ภูมิต้านทานหรือภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง
    – เป็นอันตรายต่อสมองเด็ก สะสมจนเมื่อโตขึ้นจะมีโอกาสทำให้ปัญญาอ่อนได้
    – อันตรายต่อหญิงมีครรภ์ทำให้ร่างกายบวม และยังมีพิษภัยต่อทารกในครรภ์และทารกแรกเกิด
    – ทำให้ผู้ที่มีโรคไต ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ อาการแย่กว่าเดิม
>> ภัยอันตรายที่เกิดจากตัวผงชูรสแท้
    – อาการแพ้ผงชูรส จะรู้สึกชาและร้อนวูบวาบที่ปาก ลิ้น ใบหน้า โหนกแก้ม ต้นคอ หน้าอก ในบางคนมีผื่นแดงเกิดขึ้นตามตัว แน่นหน้าอก หัวใจเต้นช้าลง หายใจไม่สะดวก
    – ทำลายสมองส่วนหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตและระบบสืบพันธุ์ของร่างกาย ทำให้การเจริญเติบโตช้า ปัญญาอ่อน ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ เป็นหมัน อวัยวะสืบพันธุ์เล็กลง ทั้งในเรื่องขนาดและน้ำหนัก
    – ทำลายระบบประสาทตา สายตาเสียหรือเกิดตาบอดได้ มีการทดลองในสัตว์พบว่ายิ่งอายุน้อยจะยิ่งเกิดผลร้ายมาก
    – ทำลายกระดูกและไขกระดูก ซึ่งเป็นส่วนที่ผลิตเม็ดเลือดแดงในร่างกาย อาจทำให้เกิดโรคโลหิตจางได้
    – ทำให้วิตามินในร่างกายลดลง อย่างเช่นวิตามินบี-6 หากขาดจะทำให้ร่างกายเป็นโรคผิวหนังได้ง่าย
    – เสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้
    – ทำลายระบบประสาทส่วนกลาง เสี่ยงต่อประสาทเสื่อมหรือซึ่งอาจทำให้เป็นโรคประสาทได้ง่ายขึ้น
    – มีผลเปลี่ยนแปลงโครโมโซม ทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติ ปากแหว่ง หูแหว่ง จมูกวิ่น แขนขาพิการ เป็นต้น
    – หญิงตั้งครรภ์ที่ทานผงชูรส อาจส่งผลกระทบกับทารกในครรภ์ได้เช่นกัน

    ที่น่าเป็นห่วงคือ มีการโฆษณาจากผู้ผลิต เชิญชวนให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้ผงชูรส กันอย่างแพร่หลายตามสื่อต่างๆ จนผู้รับสื่อเห็นการใช้ผงชูรสเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอันตรายอะไร ทางที่ดีคือการเลี่ยงผงชูรส ปรุงอาหารทานเอง หากจำเป็นต้องไปทานอาหารนอกบ้านให้กำชับที่ร้านไม่ให้ใส่ผงชูรส และอย่าลืมบอกและเตือนคนที่คุณรู้จักด้วยนะคะ

โดย : Kaijeaw.com

8 วิธีกำจัดเสมหะ เคลียร์ลำคอให้โล่ง หายใจสะดวกขึ้น

8 วิธีกำจัดเสมหะ เคลียร์ลำคอให้โล่ง หายใจสะดวกขึ้น

วิธีกำจัดเสมหะ เคลียร์ลำคอให้โล่ง เพิ่มพื้นที่ในการหายใจให้คล่อง ไม่อยากรำคาญเพราะเสมหะต้องลองจัดวิธีเหล่านี้
อาการมีเสมหะในลำคอสร้างความรำคาญและทำให้หายใจไม่ค่อยสะดวก ใครมีเสมหะข้นเหนียวอยู่ในลำคอแบบนี้คงไม่ค่อยแฮปปี้กันเท่าไร งั้นมากำจัดเสมหะกันดีกว่า

