เปิดรายละเอียดสิทธิ ประกันสุขภาพ ภาครัฐ 3 กองทุน แตกต่างอย่างไร ….. เพื่อสิทธิประโยชน์ต้องอ่านดู

เปิดรายละเอียดสิทธิ ประกันสุขภาพ ภาครัฐ 3 กองทุน แตกต่างอย่างไร ….. เพื่อสิทธิประโยชน์ต้องอ่านดู

loading...
แม้จะไม่ตรงตามข้อเรียกร้องของผู้ประกันตน ทั้งหมด แต่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เล็งเห็นถึงความจำเป็นและขยับในเรื่องของค่าบริการทันตกรรม อุดฟัน ถอนฟัน และขูดหินปูน จากเดิมปี 600 บาท เพิ่มเป็นปีละ 900 บาท และนำร่องไม่สำรองจ่ายใน 30 หน่วยบริการ ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคมนี้ ก่อนจะขยายทั่วประเทศภายในปี 2559
งาน นี้แม้จะไม่ได้ตรงตามข้อเรียกร้องทั้งหมด แต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ สปส.ขยับ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในระบบสุขภาพ 3 กองทุนภาครัฐ เมื่อเทียบกับสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) และสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ
ประเด็น ความเท่าเทียมในระบบสุขภาพภาครัฐของ 3 กองทุน ทั้งบัตรทอง ประกันสังคม และสิทธิข้าราชการนั้น ไม่ได้อยู่แค่กรณีทันตกรรมเท่านั้น แต่ยังมีกรณีอื่นๆ ที่ถูกจับตามองมาโดยตลอด นั่นเพราะ สิทธิประกันสังคม มีการจ่ายเงินสมทบเข้าระบบร่วมกับนายจ้างและภาครัฐ เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ อาทิ สิทธิกรณีว่างงาน เลิกจ้าง เกษียณอายุ รวมทั้งรักษาพยาบาล แต่ในประเด็นการรักษาพยาบาล ถูกพูดเสมอว่า ควรเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ไม่ด้อยไปกว่าสิทธิสุขภาพอื่นๆ
เรื่อง นี้ เครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน (คปค.) นำโดย มนัส โกศล ประธาน คปค. และ บรรจง บุญรัตน์ กรรมการ คปค.เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการแพทย์ สปส. ขอให้มีการพิจารณาเรื่องส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้แก่ผู้ประกันตน ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 63 (2) พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับ 4 พ.ศ.2558 แต่ไม่มีการออกระเบียบมารองรับ มนัสบอกว่า การตรวจสุขภาพเพื่อป้องกันโรค ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่สำคัญ และเป็นไปตามมาตรา 63 (2) ของ พ.ร.บ.ประกันสังคมฯ ดังนั้น เมื่อมีกฎหมายก็ควรให้สิทธิผู้ประกันตนได้ตรวจสุขภาพด้วย
ขณะ ที่กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพก็ออกมาเรียกร้องตลอดในแง่ของงบบัตรทองที่ เพิ่มขึ้น แต่เมื่อเทียบกับสิทธิข้าราชการก็ยังถือว่าน้อย เนื่องจากข้าราชการมีจำนวนน้อยกว่า ขณะที่งบกองทุนรักษาพยาบาลของข้าราชการตกปีละประมาณ 6 หมื่นล้านบาท จนช่วงหนึ่งมีการจำกัดงบประมาณข้าราชการ

จาก ข้อเรียกร้องของสิทธิประกันสังคม และสิทธิบัตรทอง มาดูว่า แท้จริงแล้ว 3 กองทุนสุขภาพภาครัฐมีข้อแตกต่างอย่างไร โดยเฉพาะสิทธิในการตรวจสุขภาพ เพื่อปัองกันโรค สามารถใช้ได้ทุกกองทุนหรือไม่
มูลนิธิภิวัฒน์สาธารณสุขไทย (ภวส.) ได้ทำการศึกษาความแตกต่างของ 3 ระบบประกันสุขภาพไทย
1.สิทธิ ข้าราชการ มีคนอยู่ในระบบ 4.97 ล้านคน ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเฉลี่ยคนละ 12,397.66 คน งบประมาณเฉลี่ยปีละ 60,000 ล้านบาท งบจากภาษี โดยรัฐบาลอุดหนุน 100% หากจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลนั้น จะจ่ายกรณีเกินสิทธิกำหนด โดยหน่วยบริการ (โรงพยาบาล) ที่เข้ารับการบริการได้นั้น จะเป็นโรงพยาบาลรัฐและเอกชนที่เข้าร่วม ทั้งนี้ มีกรมบัญชีกลางเป็นหน่วยงานดูแล โดยสิทธิข้าราชการจะสิ้นสุดต่อเมื่อไม่ได้เป็นข้าราชการแล้ว
2.สิทธิ ประกันสังคม ครอบคลุมผู้ประกันตนประมาณ 10.33 ล้านคน งบประมาณเฉลี่ยคนละ 2,857.37 บาท งบภาพรวมทั้งหมดปีละ 29,508.48 ล้านบาท ถือเป็นสวัสดิการทางสังคม รัฐบาลอุดหนุน 33% ส่วนที่เหลือเป็นเงินสมทบผู้ประกันตน และนายจ้าง โดยผู้ประกันตนต้องสมทบเข้ากองทุนทุกเดือน 5 เปอร์เซ็นต์จากค่าจ้างรายเดือน และต้องจ่ายสมทบไม่น้อยกว่า 3 เดือน ใน 15 เดือนจึงจะเกิดสิทธิได้ และจะสิ้นสุดสิทธิประกันสังคมก็ต่อเมื่อขาดส่งเงินสมทบมากกว่า 3 เดือน โดยเข้ารับบริการได้ในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนที่เป็นคู่สัญญา มี สปส.เป็นหน่วยงานดูแล


3.สิทธิบัตรทอง ครอบคลุมประชาชนทั่วไป 48 ล้านคน งบรายหัวเฉลี่ยในการรักษาพยาบาลโดยไม่รวมค่าอื่นๆ ประมาณ 2,217.48 บาทต่อคน
งบ ภาพรวมที่กระจายไปยังโรงพยาบาลในสิทธิบัตรทองเฉลี่ย 107,814.12 ล้านบาท รัฐอุดหนุนงบ 100% เดิมกองทุนบัตรทองนั้น จะเป็นการร่วมจ่าย 30 บาท ตั้งแต่แรกเริ่มจัดตั้งกองทุน แต่ต่อมามีการปรับเปลี่ยนเป็นบัตรทองรักษาฟรี แต่กระนั้นก็ยังมีการจ่าย 30 บาท ในบางพื้นที่ ส่วนใหญ่จะเป็นการบริจาค หรือการจ่ายด้วยความสมัครใจ โดยสิทธิบัตรทองจะได้สิทธิตั้งแต่แรกเกิด แต่สิ้นสุดสิทธิก็ต่อเมื่อได้สิทธิสุขภาพอื่นๆ ทดแทน ไม่ว่าจะเป็นประกันสังคม หรือข้าราชการก็ตาม โดยเข้ารับบริการได้ที่โรงพยาบาลรัฐและเอกชนที่เป็นคู่สัญญา มีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดูแล
อย่าง ไรก็ตาม หากพูดถึงในแง่สิทธิประโยชน์ทางการแพทย์ ที่แตกต่างกันมีอะไรบ้าง ยกตัวอย่าง 1.กรณีผู้ป่วยต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้น สำหรับค่าห้องพิเศษ สิทธิข้าราชการจ่ายให้ไม่เกิน 1,000 บาทต่อวัน สิทธิประกันสังคมไม่เกิน 700 บาทต่อวัน และสิทธิบัตรทอง ไม่คุ้มครอง
2.การ บริการรักษาตัวแบบพักฟื้น และบริการหลังผู้ป่วยกลับบ้าน สิทธิข้าราชการไม่คุ้มครอง สิทธิประกันสังคมไม่คุ้มครอง แต่สิทธิบัตรทอง คุ้มครอง
3.กรณีการ ฟื้นฟูสมรรถภาพทางด้านการแพทย์ หลังสิ้นสุดการรักษา (นอกโรงพยาบาล) สิทธิข้าราชการและประกันสังคมไม่คุ้มครอง จะคุ้มครองเฉพาะในโรงพยาบาลเท่านั้น แต่สิทธิบัตรทองคุ้มครองทั้งหมด
4.การ ช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้รับบริการและผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหาย จากการรับบริการสาธารณสุข สิทธิข้าราชการไม่คุ้มครอง สิทธิประกันสังคมคุ้มครองเฉพาะผู้รับบริการ และบัตรทองคุ้มครองทั้งหมด
5.การ ส่งต่อผู้ป่วยไปยังหน่วยบริการที่มีศักยภาพสูงกว่าทางอากาศยาน สิทธิข้าราชการและประกันสังคมไม่คุ้มครอง มีเพียงสิทธิบัตรทองที่คุ้มครอง
6.ค่าพาหนะรับส่งต่อระหว่างหน่วยบริการทางเรือ สิทธิข้าราชการไม่คุ้มครอง แต่สิทธิประกันสังคมและบัตรทองคุ้มครอง
7.การ ปลูกถ่ายไขกระดูกสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง กรณีป่วยเป็นมะเร็งก่อน สิทธิข้าราชการคุ้มครอง สิทธิประกันสังคมไม่คุ้มครอง และสิทธิบัตรทองคุ้มครอง
8.กรณี ทันตกรรม รากฟันเทียม สิทธิข้าราชการไม่คุ้มครอง สิทธิประกันสังคมคุ้มครอง สิทธิบัตรทองไม่คุ้มครอง ส่วนกรณีถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูนนั้น สิทธิข้าราชการเข้ารับบริการได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ไม่มีวงเงิน สิทธิประกันสังคม จ่ายให้ปีละ 900 บาท เริ่มวันที่ 12 สิงหาคม 2559 ส่วนสิทธิบัตรทองเข้ารับบริการได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ไม่มีวงเงิน
นี่ คือตัวอย่างของสิทธิที่แตกต่างกันในแต่ละกองทุน อย่างไรก็ตาม บริบทของแต่ละกองทุนก็มีความแตกต่าง แต่เชื่อว่าทุกกองทุนย่อมต้องการให้สิทธิสุขภาพที่ดีที่สุดเพื่อประชาชน
ดังนั้น อะไรที่ยังแตกต่าง เหลื่อมล้ำมาก ก็ต้องให้โอกาสในการพัฒนา!