และสำหรับเคสที่ขับเสมหะไม่ออก นอกเหนือจากการทานยาละลายเสมหะแล้ว อาจลองวิธีเหล่านี้เป็นตัวช่วยดู
1. ดื่มน้ำเยอะขึ้น ในกรณีที่รู้ว่ามีเสมหะในลำคอเพราะอาการป่วย เคสนี้อาจจะลองบรรเทาด้วยการดื่มน้ำให้เยอะขึ้นก่อน โดยเลือกดื่มน้ำอุณหภูมิห้อง หรือน้ำอุ่น เพื่อให้น้ำช่วยละลายเสมหะ พร้อมทั้งกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันร่างกายไปด้วย

2. ดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำอุ่น น้ำซุป หรือเครื่องดื่มอุ่น ๆ ชนิดอื่นก็สามารถดื่มเพื่อขจัดเสมหะได้ เพราะน้ำอุณหภูมิสูงกว่าปกติจะช่วยละลายเสมหะในลำคอได้ไม่มากก็น้อย

3. กินอาหารรสชาติเผ็ดร้อน ถ้าไม่มีปัญหากับรสชาติเผ็ด ให้ลองกินอาหารรสชาติจัดจ้าน อย่างต้มยำ แกงเลียง ยำ หรือน้ำพริกก็ได้ สมุนไพรที่เป็นส่วนประกอบของอาหารเหล่านี้ รวมทั้งน้ำซุปร้อน ๆ จะช่วยขับเสมหะและช่วยเปิดทางให้ระบบหายใจคล่องตัวมากขึ้น ทว่าสำหรับคนที่กินเผ็ดไม่ค่อยเก่ง แนะนำเป็นต้มจืดร้อน ๆ สักถ้วยก็ได้ค่ะ

4. กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ ผสมเกลือ 1/4 ช้อนชากับน้ำอุ่น 1 แก้วใหญ่ จากนั้นนำมากลั้วคอ โดยให้เงยหน้าขึ้นระหว่างที่กลั้วคอด้วย เกลือจะช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบในลำคอ รวมทั้งน้ำอุ่นก็จะช่วยละลายเสมหะไปด้วยในตัว

5. กลั้วคอด้วยน้ำโซดาแช่เย็น หากไม่สะดวกจะใช้น้ำเกลือกลั้วคอ จะใช้โซดาเปล่าแช่เย็นแทนก็ได้ ความซ่าของโซดาจะทำให้เสมหะลดน้อยลง โดยเฉพาะช่วยลดการกระแอมไอในคนที่รู้สึกว่ามีเสมหะค้างอยู่ในลำคอตลอดเวลา

6. ไอให้เสมหะออก กรณีนี้แนะนำสำหรับผู้ที่มีเสมหะในลำคอเท่านั้นนะคะ เพราะหากมีเสมหะค้างอยู่ในปอดจะกระแอมไอแบบนี้ไม่ได้ และการไอเพื่อกำจัดเสมหะก็ควรต้องไออย่างมีประสิทธิภาพ คือ สูดลมหายใจเข้าทางจมูกให้มากที่สุด เพื่อให้ลมหายใจเข้าไปอยู่หลังเสมหะ สังเกตได้จากทรวงอกจะขยายโดยที่ไหล่ไม่ยก และคอไม่ยืด กลั้นหายใจไว้สักครู่แล้วไอให้แรงพอสมควร ซึ่งต้องคำนึงถึงว่าลมที่อยู่หลังเสมหะจะกระแทกเสมหะให้ขึ้นมาตามหลอดลม จากนั้นก็จัดการบ้วนเสมหะทิ้งให้เรียบร้อย

7. หายใจเข้า-ออกลึก ๆ พยายามหายใจเข้า-ออกลึก ๆ ติดต่อกันเซตละ 5-7 ลมหายใจ วิธีนี้จะช่วยให้ถุงลมขยายใหญ่และฟีบสลับกันโดยไม่กระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับก๊าซออกซิเจนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แต่จะช่วยให้ถุงลมที่มีเสมหะเกาะอยู่เคลื่อนตัวจากการพองและแฟบของถุงลม ซึ่งอาจทำให้เสมหะหลุดออกจากถุงลม และง่ายต่อการระบายสู่หลอดลมใหญ่