ที่มา:http://www.naarn.com/7241/

เตือน !! น้ำเต้าหู้ ดื่มมากไป อันตรายมาก ก่อโรคร้ายต่อไปนี้

เตือน !! น้ำเต้าหู้ ดื่มมากไป อันตรายมาก ก่อโรคร้ายต่อไปนี้

นักวิชาการถกเถียงกันเรื่องการดื่ม น้ำเต้าหู้….บ้างก็ว่าดื่มมากๆเป็นเรื่องดี แต่บ้างก็ว่ายิ่งดื่มมากยิ่งอันตราย ข้อดีและข้อเสียของน้ำเต้าหู้อยู่ตรงไหน วันนี้เราจะมาสรุปให้คุณได้อ่านจนจบในหนึ่งบทความนี้เลย…
น้ำเต้าหู้ เป็น เครื่องดื่มยอดฮิตที่รู้จักกันมานานตั้งแต่ในสมัยโบราณ ด้วยจุดเด่นเรื่องของความอร่อยควบคู่ไปกับประโยชน์มากมายมหาศาล หนำซ้ำยังเป็นเครื่องดื่มที่ดื่มได้ทั้งวัน ด้วยความที่เป็นที่นิยมจึงมีให้ดื่มกันได้ทุกที่ทั่วประเทศ แต่จะมีกี่คนกันนะ ที่รู้ถึงข้อดีและข้อเสียของเจ้าน้ำเต้าหู้ เครื่องดื่มยอดนิยมชนิดนี้ มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรกัน
ข้อดีของ ‘น้ำเต้าหู้’

loading...
1. สารอาหารมีประโยชน์

ในน้ำเต้าหู้นั้นมีสารอาหารต่างๆ มากมายซึ่งเป็นผลดีต่อร่างกาย ได้แก่
– โปรตีน เมื่อวิเคราะห์ปริมาณโปรตีนแล้ว ในน้ำเต้าหู้มีโปรตีนสูงเทียบเท่าในน้ำนมวัวเลย
– กรดไขมันไม่อิ่มตัว เป็นสารอาหารจำเป็นของร่างกาย ซึ่งพบว่ากรดไขมันส่วนใหญ่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าที่พบในนมวัวเสียอีก

2. ป้องกันโรคมะเร็งเต้านม ป้องกันโรคกระดูกพรุน และแก้ปัญหาวัยทอง

ใน น้ำเต้าหู้มีสารชนิดหนึ่งเรียกว่า “ไฟโตเอสโตรเจน” (Phytoestrogen) ซึ่งมีส่วนในการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิง การรับประทานน้ำเต้าหู้เป็นประจำในปริมาณที่เหมาะสมจึงสามารถลดการเกิด มะเร็งชนิดนี้ลงได้ นอกจากนั้นแล้ว สารไฟโตเอสโตรเจนนี้ยังช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน และลดอาการวิตกกังวลที่อาจเกิดขึ้นได้ในวัยทอง

3. หาง่าย ราคาถูก

น้ำ เต้าหู้สามารถหารับประทานได้ง่าย ที่ไหนก็มีขาย ไม่ว่าจะเป็นตลาด หน้าเซเว่น หรือแม้กระทั่งในร้านสะดวกซื้อ และที่สำคัญยังเป็นอาหารที่มีราคาถูกกว่าเครื่องดื่มโปรตีนอื่นๆอีกด้วย
ข้อเสียของ ‘น้ำเต้าหู้’
1. เสี่ยงมะเร็ง
หลาย คนอาจสงสัย เมื่อสักครู่ยังบอกว่าน้ำเต้าหู้ช่วยต้านมะเร็งอยู่เลย แล้วทำไมถึงกลายเป็นสารเร่งการเกิดมะเร็งไปได้…คำตอบอยู่ที่….เมื่อคุณรับ ประทานน้ำเต้าหู้มากเกินไป สารไฟโตเอสโตรเจนก็สามารถทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตได้เช่นกัน งานวิจัยนี้กล่าวว่าสารตัวนี้ทำหน้าที่เสมือนเป็นฮอร์โมนในร่างกาย ดังนั้น เมื่อได้รับเข้าไปมากเกินความจำเป็นก็จะเป็นตัวเร่งให้เกิดมะเร็งเต้านมได้ นั่นเอง

2. เป็นสาวเร็ว

อย่างที่บอกว่าในน้ำเต้าหู้มีฮอร์โมน ที่คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง งานวิจัยชิ้นหนึ่งในจีนจึงศึกษาเรื่องนี้และพบว่า การดื่มน้ำเต้าหู้เป็นประจำจะทำให้เด็กสาวก้าวเข้าสู่วัยรุ่นได้ง่ายมากขึ้น เพราะมีฮอร์โมนเป็นตัวเร่งนั่นเอง

3. อ้วนและเบาหวาน

น้ำ เต้าหู้ส่วนมากมักจะมีส่วนประกอบของน้ำตาลมากเกินไป โดยเหตุผลที่ผู้ผลิตจำเป็นต้องใส่น้ำตาลทรายในระดับที่มาก ก็เพราะต้องการให้รสหวานช่วยกลบกลิ่นเหม็นเขียวจากถั่วเหลืองไปได้ และช่วยให้ดื่มง่าย ไม่สากลิ่น ดังนั้น หากไม่ต้องการอ้วนหรือเป็นโรคเบาหวานเพราะน้ำตาล อย่าลืมบอกคนขายว่า “เอาน้ำเต้าหู้หวานน้อย” นะคะ
ปัจจุบันยังไม่สามารถสรุปได้ว่าต้องกิน ไฟโตเอสโตรเจนจำนวนเท่าไหร่ จึงจะป้องกันโรคต่างๆได้ และเชื่อว่าผลของไฟโตเอสโตรเจนในแต่ละคนแตกต่างกันตามชาติพันธุ์ กรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม อายุ และการรับประทานอาหาร แต่อย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีประโยชน์และมีโทษควบคู่กันไป เราควรเลือกรับประทานในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ในปริมาณที่พอดีเพื่อสุขภาพร่างกายเราเอง
จะเห็นได้ว่า น้ำเต้าหู้ที่ว่ามีประโยชน์ ถ้าดื่มผิดวิธีก็จะกลายเป็นโทษได้เช่นกัน ดังนั้น ทางที่ดีที่สุด เราจึงควรบริโภคอาหารทุกอย่างอย่างมีขอบเขต ลองดื่มนมถั่วเหลืองสลับกับนมอื่นๆบ้าง อาจจะเป็นวันเว้นวันหรืออย่างไรก็ได้แล้วแต่คุณสะดวก อย่าติดกับเครื่องดื่มนมเพียงชนิดเดียว ไม่ใช่ว่าอาหารไหนที่คนเขาว่าดี ก็แห่กินให้ได้มากที่สุด เพราะเชื่อเถอะว่าไม่มีอะไรดีที่สุดเสมอไปหรอก

ที่มา:http://www.naarn.com/7252/

เอาเงินแผ่นดินคืนมา!!! "สัก กอแสงเรือง" ยึดคำพิพากษา จี้สรรพากรเร่งทวง "โอ๊ค-เอม" ชดใช้จ่ายภาษีหุ้นชินฯโดยเร็ว !!?!!