8. กำจัดเสมหะด้วยสมุนไพร แค่สมุนไพรจากอาหารรสจัดจ้านก็สามารถช่วยละลายเสมหะให้เราได้บ้างแล้ว ซึ่งก็แน่นอนว่าหากต้องการใช้สมุนไพรกำจัดเสมหะลเพียว ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก โดยสามารถใช้ทั้งมะนาว มะแว้ง มะขามป้อม และสมุนไพรกำจัดเสมหะตามนี้เลย

- สมุนไพรแก้ไอ ขจัดเสมหะ ได้รู้วิธีกำจัดเสมหะที่ทำตามไม่ยากเย็นแบบนี้แล้วก็อย่าปล่อยให้เสมหะลอยนวลกันอีกเลย จัดการเคลียร์ทางเดินหายใจให้คล่องตัวโดยเร็วกันดีกว่า

ขอขอบคุณข้อมูลจาก..http://www.share-si.com/2016/04/8_30.html

น่าทึ่ง! อาการน้ำในหูไม่เท่ากัน บ้านหมุน ก็หายไป เพราะสมุนไพรนี้...!!

น่าทึ่ง! อาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน ก็หายไป เพราะสมุนไพรนี้...!!

อาการน้ำในหูไม่เท่ากัน บ้านหมุน หรืออาการที่นอนแล้วเอียงไปมาเหมือนจะตกที่นอน...

มีสมุนไพรไทยรักษาได้….คือ ต้นน้ำนมราชสีห์ ใช้ทั้งต้นชงดื่มรับรองหาย
1.ต้นน้ำนมราชสีห์ล้าง

2.ตากแดดให้เหี่ยว เอามาตัดเป็นท่อน

3.ตากจนแห้ง
4.คั่วไฟจนเหลืองเป็นชาสำหรับชงน้ำ ทิ้งให้เย็นเก็บใส่ขวดแห้งๆ หรือ กระป๋องปิดสนิทเก็บไว้ชงน้ำร้อนดื่ม

5.หยิบน้ำนมราชสีห์ใส่ถ้วยกระเบื้อง หรือกาประมาณ 1 ขยุ้มมือหรือ 1 หยิบมือ ใส่น้ำร้อนดื่มต่างน้ำ


กายบริหารลดอาการบ้านหมุน


ขั้นที่1 บริหารกล้ามเนื้อคอ

- ยืนหรือนั่งในท่าสบาย หันศีรษะจากซ้ายไปขวา สลับขวาไปซ้ายช้าๆ แล้วค่อยเร็วขึ้น ทำ 5-10 ครั้ง

- ก้มศีรษะไปข้างหน้า แล้วค่อยๆ เงยขึ้นจนคอตั้งตรง จากนั้นแหงนหน้าไปด้านหลัง เริ่มต้นทำช้าๆ แล้ว-ค่อยๆ เร็วขึ้นตามลำดับ ทำ 5-10 รอบ

ขั้นที่ 2 บริหารสายตา

- นั่งหรือยืนห่างฝาผนังที่มีรูปภาพประมาณ 2 ฟุต มองรูปโดยกวาดสายตาไปทั่วรูปช้าๆ จากนั้นหันศีรษะไปทางซ้ายและขวา โดยตายังมองภาพอยู่ตลอดเวลา ทำ 5-10 ครั้ง

- จากนั้นก้มและเงยศีรษะสลับกัน โดยยังมองภาพอยู่ตลอดเวลา ทำ 5-10 ครั้ง

- ใช้มือข้างใดข้างหนึ่ง ถือรูปภาพให้ตั้งขึ้นแล้วยืดแขนไปจนสุด มองภาพและเคลื่อนภาพไปพร้อมกับหันศีรษะจากซ้ายไปขวา ขึ้นและลงตามลำดับช้าๆ ทำอย่างน้อย 5-10 รอบ

ขั้นที่ 3 บริหารการทรงตัว

- ยืนตัวตรง เท้าชิด กอดอก หันศีรษะจากซ้ายไปขวาสลับไปมา ค่อยๆ ทำช้าๆ แล้วเร็วขึ้นตามลำดับ 5-10 ครั้ง

- ยืนตรงเท้าห่างกันเล็กน้อย ก้าวเท้าขวามาข้างหน้าเปิดส้นเท้าซ้าย ถ่ายน้ำหนักไว้ที่เท้าขวาค้างไว้ 20วินาที ทำซ้ำอีกข้างสลับไปมา 5-10 ครั้ง

- ยืนตัวตรง จากนั้นก้าวเดินไปข้างหน้าโดยให้ส้นเท้าหน้าชิดปลายเท้าหลัง เดินต่อกันเป็นเส้นตรง 5-10 ก้าว

- ยืนตรงเดินไปข้างหน้าตามปรกติ โดยทุก 3 ก้าวให้หันหน้าไปทางขวาแล้วหันกลับมาหน้าตรง ทำซ้ำหันไปทางซ้าย เป็นระยะทาง 5-10เมตร

ข้อมูลดีๆจาก...promshop.siam2web.com
share-si.com

เช็คด่วน! ใครชอบปวดตามข้อแขน ขา ฯลฯ อาจกำลังเจ็บป่วยด้วยโรคต่อไปนี้ได้

ใครชอบปวดตามข้อแขน ขา ฯลฯ อาจกำลังเจ็บป่วยด้วยโรคต่อไปนี้

พูดถึงอาการปวดตามข้อ หลายคนที่มีอาการนี้คงรู้ดีว่าเป็นปัญหาสุขภาพที่ทรมานและน่ารำคาญมากแค่ไหน ถ้าใครยังมีสุขภาพแข็งแรงคงไม่มีวันรู้ แต่ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอาการปวดข้อ ลองสังเกตดูว่าอาการปวดนั้นเป็นอย่างไร เพราะบางทีมันก็ไม่ใช่แค่การปวดธรรมดาๆ แต่อาจจะเป็นหนึ่งในอาการของโรคที่น่าหวาดผวาก็เป็นได้
ปวดแบบนี้…เป็นโรคอะไร ?

อาการปวดข้อเกิดขึ้นที่บริเวณโคนนิ้วมือ

บริเวณที่ปวดนั้นมีลักษณะบวมแดงร้อน และมักเป็นเหมือนกัน และเป็นพร้อมกันทั้งข้างขวาและซ้าย

เมื่อแรกเป็นจะเริ่มปวดทีละน้อย แต่จะค่อยๆ เพิ่มความเจ็บปวด ที่ข้อดังกล่าวมากขึ้น

เมื่อตื่นนอนตอนเช้า ผู้ป่วยมักจะมีอาการนิ้วแข็งนานกว่าครึ่งชั่วโมง จึงจะค่อยๆ ทุเลาลง

>> มีความเป็นไปได้ที่จะเป็น : โรคปวดข้อรูมาตอยด์

อาการปวดข้อเกิดขึ้นที่บริเวณข้อสันหลังบริเวณเอวและคอ และข้อเชิงกราน

รู้สึกว่าข้อสันหลังแข็ง

ก้มตัวไม่ค่อยได้

เมื่อตื่นเช้าจะมีอาการปวดเมื่อยข้อสันหลังแข็งเป็นเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง

>> มีความเป็นไปได้ที่จะเป็น : ข้อสันหลังอักเสบแข็ง

อาจปวดข้อบริเวณใดบริเวณหนึ่งเพียงข้อเดียว หรือหลายข้อ

อาการปวดที่เกิดขึ้นมักเกิดที่ข้อหัวเข่าเป็บส่วบใหญ่

มีอาการติดเชื้อในร่างกายบริเวณอื่น

มีไข้สูงเกิดขึ้นพร้อมกับอาการปวด

ลักษณะการปวดคล้ายผู้ป่วยโรคเกาต์ แต่โรคเกาต์มักเกิดกับผู้ที่อายุมากกว่า 50 ปี ในขณะที่อาการปวดนี้สามารถเกิดกับผู้ที่มีอายุน้อยกว่านั้นได้

>> มีความเป็นไปได้ที่จะเป็น : ติดเชื้อบริเวณข้อ
มีอาการปวดข้อ ร่วมกับประวัติอาการ ดังต่อไปนี้

มีเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยงต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์