  ภายหลังจาก  คณะผู้พิพากษาศาลอาญา   แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ     พิพากษาว่า  นางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาล   น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ  อดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร , น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย,  น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย, นายกริช วิปุลานุสาสน์ ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากรมีความผิด ฐานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 83 ให้จำคุกคนละ 3 ปี   ส่วนน.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิด เลขานุการส่วนตัว คุณหญิงพจมาน ณ  ป้อมเพชร  อดีตภริยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  ในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำผิด ให้ลงโทษจำคุก 2 ปี
loading...
    ล่าสุด  นายสัก กอแสงเรือง  อดีตกรรมการและโฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)    ได้แสดงความเห็นกับ “สำนักข่าวอิศรา”  ว่า   "ต่อจากนี้ถือเป็นเรื่องของกรมสรรพากร  ที่จะต้องไปติดตามเรียกภาษีส่วนนี้คืนจากบุคคลทั้ง 2   และคงต้องไปสอบถามทางกรมสรรพากร ว่าติดตามเรื่องนี้ไปถึงไหนแล้ว  เพราะได้แจ้งถึงผลการพิจารณาของคตส.ไปนานแล้ว "

    “กรณีของนางเบญจา ในการช่วยเหลือไม่ให้บุตรชายและบุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร   อดีตนายกรัฐมนตรี  ต้องเสียภาษีจากการขายหุ้น  ถือเป็นหนึ่งในหลายกรณีที่ คตส.ตรวจสอบเรื่องการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ป  ซึ่งนำไปสู่การตรวจสอบเรื่องร่ำรวยผิดปกติ ของนายทักษิณ  และเป็นผลทำให้มีการอายัดทรัพย์จำนวน  4 หมื่นล้าน  กลับมาเป็นสมบัติของแผ่นดินได้  จึงถือว่าการทำหน้าที่ของคตส.ที่ผ่านมาคุ้มค่าแล้ว

      คดีนี้  ป.ป.ช.ยื่นฟ้องแผนกคดีทุจริตฯ  ในศาลอาญา  เมื่อวันที่  3  ธ.ค .2558      ระบุพฤติการณ์สรุปว่า    จำเลยที่ 1-4    ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของกรมสรรพากรปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ   เพื่อไม่ให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร    บุตรของนายทักษิณ ต้องเสียภาษีอากร หรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย และได้รับประโยชน์ที่มิควร   โดยชอบด้วยกฎหมาย จากการที่นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ซื้อหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด   เมื่อปี  2549   คนละ  164,600,000  หุ้น       ในราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท   ขณะที่ราคาตลาดหุ้นละ 49.25 บาท    ถือได้ว่านายพานทองแท้ และ  น.ส.พินทองทา   เป็นผู้ได้รับเงินพึงประเมิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 และมีหน้าที่ต้องเสียภาษีของส่วนต่างราคาหุ้นคนละ   7,941,950,000 บาท  ซึ่งการกระทำนั้นทำให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และราชการเสียหาย
source : http://deeps.tnews.co.th/contents/198091/

เผยแล้ว!!ความจริงที่มาภาพ แก๊งค์ลักพาตัวคนไปชำแหละเอาอวัยวะมันเป็นเพราะ....

พหมายเลข 1 : ถูกอ้างว่าเป็นคนร้ายลักพาตัวเด็ก – ข้อเท็จจริง คือ ชายในภาพเป็นเจ้าของรถตู้ที่ไปรับเด็กชายคนหนึ่งที่โรงเรียนในจังหวัดหนองคายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งพ่อเด็กว่าจ้างให้ไปรับลูกมาจากโรงเรียนครับ กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องพิพาทสิทธิการปกครองบุตรครับ ชายดังกล่าวจึงไม่ใช่คนร้ายลักพาตัวเด็กแต่อย่างใดครับ ส่วนเรื่องสิทธิการปกครองบุตรทางครอบครัวทั้งสองฝ่ายได้เจรจาตกลงกันแล้วครับ
loading...
ภาพหมายเลข 2 : ถูกอ้างว่าเป็นขบวนการลักพาตัวเด็กมาตัดแขนขา ตัดอวัยวะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ครับ ภาพนี้ตรวจสอบแล้ว เป็นภาพจากเวปไซค์ต่างประเทศครับ ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดในประเทศไทยครับ

ภาพหมายเลข 3 : ถูกอ้างว่าเป็นขบวนการลักพาตัวเด็กมาตัดแขนตัด ตัดอวัยวะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือครับ – ข้อเท็จจริง ข่าวลือเรื่องการลักพาตัวคนไปตัดอวัยวะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีมานานแล้วครับ แต่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วไม่ปรากฏว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น และไม่มีบุคคลสูญหายในลักษณะดังกล่าว ส่วนภาพนี้เป็นเหตุการณ์จากประเทศเพื่อนบ้านเมื่อสองเดือนที่ผ่านมาครับ เป็นกรณีเด็กเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเก็บวัตถุระเบิดมาเล่นแล้วเกิดระเบิดจนเสียชีวิตครับ
ภาพหมายเลข 4 : ถูกอ้างว่าเป็นรถตู้จับเด็กในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ครับ – ข้อเท็จจริงคือ ยังไม่มีเด็กหายในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ครับ และฝ่ายความมั่นคงได้แจ้งมาแล้วว่าข่าวเรื่องแก๊งค์รถตู้จับเด็กในพื้นที่ เป็นการออกข่าวลวงของผู้ไม่หวังดี เพื่อสร้างความหวาดกลัวในพื้นที่ครับ
***มูลนิธิกระจกเงา อยาก ให้สังคมมีความตระหนักต่อปัญหาจากข้อเท็จจริง ไม่มุ่งหวังสร้างความตระหนกตกใจจากข่าวลือครับ ภาพที่ท่านได้รับการแชร์มาขอให้ใช้วิจารญาณ ในการตัดสินใจครับ
1.ภาพที่ท่านได้รับมา ท่านสามารถนำไปค้นหาต้นฉบับที่มา จากเวปไซค์ google ได้ครับ จะทำให้ท่านทราบที่มาของภาพ นั้นๆครับ

2.การลักพาตัวคนมาเพื่อตัดอวัยวะ ไม่สามารถทำที่บ้านหรือตามท้องไร่ท้องนา เหมือนในภาพที่ถูกแชร์กันได้ครับ ต้องทำในโรงพยาบาลที่มีเครื่องไม้เครื่องมือ และบุคคลากรทางการแพทย์ครับจึงจะสามารถนำอวัยวะไปปลูกถ่ายได้ครับ สำหรับประเทศไทยยังไม่ปรากฏว่ามีขบวนการแบบนี้ครับ
3.หากมีการลักพาตัวเด็ก เพื่อไปตัดแขนตัดขา ตัดอวัยวะจริงๆ ตามภาพที่ถูกแชร์ ต้องเป็นข่าวใหญ่แล้วครับ อย่าไปคิดว่าจะปิดข่าวได้ครับ ทุกวันนี้ข่าวไวมากครับสำหรับในสังคมที่ทุกคนมีมือถือถ่ายภาพได้ แต่ข้อเท็จจริงคือ ยังไม่มีเหตุการณ์แบบนี้ในประเทศไทย มีแต่การนำภาพมาจากเวปไซค์ต่างประเทศมาแชร์แล้วเขียนข้อความไปเองครับ

ฮือฮาสุดๆ ! เหรียญบาทปี 2505 รัชกาลปัจจุบัน ราคาเป็นแสน ต้องเป็นแบบไหนมาดูกัน?( มีคลิป )

ด่วน ๆ ! ใครมีเหรียญบาทปี 2505 ราคาเป็นแสน ต้องแบบไหนดูอย่างไร ?

loading...
จากกระแสในโลกออนไลน์ที่เป็นเรื่องฮือฮากันมากว่า เหรียญบาทปี 2505 รัชกาลปัจจุบันนั้น
มีราคานับหมื่นนับแสนบาท นั้นจริงหรือไม่ อย่างไร จะมาไขโจทย์นี้ให้ดูกัน




มาชม คลิปวีดีโออธิบายกัน




ที่มา:http://www.naarn.com/7043/

“เหล้าขาว” ใครว่ากินแล้วมีแต่”เมา” มันมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด!! ที่หลายคนไม่เคยรู้??

 ปฏิเสธไม่ได้ว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ของเหล่าคุณผู้ชายจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว โดยในความเป็นจริงหลายคนอาจคิดว่าเครื่องดื่มประเภทนี้มีแต่จะส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่ทราบหรือไม่ครับว่ายังมีประโยชน์อีกมากมายแฝงอยู่ในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดที่คุณอาจคาดไม่ถึงเลยล่ะ

loading...
คุณรู้มัั้ยคะว่าแอลกอฮอลล์ที่พวกคุณดื่มกันเพื่อให้เมานั้น อันที่จริงแล้วสามารถนำมาทำประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณได้ อย่างเช่นเหล้าขาว สุราไทยราคาไม่แพงนั้นสามารถนำมารักษาอาการปวดข้อปวดเข่าตามแบบภูมิปัญญาไทยได้

แก้อาการปวดข้อปวดเข่า..ด้วยเหล้าขาว! หายปวดแน่นอน!!

เพียงแค่มี
มะกรูด 10 ผล
เหล้าขาว 1 ขวด
โหลแก้ว1 ใบ

นำมะกรูด 10 ผลไปล้างน้ำสะอาดแล้วผ่าซีก ไปดองกับเหล้าขาว 1 ขวดเป็นเวลา 15วัน พอครบกำหนดก็กรงเอาแต่น้ำมาใส่ภาชนะที่ฉีดได้ หรือเทใส่สำลีมาทาบริเวณที่มีอาการปวด ทิ้งไว้ซักพักอาการจะดีขึ้นทันที ทั้งนี้ยังสามารถใช้ได้กับผู้ที่เป็นโรค รูมาตอยและเก๊า
แต่ถึงแม้ว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมีประโยชน์ที่คาดไม่ถึงแฝงอยู่ก็จริง ทว่าการดื่มในปริมาณมาก ๆ ก็ส่งผลเสียในด้านอื่น ๆ ตามมาด้วยเช่นกัน ดังนั้น หัวใจสำคัญของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็คือการดื่มในปริมาณที่พอเหมาะนั่นเอง

ที่มา: thaijobsgov.com

เด็กสาววัย 17 ถูกแท็กซี่หื่นลวนลาม เลยแอบถ่ายรูป-แชทบอกเพื่อนแจ้งตร.จับทันที

   เว็บไซต์เชี่ยงไฮ้อิสต์รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค. หญิงสาววัย 17 ปีคนหนึ่งได้ใช้บริการรถแท็กซี่เพื่อเดินทางจากมณฑลเสฉวนไปยังมณฑลเจ้อเจียง เธอเลือกนั่งที่เบาะหลัง จากนั้นโชเฟอร์ซึ่งเป็นผู้ชายได้ชวนคุยเรื่องทั่วๆไป ประมาณ 5 นาที โชเฟอร์ก็บอกให้หญิงสาวย้ายมานั่งเบาะหน้า เพื่อที่จะได้คุยกันสะดวกขึ้น
loading...

 "หนูไม่เคยเจอผู้ชายที่ไม่ดีมาก่อนเลยในชีวิต หนูย้ายไปนั่งเบาะหน้ารถโดยไม่หวาดระแวงอะไรเลย"หญิงสาววัย 17 กล่าวกับนักข่าว และระบุว่า ช่วงแรก ๆ ที่ไปนั่งหน้ารถ โชเฟอร์ยังคงพูดคุยปกติ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพของเขาตลอด 3 เดือน แต่จู่ๆคนขับแท็กซี่เริ่มยื่นมือมาจับหน้าอกและบอกให้หายใจลึกๆ จากนั้นก็ลูบคลำไปตามร่างกาย พยายามใช้มือล้วงข้าไปในกางเกงเพื่อจับของสงวน
  เด็กสาววัย 17 ตัดสินใจบอกโชฟอร์ให้เลิกแตะเนื้อต้องตัวได้แล้ว แต่เขายังไม่ยอมหยุด ยังคงลวนลามตลอดเวลา จะเอามือออกจากร่างกายของฝ่ายหญิงเฉพาะตอนที่เปลี่ยนเกียร์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ช่วงนั้นเหยื่อสาวได้หยิบมือถือขึ้นมาแช็ทกับเพื่อน โดยเล่นให้เพื่อนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พร้อมทั้งถ่ายรูปให้เพื่อนดู ซึ่งเพื่อนของเหยื่อสาวได้แจ้งตำรวจและสามารถจับโชดฟอร์หื่นรายนี้ไว้ได้ในที่สุด
 เหยื่อสาว: มือเขา... ฉันโทรแจ้งตำรวจได้เหรอ?
 เพื่อน: เขาใช้มือล้วงเข้าไปในกางเกงของเธอเหรอ?
 เหยื่อสาว: ลูบหน้าท้อง
 เพื่อน: อย่าทำอะไรให้เขาโกรธนะ
 เหยื่อสาว: โอเค
เพื่อน: เขายังลวนลามเธออยู่หรือเปล่า?
 เหยื่อสาว: เขาจะทำ แต่ฉันห้าม เขาเลยลูบคลำที่ท้อง
 (เหยื่อส่งรูปให้เพื่อนดู)
 เพื่อน: นี่คือเขา?
 เหยื่อสาว: กางเกงฉัน...มือเขา
 หลังเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตจีนก็วิพากษ์วิจารณ์กันกระหึ่มเมือง โดยส่วนใหญ่โจมตีพฤติกรรมอื้อฉาวและเป็นภัยของคนขับแท็กซี่ แต่มีบางคนพุ่งเป้าโจมตีไปที่หญิงสาว โดยเห็นว่าแต่งตัวโป๊ ใส่กางเกงสั้นมาก และไม่มีการขัดขืนใด ๆ กลับปล่อยให้โชเฟอร์ลวนลาม

 แต่ชาวเน็ตบางคนออกมาปกป้องเหยื่อสาว โดยบอกให้สังคมหยุดโจมตีเพราะเธอยังเป็นเด็กมัธยม ผ่านโลกมาน้อย จะให้ไปต่อยหน้าคนขับแท็กซี่หรือไง ทั้งเรื่องนี้น่าจะชมเด็กสาวรายนี้มากกว่า อย่างน้อยก็ฉลาดพอที่จะแช็ทบอกเพื่อน และรูปถ่ายเป็นหลักฐาน

ฮิวแมนไรท์วอทช์ จี้ไทยถอนดำเนินคดีหลานสาวพลทหารถูกซ้อมตาย ชี้คุกคามญาติไม่ต่างกับสนับสนุนทารุณกรรม

จากกรณีที่เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ตร.มักกะสัน -นราธิวาส บุกจับ น.ส.นริศราวัลถ์ หรือเมย์ แก้วนพรัตน์ อายุ 25 ปี “หลานสาวพลทหารฯ ถูกซ้อมตาย” ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กรมสวัสดิการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยเอกสาร-คอมพิวเตอร์ หลังร้องความเป็นธรรมให้น้าชายที่ถูกครูฝึกทหารทำโทษจนเสียชีวิตนั้น

loading...
ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา ฮิวแมนไรท์วอทช์ องค์กรสนับสนุนสิทธิมนุษย์ชน ได้เผยแพร่แถลงการเรียกร้องให้รัฐบาลไทยถอนการดำเนินคดีน.ส.นริศราวัลถ์ ผู้ซึ่งหากพบว่ามีความผิดอาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี และปรับ 100,000 บาท ในข้อหาในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร และนำเข้า สู่ระบบคอมพิวเตอร์

“ความพยายามของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ในการคุกคามและตอบโต้ญาติของเหยื่อทารุณกรรมที่ออกมาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมานั้น ไม่ต่างกับการสนับสนุนการทารุณ”แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำภูมิภาคเอเชีย ระบุ และว่า “รัฐบาลควรมีคำสั่งให้ตำรวจถอนข้อกล่าวหาน.ส.นริศราวัลถ์ โดยทันทีและนำตัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตของลุงของเธอมาลงโทษ”

แถลงการณ์ระบุด้วยว่า หลังการสอบสวนเป็นการภายในโดยกองทัพภาคที่ 4 รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดภาคใต้ของประเทศไทย พบว่าทหารนายหนึ่ง กับพวกรวม 10 คน ก่อเหตุทารุณกรรมพลทหารวิเชียร เผือกสม น้าชายของน.ส.นริศราวัลถ์ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2554 รายงานการสอบสวนระบุว่า นายทหารรายดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ที่กล่าวหาว่าพลทหารวิเชียร หลบหนีออกจากค่ายฝึก กับพวกรวม 10 คน ก่อเหตุแก้ผ้าพลทหารวิเชียรเหลือเพียงชุดชั้นใน ลากพลทหารวิเชียรไปบนพื้นคอนกรีต ก่อนจะเตะและทำร้ายร่างกายเป็นเวลานานหลายชั่วโมง มีการนำเกลือมาโรยใส่แผล พันตัวด้วยผ้า มัดมือ บังคับให้นั่งบนน้ำแข็ง ตีด้วยไม้เรียวจากไม้ไผ่ เตะ กระทืบไปที่หน้าอกและศีรษะ ก่อนที่พลทหารวิเชียร จะเสียชีวิตในอีก 4 วันต่อมา ต่อมากลุ่มผู้ก่อเหตุได้รับโทษทางวินัยให้จำคุกเป็นเวลา 30 วันหรือน้อยกว่านั้น แต่ยังไม่ได้ถูกต้ังข้อหาฆาตรกรรมหรือข้อหารุนแรงอื่นๆ

ส่วนคดีแพ่งมารดาของพลทหารวิเชียร ได้ยื่นฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนทางละเมิดต่อหน่วยงานต้นสังกัด ปรากฏว่าสามารถเจรจาไกล่เกลี่ยกันได้ โดยศาลแพ่งสั่งให้กองทัพบกเป็นผู้ชดเชยเยียวยาค่าเสียหายแก่มารดาของพลทหารวิเชียร เป็นเงิน 7,049,213 บาท ส่วนในคดีอาญาเมื่อเดือนกรกฎาคม 2558 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พบว่าผู้ก่อเหตุมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และประมวลกฎหมายอาญาทหาร พ.ศ.2473 มาตรา 30 วงเล็บ 4 ซึ่งหลังจากนี้จะมีการส่งสำนวนคดีไปยังพนักงานอัยการต่อไป