มีประวัติของอาการปัสสาวะขัด

มีประวัติของอาการปัสสาวะเป็นหนอง

>> มีความเป็นไปได้ที่จะเป็น : โรคข้อหนองใน

อาการปวดข้อที่เกิดขึ้นมักจะปวดหลายข้อ แต่บางรายก็ปวดเพียงข้อเดียวได้เช่นกัน โดยมักเกิดที่บริเวณข้อนิ้วมือ นิ้วเท้า เหมือนกันทั้งสองข้าง

มีเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยงต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์

มีประวัติของอาการปัสสาวะแสบขัด

บริเวณหัวขององคชาตอักเสบ แดง แต่ไม่เจ็บปวด

มีอาการตาแดง

มีแผลช่องปากแต่ไม่เจ็บ

>> มีความเป็นไปได้ที่จะเป็น : โรคไรเตอร์ (อาการภูมิแพ้ที่เกิดหลังการมีเพศสัมพันธ์)

มีอาการผิดปกติทางผิวหนัง เริ่มแรกจะเป็นตุ่มแดง มีขอบชัดเจน และมีขุยสีขาวอยู่ที่ผิว ต่อมาตุ่มนี้จะค่อยๆ ขยายออกไปจนกลายเป็นปื้นใหญ่และหนา ส่วนขุยสีขาว
ที่ผิวก็จะหนาตัวขึ้นเช่นกันจนเห็นเป็นเกล็ดสีเงิน

มีอาการปวดข้อ โดยอาจจะปวดหลายข้อ ซึ่งจะปวดเหมือนหรือไม่เหมือนกันก็ได้ทั้งสองข้าง

มีอาการติดเชื้อในร่างกายบริเวณอื่น

ที่เล็บจะปรากฎจุดบุ๋มหลายๆ จุดเกิดขึ้น

อาการทั้งหมดจะริ่มต้นขึ้นอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆ เป็นมากขึ้น

>> มีความเป็นไปได้ที่จะเป็น : โรคสะเก็ดเงิน (โรคผิวหนังชนิดหนึ่ง)

เมื่อปวดข้อ และมีอาการอื่นร่วมด้วย

รู้สึกปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูกหรือข้อ

มีไข้สูงอย่างฉับพลัน

ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา

มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกายหรือมีเลือดออกตามผิวหนัง ตาแดง

อาจมีอาการคันร่วมด้วยในบางราย

>> มีความเป็นไปได้ที่จะเป็น : โรคชิคุณกุนยา

อาการปวดนั้นเกิดขึ้นบริเวณนิ้วมือ มือ และข้อมือ บางรายอาจจะปวดขึ้นไปจนถึงไหล่ หรือต้นคอก็ได้

มีอาการชาที่มือและนิ้ว โดยเฉพาะที่นิ้วชี้และนิ้วกลาง แต่บางครั้งอาจรู้สึกชาทั้งมือ

มีความรู้สึกเสียวปลายนิ้วซ่าๆ คล้ายโดนไฟฟ้าช็อต หรือรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ฝ่ามือ และปลายนิ้ว

ฝ่ามือไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง มักทำของตกหล่นบ่อยๆ กำมือได้ไม่แน่น

อาการที่เกิดเหล่านี้อาจจะเกิดที่มือข้างใดข้างหนึ่ง หรือเกิดกับมือทั้งสองข้างพร้อมๆ กันก็ได้เช่นกัน

อาการเหล่านี้มักจะเกิดบ่อยๆ ในเวลากลางคืน

>> มีความเป็นไปได้ที่จะเป็น : กลุ่มอาการเส้นประสาทถูกกดทับ

มีอาการปวดข้ออย่างเฉียบพลันที่ข้อเดียวก่อน จากนั้นหากปล่อยไว้ก็จะลุกลามไปปวดที่ข้ออื่นๆ ด้วย

บริเวณที่ปวดมักจะเป็นนิ้วหัวแม่เท้า ข้อมือ ข้อเข่า เวลาปวดจะรู้สึกเจ็บมาก หากเป็นที่เท้าจะเดินไม่ค่อยไหว