แถลงการณ์ระบุว่า เมื่อเดือนพฤษภาคม 2559 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้คำมั่นว่าจะทำให้การทารุณกรรมเป็นคดีอาญาภายใต้กฎหมายของไทย และจะปฏิบัติตามพันธกรณีที่ไทยได้ให้ไว้ต่ออนุสัญญาสหประชาชาติต่อต้านการทรมานฯ โดยภายใต้อนุสัญญาดังกล่าวรัฐบาลไทยได้ให้คำมั่นว่าจะสืบสวนและลงโทษการกระทำที่เป็นการทรมาน หรือการกระทำรุนแรงอื่นๆที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทยยังไม่ประสบความสำเร็จในการลงโทษเจ้าหน้าที่ความมั่นคงคนใดจากการทำความผิดลักษณะดังกล่าว และยังดำเนินการตอบโต้ผู้ที่รายงานเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน ด้วยการแจ้งความดำเนินคดีผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการกล่าวหาอันเป็นเท็จเพื่อทำลายชื่อเสียงของเจ้าหน้าที่

โดย นายอดัมส์ ระบุด้วยว่า “มันมักจะเป็นความเสี่ยงที่จะพูดแทนเหยื่อของการทารุณกรรมโดยเจ้าหน้าที่ทหารในประเทศไทย” และว่า “เวลานี้รัฐบาลกำลังใช้อำนาจทางกฎหมายที่มีอยู่อย่างมากมายกับผู้ที่ร้องขอความยุติธรรม”

ต้นฉบับแถลงการณ์จากเว็บไซต์ฮิวเมนไรท์วอทช์
source : http://www.matichon.co.th/news/225757

ด่วน !!! "พล.อ.ประยุทธ์"สวน"อภิสิทธิ์" ฟังแล้วจุกแทน...ไล่ให้ไปถามคนนี้สิ(รายละเอียด)

loading...
หลังจากที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ล่าสุด พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ออกมาระบุว่า ไม่สนอภิสิทธิ์ไม่รับร่าง บอกไม่รับก็ไม่รับ ให้ไปถามประชาชนว่าะเอาอย่างไร อย่าไปฟังใครมาก ประชาชนจะเป็นผู้กำหนดเอง อย่าดูถูกประชาชน

ขณะเดียวกัน กรณีที่นายอภิสิทธิ์ให้ตนร่างรัฐธรรมนูญคงพูดประชดตน ทั้งนี้พร้อมรับสถานการณ์หลังวันที่7สิงหาคม

หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านตนจะทำรัฐธรรมนูญใหม่เพราะคงไม่มีวิธีอื่น โดยจะนำทุกร่างมาใช้ และทุกอย่างยังคงเป็นไปตามโรดแมป
http://headshot.tnews.co.th/contents/197830/

เขาเป็นใคร???"หมอเปรม"ทำไมถึงกล้าสั่งนักข่าวแก้ผ้า พอดูประวัติก็ถึงบางอ้อทันที(รายละเอียด)


หมอเปรม หรือ ดร.นายแพทย์ เปรมศักดิ์ เพียยุระ ปัจจบันดำรงตำแหน่าง นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ก่อนหน้านี้เป็น อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดขอนแก่น และเป็นอดีต พระเปรมศักดิ์ เปมสกฺโก

loading...
ทั้งนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 26 กรกฎาคม 2559 ณ ห้องประชุมของเทศบาลเมืองบ้านไผ่ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น โดยผู้สื่อข่าวจำนวน 5 คนประกอบด้วย ผู้สื่อข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ศูนย์ข่าวภาคอีสานตอนบน , ผู้สื่อข่าวไทยทีวีสีช่อง 3 , ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี (ผู้หญิง) , ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มติชน และ ผู้สื่อข่าวเคเบิลทีวีท้องถิ่น KKC ได้เดินทางไปขอสัมภาษณ์ ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ หลังจากมีภาพเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลมีเดีย เมื่อหลายวันก่อน โดยเป็นภาพ ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ กำลังนั่งอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่ง โดยด้านหน้ามีถาดใส่เงินวางอยู่จำนวนมากพร้อมสมุดทะเบียนคู่มือรถยนต์ ซึ่งข้อความในสื่อโซเชียลมีเดียระบุว่า ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ได้ไปสู่ขอหญิงสาวคนดังกล่าวซึ่งกำลังเรียนอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เพื่อแต่งงาน


โดยผู้สื่อข่าวทั้งหมด เดินทางไปเพื่อขอสัมภาษณ์ที่มาที่ไปของภาพ เพื่อนำเสนอข่าวไม่ให้เป็นที่สงสัยและคลางแคลงใจของประชาชน แต่ในระหว่างนั้น ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ได้นำตัวสื่อมวลชน 5 คน เข้าไปในห้อง พร้อมกับเก็บกระเป๋า เครื่องมือสื่อสาร กล้องถ่ายภาพเอาไว้ และให้มีเจ้าหน้าที่ของตนเองจำนวน 7 คนเข้าไปควบคุมผู้สื่อข่าวในห้อง จากนั้นดร.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ได้พูดจาด่าทอ ต่อว่าผู้สื่อข่าวเสียๆ หายๆ โดยระบุว่าทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียงจากนั้นได้นำตัวนักข่าวอาวุโสของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ออกไปยืน และสั่งให้เจ้าหน้าที่ของเทศบาลเมืองบ้านไผ่ ถอดกางเกงเหลือแต่กางเกงชั้นใน และให้เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองบ้านไผ่ ถ่ายภาพ พร้อมกับ ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ ได้พูดประจาน บอกว่าจะนำภาพไปเผยแพร่ให้อาย เหมือนกับที่ตนเองได้อาย

ที่มา:http://headshot.tnews.co.th/contents/197756/

โดนหลอกอีกแล้วหรอ !! ระเบิดพุง ลดน้ำหนักด้วย “ไข่ต้ม” ผอมจริงหรือมั่วนิ่มกันแน่..?? รีบดู (มีคลิป)


loading...
หลายคนอาจจะเคยได้ยินสูตรลดน้ำหนักด้วยการกินไข่ต้ม โดยเฉพาะในมื้ออาหารเช้าที่หลายคนมักไม่พลาดเมนูจากไข่ เพราะไข่เป็นแหล่งโปรตีนสูงที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ และยังทำให้ระบบเผาผลาญทำงานดีตลอดวัน อีกทั้งยังแคลอรีต่ำ ไม่ทำให้อ้วน

นนี้เราจะมาไขข้อข้องใจว่ากินไข่ต้มแท้จริงแล้วลดน้ำหนัก ลดความอ้วนได้จริงแท้หรือมั่วนิ่มกันแน่ เอ้า! มาดูกันเลยค่า จะเห็นได้ว่าแม้การกินไข่ต้มลดน้ำหนัก ลดความอ้วนนั้นจะได้ผลดีจริง แต่ทางด้านนักโภชนาการก็ให้คำแนะนำไว้เพิ่มเติมว่า ในแต่ละวันร่างกายคนเราควรได้รับสารอาหารครบถ้วน 5 หมู่ ดังนั้น เราจึงควรกินไข่ต้มควบคู่กับอาหารอื่นๆ ให้หลากหลาย


ที่มา:http://bk.upyim.com/12449/

มุขเด็ด!! เวลาเจอคนเปิดไฟสูงใส่ตามมาด้านหลัง ต้องทำแบบนี้!!


loading...
วันนี้ครับไปอ่านเจอเรื่องราว บนท้องถนน ที่เรามักจะเจอ คนชอบเปิดไฟสูง กับพวกไฟซีนอนแยงตา
คุณ Blogman สมาชิก pantip.com ได้เขียนวิธีการแก้เผ็ด คนเปิดไฟสูงไว้ ดังนี้ครับ

“ทุกวันนี้ขับรถบนถนนนี่ถ้าใครเห็นรถคันทีต่อท้ายอยู่ข้างหลังเรา แล้วเจอพวกเปิดไฟสูง หรือพวกติดไฟซีนอนแสงสว่างจ้าทิ่มตา ผมว่าไม่มีใครชอบกันแน่ๆ ครับ เพราะมันจะทำให้เราเสียสมาธิในการขับรถ เสียอารมณ์ แล้วอาจนำพาไปถึงเรื่องเขม่นกันจนถึงขั้นมีเรื่องมีราวกันเลยทีเดียวเชียว



ก็ไม่เคยคิดนะว่าจะมีวิธีแก้ปัญหาที่น่าเบื่อแบบนี้โดยรวมของประชาชนคนกรุงเทพที่ใช้รถใช้ถนน และทุกคนต่างก็มีรถกันมากมายอยู่ทุกวันนี้ แต่ก็มีวิธีนึงที่น่าจะได้ผล แล้วอยากมาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ฟังกัน