มีการบวม ผิวหนังตึง ร้อนและแดงตรงบริเวณที่ปวด

มักมีอาการดังกล่าวเมื่อรับประทานอาหารจำพวก มะเขือ แตงกวา และสัตว์ปีก เป็นต้น

>> มีความเป็นไปได้ที่จะเป็น : โรคเกาต์

ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอาการปวด และโรคที่พบบ่อยและน่าสนใจ หากคุณรู้สึกปวดตามข้อหรือกระดูกแต่มีอาการร่วมไม่พ้องกับที่กล่าวมา ก็ควรพบแพทย์เพื่อปรึกษาทันที โรคใดก็ตาม เมื่อรู้ตัว ป้องกัน และรักษาเสียแต่เนิ่นๆ โอกาสหายก็มีมากขึ้นตามไปด้วยนะคะ

ข้อมูลจาก thaiza
share-si.com

ข้อควรรู้! กล้วย 3 วัย มีประโยชน์ดีๆต่อร่างกาย อย่างไรบ้าง?

ข้อควรรู้! กล้วย 3 วัย มีประโยชน์ดีๆต่อร่างกาย อย่างไรบ้าง?

กล้วย...เป็นผลไม้ที่ใช้ประโยชน์ได้ตั้งแต่ราก กาบ ใบ ดอก(หัวปลี) และผล ที่มีสีเหลือง หอม รับประทานง่าย และหาซื้อได้ทั่วไป แต่เพื่อนๆ รู้ไหมคะ ว่า “กล้วยสามารถรับประทานได้ทุกวัย”....

1. กล้วยดิบ
เปลือกสีเขียวสด เนื้อกล้วยจะแข็ง สีขาว มีรสฝาด และมีสารฝาดสมานชื่อ แทนนิน ซึ่งจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ป้องกันผนังกระเพาะลำไส้ไม่ให้ติดเชื้อโรคและอาหารรสเผ็ดจัด เช่น พริก ที่อาจจะทำลายผนังกระเพาะลำไส้ รวมทั้งช่วยแก้ท้องเสียได้ด้วยค่ะ

2. กล้วยที่เพิ่งเริ่มสุก (กล้วยห่าม)
เปลือกกล้วยจะยังมีสีเขียวอยู่ประปราย เปลือกจะนิ่มมากขึ้น สามารถเป็นทั้งอาหารและยาสำหรับคนที่ท้องเสีย ช่วยหล่อลื่นลำไส้ เพิ่มกากเวลาขับถ่าย ซึ่งกล้วยในระยะนี้จะมีธาตุโพแทสเซียมสูงมาก ดังนั้นเวลาท้องเสียแล้วรับประทานกล้วยห่าม จะช่วยชดเชยธาตุโพแทสเซียมที่ร่างกายได้สูญเสียไป

3. กล้วยสุก
เปลือกกล้วยจะมีสีเหลือง มีความนุ่มมากขึ้น และอาจจะมีจุดสีน้ำตาลอยู่ประปราย ในระยะนี้กล้วยจะเป็นยาระบายแก้ท้องผูกได้ดี เพราะมีสารเพกติน ซึ่งช่วยเพิ่มกากในลำไส้ ยิ่งกล้วยสุกงอมมากๆ จะมีฤทธิ์ระบายสูง เพราะมีสารเพกตินมาก ควรรับประทานเป็นประจำ วันละ 5-6 ลูก

** แล้วเพื่อนๆ รับประทานกล้วยในช่วงไหนบ้างค่ะ….**

ที่มา...maeban.co.th
rak-sukapap.com

สุดยอดวิธีกำจัดจุดกระบนใบหน้า มือ ไหล่แขน ง่ายๆ และได้ผล ด้วยส่วนผสมที่น่าทึ่งนี้

สุดยอดวิธีกำจัดจุดกระบนใบหน้า มือ ไหล่แขน ง่ายๆ และได้ผล ด้วยส่วนผสมที่น่าทึ่งนี้

เมื่อคุณมีอายุมากขึ้น คุณจะเริ่มสังเกตเห็นจุดบนผิวของคุณ มันมีขนาดเล็กสีน้ำตาลอ่อน ส่วนใหญ่จะปรากฏบนมือ ไหล่แขน ใบหน้า และมักจะพบตามส่วนต่างๆของร่างกายที่สัมผัสกับแสงแดดอยู่เป็นประจำ ซึ่งมันทำให้ดูน่าเกลียด

ทำไมเราถึงมีจุดนี้เมื่ออายุมากขึ้น?