วันนึงผมนั่งรถกลับกับแฟน (แฟนขับ) แล้วจอดติดไฟแดงกันอยู่แถวแยกคลองเตย ดั๊นนเจอรถเปิดไปสูงตามติดตูดมา (สูงไม่สูงไม่รู้ล่ะ แต่มันทิ่มตาอย่างแรง) แฟนผมก็ปรับกระจกหูช้างให้ส่องสะท้อนลำแสงนั้นออกไปเพื่อไม่ให้แยงตาตัวเอง เท่านั้นไม่พอการปรับกระจกของเธอยังปรับได้เหมาะเหมงยิงลำแสงกลับไปเข้าตาเจ้าของรถคันนั้นอีกต่างหาก ที่สังเกตุได้เพราะตอนออกไฟเขียวเหมือนพี่แกจะรู้ตัวก็ไม่ขับตาม และทิ้งระยะห่างออก
เพื่อนๆ นำวิธีนี้ไปใช้ได้นะครับ เป็นการเตือนให้เขารู้ว่าไฟคุณสูงเกินไปหรือแยงตาคันข้างหน้าเขา คุณควรให้เกียรติกับคนขับรถร่วมถนนด้วย”

ที่มา:http://www.thaijobsgov.com/jobs=69170

เหตุใด จึงไม่ควรรอให้ป่วยก่อนแล้วค่อย ซื้อประกันสุขภาพ !!



การทำประกันสุขภาพ บางคนที่ทำงานในระบบบริษัทก็จะได้รับประกันสุขภาพจากนายจ้าง แต่หากคนไหนที่ไม่ได้ทำงานบริษัทก็จะไม่ได้รับโอกาศนั้น แต่ก็มีหลายคนได้รับข้อเสนอจากบริษัทขายประกัน หากโดนใจก็เลือกซื้อกหรือยอมจ่าย แต่ก็มีหลายคนที่ยังมักจะมีข้ออ้าง ว่าฉันสุขภาพแข็งแรงดี เพราะฉะนั้นสุขภาพจึงไม่จำเป็น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละบุคคลนั้นๆ วันนี้  Kaijeaw.com มีเหตุผลดีๆที่ไม่ควรรอให้ป่วยก่อนแล้วค่อยมองหาประกันสุขภาพดีๆ



loading...

ประกันสุขภาพราคาไม่แพงอย่างที่คิด แต่ค่ารักษาพยาบาลแพงาก และแพงขึ้นเรื่อยๆ 
     โรคภัยไข้เจ็บเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากคุณไม่สบายหรือเจ็บป่วย แน่นอนว่าย่อมมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลตามมา ยอมเสียใช้จ่ายเพียงเล็กๆน้อยๆก็ยังดีกว่าการจ่ายค่ารักษาในโรงพยาบาลที่แพงมหาศาลในภายหลัง


การทำประกันสุขภาพให้ความอุ่นใจในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน 
    หากคุณมีอาการเจ็บป่วย เมื่อทำประกันสุขภาพแล้ว บริษัทประกันจะเข้ามาดูแลสุขภาพของคุณโดยที่คุณไม่ต้องกังวลเรื่องของค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งจะทำให้คุณไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายสำหรับค่ารักษาพยาบาลอีกต่อไป คุณจะได้รับความคุ้มครองสุขภาพทุก ๆ กรณี ไม่ว่าจะเจ็บเพียงเล็กน้อย หรือโรคร้ายแรงก็ตาม

ประกันสุขภาพป้องกันการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยที่อาจนำไปสู่โรคร้ายแรงได้
    หลายคนมักจะหลีกเลี่ยงที่จะไปพบแพทย์เนื่องจากกลัวว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมาย จนหลายคนรอให้เกิดโรคร้ายแรงก่อนจึงจะเข้าโรงพยาบาล หรือมักจะหายามารับประทานเองซึ่งบางครั้งการไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีจากแพทย์นั้น แม้อาการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยก็สามารถนำไปสู่โรคร้ายแรงได้




     ทีนี้รู้เหตุผลที่ดีของการทำประกันสุขภาพกันแล้วใช่ไหมค่ะ หากท่านใดที่ยังลังเล หรือตัดสินใจไม่ได้ลองนำเหตุผลที่ได้อ่านมานั้นไปคิดพิจารณาดูกันก็ได้นะค่ะ และก่อนซื้อประกันควรตรวจเช็คและอ่านรายละเอียดของกรรมธรรม์ ให้ถ้วนถี่เสียก่อนและควรเลือกบริษัทที่เชื่อถือได้ อีกอย่างตัวแทนที่คุณได้ซื้อประกันต้องเป็นคนที่ติดตามได้ สามารถทวงถามได้หากเรามีปัญหาเรื่องประกันสุขภาพ เพื่อความชัดเจนและเป็นผลดีกับตัวคุณเองค่ะ

ที่มา:http://kaijeaw.com/

ไม่รอด !!! "หนุ่มเบญจเพส" ฉีกบัญชีรายชื่อ เมืองระยอง! ทำตร.อึ้งทั้งโรงพัก เมื่อรู้เหตุผลจากปากของเขา แทบไม่อยากจะเชื่อ "นี่มันเรื่องใหญ่ระดับชาติ" !?


loading...

สืบเนื่องจากกรณี มีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำ จังหวัดระยองเข้าแจ้งความว่า มีคนร้ายลักลอบฉีกบัญชีรายชื่อผู้ที่มีสิทธิ์ออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญปี 2559 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดระยอง โดยฉีกไปทั้งสิ้น 2 แผ่น เหตุเกิดหน่วยออกเสียงเลือกตั้งที่ 76 อาคารเอนกประสงค์ชุมชนมาบข่า(2) ชุมชนมาบข่า-สำนักอ้ายงอน เลขที่ 1/18 เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง


ล่าสุด วันที่ 26 ก.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.คมสัน ชัยเจริญศิลป์ ผกก.สภ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง พร้อมนายตำรวจในสังกัด ร่วมกันแถลงจับกุม นายณัฐวุฒิ บุญมา หรือ กอล์ฟ อายุ 25 ปี ชาวจ.หนองบัวลำภู ในความผิดฐาน ทำให้เสียหายทำลายเอกสารสาธารณะฯ เป็นบัญชีรายชื่อผู้ที่มีสิทธิ์ออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญปี 2559


โดย นายณัฐวุฒิ ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ฉีกกระดาษจริงเพราะต้องการนำไปมวนยาเส้น ก่อนลงหาปลาตามแหล่งน้ำในพื้นที่


ทั้งนี้ผู้ต้องหาอ้างว่าไม่ทราบมาก่อนว่ากระดาษดังกล่าวเป็นเอกสารทางราชการ ห้ามฉีกทำลายหรือนำไปใช้ เพราะเห็นติดเอาไว้เฉย ๆ แต่ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

ที่มา:http://www.news-lifestyle.com/contents/154048/

รู้ไว้เลย! สาเหตุที่ห้ามล้าง “เนื้อไก่” ก่อนนำมาปรุงอาหาร ให้เลิกทำแบบนี้…อันตรายมาก!

     เรื่องของการปรุงอาหารคุณพ่อบ้านแม่บ้าน เวลาไปซื้อของไม่ว่าจะเนื้อสัตว์หรือ ผักต่างๆ ก่อนปรุงอาหารเราจะล้างทำความสะอาดกันก่อนทุกครั้งเพื่อความสะอาด และปลอดภัยจากสารเคมี แต่วันนี้เรามีความรู้ใหม่มาแชร์กันคืดห้ามล้างเนื้อไก่ก่อนนำมาปรุงอาหาร เพราะจะทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคCampylobacterได้ ลองอ่านดูจากเนื้อหาที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ได้นะค่ะ

loading...
คำเตือน: คนส่วนใหญ่ชอบล้างเนื้อไก่ที่ซื้อมาจากร้านก่อนปรุงอาหารเพราะคิดว่าทำให้สะอาดขึ้น แต่ที่ถูกต้องคือ*ห้าม*ล้างไก่สดเพราะน้ำล้างที่กระเด็นไปรอบๆข้างอ่าง(เสื้อผ้า, จานชาม, ผัก/ผลไม้สดที่อยู่ใกล้ๆและผ้าเช็ดมือ) จะมีแบคทีเรีย campylobacter และ Salmonella อยู่ซึ่งเป็นอันตรายมากโดยเฉพาะกับเด็กเล็กและคนแก่ การหุงต้มไก่ด้วยความร้อนก็ทำลายเชื้อโรคได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปล้างก่อนให้เสี่ยงกับการเกิดอาหารเป็นพิษกับตนเองและผู้อื่น คนที่ไม่ทำอาหารเองก็ช่วยบอกแม่ครัวด้วยนะคะ  อ้างอิงจาก : food.gov.uk
 ซึ่งจากโพสต์นี้ทำให้เพจดังอย่าง ความรู้สนุกๆแบบหมอแมว ได้ออกมายืนยันแล้วว่า เป็นเรื่องจริงพร้อมอธิบายไว้ว่าดังนี้