ทุกคนมักสัมผัสกับแสงแดดอยู่ตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าเราจะใช้ครีมกันแดดที่ดีที่สุดแล้วก็ตาม เมื่อเราสัมผัสกับแสงแดดมาเป็นระยะเวลานานกับอายุที่เริ่มมากขึ้น ทำให้เกิดการสร้างเมลานินซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีจุดสีน้ำตาล จริงอยู่แสงแดดเมื่อสัมผัสกับผิวจะผลิตเมลานินที่เพิ่มขึ้นซึ่งช่วยให้เรามีผิวสีแทน แต่การที่ได้รับมากเกินไปทำให้เกิดอันตรายและเกิดจุดกระบนผิวหนังได้

เราสามารถยับยั้งจุดเหล่านี้เมื่ออายุมากขึ้นได้หรือไม่

เมื่อเวลาที่ต้องสัมผัสกับแสงแดด ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ ทุกครั้งและสวมหมวก หากคุณเคยสัมผัสกับแสงแดดตรงๆจนผิวหนังไหม้เกรียมก็มีแนวโน้มที่เกิดจุดเหล่านี้ได้

จุดมาพร้อมกับอายุที่มากขึ้นจะเป็นอันตรายหรือไม่

พวกมันไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ นอกเสียจากว่าจุดมีการโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและเปลี่ยนสีคุณควรรีบไปพบแพทย์ผิวหนังของคุณทันที

สังเกตุดูว่าถ้ามีจุดแบบนี้เกิดขึ้นคุณควรไปพบแพทย์

จุดเปลี่ยนสี
จุดเปลี่ยนขนาด
มีผิวไม่เรียบหรือผิวขรุขระ
จุดเติบโตอย่างรวดเร็ว มีอาการคัน มีสีแดง รู้สึกเจ็บหรือมีเลือดออก

สามารถกำจัดจุดเหล่านี้ได้หรือไม่
มีการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญที่สามารถช่วยคุณได้ อาทิเช่น การลอกผิวด้วยสารเคมี การรักษาด้วยเลเซอร์ หรือการฟอกขาว การรักษาเหล่านี้มีราคาแพงและอาจมีส่วนผสมที่เป็นพิษ

ลองรักษาจุดกระของคุณด้วยสูตรโฮมเมดนี้

มีสูตรโฮมเมดที่น่าทึ่งที่ถูกคิดค้นโดย Dr. Doug Willen และเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง quantum paleo มันเป็นวิธีธรรมชาติและให้ผลอย่างรวดเร็ว และคุณอาจมีส่วนผสมทั้งหมดนี้อยู่ในตู้กับข้าวของคุณแล้วก็ได้

ส่วนผสม

หัวหอม 1 หัว
น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์

ทำไมต้องใช้หัวหอม?

หัวหอมมีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย

ทำไมต้องใช้น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์?

น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ทำหน้าที่อย่างน่าอัศจรรย์ มันช่วยยับยั่งกรดอัลฟาไฮดรอก กำจัดผิวที่ตายออกไปช่วยดูแลสุขภาพผิวภายในให้ดีขึ้น

วิธีทำ

ปอกเปลือกหัวหอมและหั่นเป็นชิ้นๆ
นำหัวหอมใส่ครกแล้วโขลก
จากนั้นนำหัวหอมใส่ในเครื่องปั่น
เติมน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ลงไปเล็กน้อย
ผสมให้เข้ากันดี
นำใส่ขวด
ทาลงบนจุดกระของคุณด้วยสำลี
ทำซ้ำทุกวัน หนึ่งถึงสองสัปดาห์
คุณจะสังเกตุเห็นว่าจุดมีขนาดเล็กลงและหายไป

โดย : rak-sukapap.com
Powered by Blogger.