มีคนแชร์อันนี้กัน แล้วก็มีคนถามกันเยอะว่าจริงเหรอ ที่ว่าเวลาจะทำอาหารเอาไก่มา อย่าล้างไก่ เพราะจะทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคCampylobacterได้  หลายคนเชื่อ หลายคนไม่เชื่อบอกว่าไร้สาระ

สรุปตรงนี้ก่อนว่าจริง ส่วนจะทำตามไหมลองอ่านดูก่อน

1. ถ้าไปดูพวกฝรั่งทำอาหารแบบถูกสุขลักษณะ เนื้อสัตว์ทั้งหลายของเขา เวลาทำอาหารมักจะแนะนำให้เอาออกจากช่องแช่แล้วทำอาหารเลย หั่นกันแบบแข็งๆ

2. ในทางเดินอาหารของไก่ มีแบคทีเรียเช่น Salmonella และ Campylobacter ซึ่งก่อโรคท้องเสียได้

3. เวลาซื้อเนื้อมา ก็มีโอกาสที่เชื้อจะติดมากับเนื้อได้ จากเชื้อที่มีในสัตว์ตัวนั้น

4. เขาไม่ล้าง เพราะว่าขั้นตอนในการที่เนื้อจะมาถึงผู้บริโภค ไม่ควรไปปนเปื้อนเชื้อจากสิ่งแวดล้อม … ถ้าจะมีเชื้อต้องเป็นเชื้อจากเนื้อสัตว์เท่านั้น

5. ถ้าเชื้อเกิดปนเปื้อนจากมือคนขาย คนขายเอาไปทำตกพื้น แผงที่วางไม่สะอาด การล้างก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก เพราะว่าเชื้อมันอยู่ในเนื้อด้วย … ซึ่งพอลงหม้อเดือดๆก็ตายอยู่ดี

6. ถ้าเราล้าง เพราะว่ามันมีของเปื้อน … เช่น เห็นเศษหญ้า เห็นแมลงวันตายติดอยู่ เห็นขาแมลงสาบ … ก็ไม่ควรกินแต่แรกอยู่แล้ว … (และการล้างก็ไม่ได้เอาเชื้อออกเท่าใดนักอยู่ดี)

7. การล้างเนื้อสัตว์ … กระเด็นแน่นอน … ใครที่ล้างผักแช่ผักในด่างทับทิมจะรู้เลยว่าหยดน้ำมันไปได้ไกล … แต่ทีนี้พอล้างไก่ล้างเนื้อ เรามองไม่เห็นสีเราเลยเข้าใจว่าไม่มีอะไร

8. ถ้าน้ำกระเด็นไปแล้วเราไม่ได้เช็ด พอเราเช็ดอ่างเสร็จแล้วดันเอามือไปแตะแล้วไปจับแก้วจับช้อน ก็ติดเชื้อต่อได้

9. เชื้อ Campylobacter ในไทย อาจจะมีปัญหาไม่มากในผู้ใหญ่เท่าฝรั่ง เพราะว่าเรากินอาหารสุกเยอะหน่อย แต่ถ้าใครกินผักสดและไปล้างผักตรงอ่างนั้น ก็เสี่ยงได้เหมือนกัน

10. Cross contamination คือการแพร่เชื้อที่เจอได้บ่อยโคตรๆในไทย เหตุการณ์ที่ผ่านๆมาหลายครั้ง คนกินอาหารสุกดี แต่ว่าดันท้องเสียหลายๆคนพร้อมกัน ก็เพราะ Cross contamination แบบนี้แหละ

แต่ถ้าใครจะล้างจริงๆ เพราะกลัวความสกปรก ก็อาจจะพอล้างได้ เพียงแต่ว่า
    – หากมื้อนั้นมีอาหารที่กินสด ผักสด ข้าวเหนียว(ใช้มือจับ) ก็ต้องทำของสดก่อน แล้วทำเนื้อสัตว์ทีหลัง
    – หลังทำอาหารทุกครั้ง พื้นที่อ่างต้องแห้ง ฟองน้ำต้องแห้ง ผ้าเช็ดมือต้องแห้ง
    – ต้องล้างมือ 7 ขั้นตอนอย่างถูกวิธี และหากใช้ผ้าเช็ดมือต้องแห้งหรือเปลี่ยนบ่อยๆ
    – ที่วางจานที่ล้างเสร็จแล้ว ควรอยู่ห่างจากอ่างที่ล้างเนื้อสัตว์ … ห่างแค่ไหนไม่รู้ แต่กระเด็นได้เป็นเมตร
    – อาหารเด็กเล็ก ขวดนมเด็กทารก ต้องไม่มีการเตรียมหรือชงหรือล้างใกล้ๆอ่างที่ล้างเนื้อสัตว์ …

      ทุกวันนี้การปนเปื้อนของเชื้อโรคในอาหารนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ก่อนรับประทาน หรือ เลื้อกซื้ออาหารเพื่อนำมาปรุงควรเลือกซื้อจากแหล่งที่ไว้ใจได้ และสดสะอาดอยู่เสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีของเราและคนที่คุณรัก Kaijeaw.com หวังว่าบทความที่นำมาฝากในวันนี้จะมีประโยชน์ต่อทุกท่านไม่มากก็น้อยนะค่ะ

ที่มา:http://kaijeaw.com/

อึ้ง!กุฏิเคลื่อนที่"เณรคำ" สุดไฮโซใช้หลบคดีกว่า2ปี

 ชาวเน็ตอึ้ง! รถกุฏิเคลื่อนที่ "เณรคำ"สุดไฮโซ ใช้กินนอนปักหลัก หลบหนีคดีจากไทย มาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา แห่เปรียบเทียบกุฏิเคลื่อนที่พระไทยที่เป็นข่าว สุดแตกต่าง

loading...
จากกรณีที่จนท.จับพระพระสันติ ปภากโร วัย 64 ปีไอเดียกระฉูด! ดัดแปลงรถ 6 ล้อ เป็นกุฏิเคลื่อนที่บรรทุกอัฐบริขาร เครื่องครัว ติดแอร์ ตระเวนใบ้หวย สะเดาะเคราะห์ไปทั่วไม่เข้าจำพรรษาตามวัดจนตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น จนมีการนำไปเปรียบเทียบกับกุฏิเคลื่อนที่ของอดีตพระชื่อดัง (ติดตามอ่านข่าว อึ้ง!ดัดแปลงรถกุฏิเคลื่อนที่ ออกใบ้หวยสะเดาะเคราะห์)

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ CSI LA ได้มีการแชร์ภาพผ่านโลกออนไลน์ พร้อมระบุว่า เป็นภาพกุฏิเคลื่อนที่ของอดีตพระชื่อดัง "เณรคำ" ที่ถ่ายจากประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ 2 ปีก่อน โดยในภาพเณรคำสวมเสื้อยืดสีน้ำตาล ทับด้วยสบงอีกชั้น สวมผ้าพันคอใส่แว่นตาโอคเล่ และสวมหมวกไหมพรม นั่งกินอาหารสุดหรูกุ้งล็อบเตอร์ อย่างสบายใจ ส่วนอีกภาพเป็นรถเคลื่อนที่ หรือรถบ้าน ขนาดใหญ่ คาดว่าเณรคำใช้เป็นที่พักอาศัย ขณะหลบหนีคดีมาพักอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับข้อความทั้งหมดที่ทางเพจ CSI LA นำมาเผยแพร่ มีดังนี้

"มีข่าวว่าพระที่เมืองไทยโดนจับเพราะแปลงรถเป็นกุฏิเคลื่อนที่ ต้องมาดูกุฏิเคลื่อนที่ของหลวงปู่เณรคำก่อนว่าสุดยอดขนาดไหน ไฮโซกว่ากันเยอะ *ภาพนี้ถ่ายประมาณ 2 ปีที่แล้ว"
 ทั้งนี้เมื่อวันนี้ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ออกมาเปิด ว่าได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกาว่าสามารถจับกุมตัว "เณรคำ" หรือ นายวิระพล สุขผล ผู้ต้องหาซึ่งถูก ดีเอสไอ ออกหมายจับ 5 ข้อหา ได้แก่ 1.พรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี 2.กระทำชำเราเด็กหญิง 3.ฉ้อโกงประชาชน 4.ความผิดฐานฟอกเงินและ 5.ความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ในปี 56 ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการประสานความร่วมมือระหว่าง สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ และ เจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกา เนื่องจากก่อนหน้านี้เณรคำได้กระทำความผิดในประเทศไทย คือ ฐานฟอกเงิน ฐานฉ้อโกง และฐานพรากผู้เยาว์ และอยู่ระหว่างการประสานส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน

อย่างไรก็ตามในเรื่องดังกล่าวทางเพจCSI LA ได้แสดงความเห็นถึงประเด็นนี้ว่า ตอนนี้กำลังสืบอยู่ว่าโดนจับจริงไหมเพราะข่าวDSI ปล่อยออกมามันดูกว้างมากๆ. ไม่มีข้อมูลว่าโดนจับที่ไหนเมื่อไหร่ เจ้าหน้าที่หน่วยไหนจับ. ข่าวที่อเมริกาก็ไม่มีใครลงข่าวนี้เลย
สำหรับประวัติ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก และเป็นที่รู้จักในชื่อ เณรคำ เคยเป็นประธานสงฆ์ สำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ และมีชื่อเสียงจากความสามารถในการอบรมสั่งสอน แต่ภายหลังถูกถอดจากสมณเพศ เพราะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายประการ เนื่องจากผิดวินัยสงฆ์ร้ายแรง ได้แก่ เสพเมถุน ต้องอาบัติปาราชิก นอกจากนั้น เณรคำ ยังถูกติเตียนโดยทั่วไป ถึงพฤติกรรมอันไม่เหมาะสม หลังจากที่มีผู้แพร่ภาพเณรคำในหลากหลายอิริยาบถ ที่ผิดอาจาระของสงฆ์ อาทิ ถ่ายภาพตนเองขณะนั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว พร้อมกับถือกระเป๋าแบนรด์เนมหรู หลุยส์ วิตตอง ภาพถ่ายนอนแผ่ไปบนรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมทั้งแต่งหนังสือชื่อ "ชาติหน้าไม่ขอมาเกิด" ที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการอวดอุตริมนุสธรรมว่าเป็นพระอรหันต์ หลุดพ้นจากวัฏสงสารแล้ว กระทั่งหลบหนีลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อประมาณเดือน ก.ค.56 .

ขอบคุณ : เดลินิวส์

โคตรเสื่อม!!!! "สาวหน้าตาดี" เต้นยั่วไลฟ์สด ถึงขนาดยอมทำท่านี้เพื่อเรียกยอดไลค์!!!


loading...
ยิ่งเทคโนโลยีก้าวล้ำไปไกลมากเท่าไหร่ สาวยุคใหม่ก็ยิ่งใจกล้าจนฉุดไม่อยู่ ตามไม่ทันแล้วพี่บัวลอย จากที่แต่เดิมมีเพียงการแชทพูดคุย โพสต์ภาพ คลิปวีดีโอ แลกเปลื่ยนทัศนคติกัน จนมาถึงในยุคการถ่ายทอดสด (Live) เรื่้องราวชีวิตของตัวเองให้คนอื่นได้รับรู้ผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนโทรศัพท์มือถือ กันแล้ว ที่เรื่องนี้ใครนำไปใช้ให้ถูกทางก็ดีไป แต่บางคนกลับนำไปใช้ในทางที่เสื่อมทราม ก็ยิ่งเป็นการมอมเมาสังคมหนักเข้าไปใหญ่


อย่างคลิปวีดีโอต่อไปนี้ ที่ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา และกำลังเป็นที่วิจารณ์อย่างหนักในโลกสังคมออนไลน์อยู่ในขณะนี้ เผยภาพของสาวจีนหน้าตาดีรายหนึ่ง แต่งกายอยู่ในชุดรัดรูป เต้นยั่วโชว์เรือนร่างของตัวเองผ่านโปรแกรมถ่ายทอดสด พร้อมมีวิธีการเรียกยอดไลค์ด้วยการทำท่าสุดอนาจาร ขอของขวัญจากหนุ่มๆที่เข้าไปชมเธอ เพื่อนำไปแลกกับเงิน!!!





ที่มา:http://www.news-lifestyle.com/contents/154004/

คลิปจาก:Akashi Seijuro

ขนหัวลุกหนัก!! เปิดคลิปกล้องวงจรปิดเจอ "เงาปริศนา" โผล่หลังผู้ชายขึ้นรถ! หลายคนบอกที่นี้เคยเกิด "สึนามิ" งานนี้อึ้ง มาให้เห็นอย่างนี้จริงดิ!


loading...
พูดถึงคลิปหลอนแน่นอนว่าหลายคนต้องเคยเห็นทั้งในรูปแบบที่เห็นเป็นสิ่งของเคลื่อนไหว หรือ ร่างสีขาว - ดำ ในลักษณะโปร่งขาวบาง หรือจะเป็นรูปแบบอื่นก็ตาม เช่นเดียวกับคลิปนี้ที่เพิ่มความหลอนมากกว่าเดิมเพราะสถานที่เคยเกิดเหตุการณ์ "สึนามิ"

โดยเว็บไซด์ "เดลี่เมล์" ได้เปิดคลิปจากกล้องวงจรปิด โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น และพื้นที่นี้เคยเกิดสึนามิ ในระหว่างคลิปจะเห็นได้ว่า มีชายกำลังรอแท็กซี่ เมื่อแท็กซี่มาถึงเขาได้เดินก้าวขึ้นรถ แต่ระหว่างนั้นกลับพบว่ามีเงาดำปริศนา คล้ายผู้หญิง คอยๆลอยตามขึ้นรถ

อย่างไรก็ตามหลายคนที่เห็นคลิปนี้ต่างแสดงความเห็นว่าเรื่องดังกล่าวอาจเป็นความผิดพลาดของภาพในกล้องวงจรปิด หรือ อาจเป็นพลังงานของผู้เสียชีวิต ซึ่งคลิปดังกล่าวได้รับการชมร่วม 1 ล้านกว่าครั้งแล้ว
ที่มา:http://www.news-lifestyle.com/contents/153930/

วิธีทำ ปุ๋ยยูเรียน้ำอินทรีย์ (เทียบเท่า ปุ๋ยเคมี 46-0-0) 2 กระสอบ ด้วยงบไม่เกิน 300 บาท

 ปุ๋ยยูเรีย คือปุ๋ยสูตรไนโตรเจนสูง เป็นแม่ปุ๋ยเคมีเม็ดกระสอบสูตรปุ๋ย 46-0-0 เหมาะสำหรับการให้ปุ๋ยช่วงแรกของพืชที่ต้องการการเจริญเติบโตทางใบ เช่น พืชไร่ และนาข้าว พืชสวน พืชผัก/ไม้ประดับ พืชสามารถดูดซับนำธาตุอาหารไปใช้ได้ง่ายช่วยบำรุงส่วนใบก้านใบของพืชช่วยให้พืชใบเขียวเร็ว การสังเคราะห์แสงเพื่อการเจริญเติบโตได้ดี ใช้ปุ๋ยยูเรียหว่านสำหรับพืชไร่ หรือหยอดโคนต้นสำหรับพืชทั่ว ๆ ไปเป็นการให้ปุ๋ยรอบแรกของพืช หรือพืชเจริญเติบโตทางใบใด้ดีให้ครั้งเดียวหากให้แบบต่อเนื่องทำให้พืชขาดธาตุอาหารที่สมบูรณ์
การให้ปุ๋ยยูเรียจะทำให้โครงสร้างลำต้นของพืชไม่ค่อยแข็งแรง ทำให้แมลงต่าง ๆ ของพืชชอบกัดกินลำต้นและใบ การให้ปุ๋ยยูเรียส่วนใหญ่จะให้กับพืชในช่วงแรก เมื่อพืชเจริญเติบโตช่วงหนึ่งแล้วจำเป็นต้องให้ปุ๋ยรอบสองที่เกี่ยวกับการพัฒนาตามลักษณะของพืช เช่น พืชออกดอกผลจะต้องใช้ปุ๋ยสูตรผสมตัวกลางสูง หรือพืชลงหัวต้องให้ปุ๋ยสูตรผสมตัวท้ายสูง ต้องจัดทำเตรียมโรงเรือนสำหรับเป็นที่เก็บปุ๋ยอย่างดีป้องกันการเสื่อมสภาพจากความร้อนและความชื้นก่อนนำไปใช้
loading...

 สูตรปุ๋ยยูเรียน้ำ บำรุงต้นข้าว
ส่วนผสม
ถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม
สับปะรดทั้งเปลือก 2 กิโลกรัม
กากน้ำตาล 3 กิโลกรัม
จุลินทรีย์หน่อกล้วย 1 ลิตร (นำหน่อกล้วยมาสับให้ละเอียด ทั้งต้น เติมกากน้ำตาลลงไป 1 ลิตร หมักไว้ 10 วัน)
น้ำซาวข้าว 10 ลิตร หรือ น้ำมะพร้าว 10ลิตร
วิธีทำการ
นำถั่วเหลืองลงในถังหมัก
นำสับปะรดมาสับเป็นชิ้นเล็กๆเอาทั้งเปลือกก่อนลงถังหมัก
จากนั้นเอากากน้ำตาล จุลินทรีย์ น้ำซาวข้าวที่เตรียมไว้ผสมลงในถังหมักคนให้เข้ากัน
หมักทิ้งไว้ 14 วัน กรองเอาแต่น้ำก็จะได้ปุ๋ยยูเรียน้ำที่ต้องการ
คุณสมบัติที่ควรรู้
ถั่วเหลืองเป็นพืชตระกูลถั่วที่มีสารไนโตรเจน เมื่อผ่านกระบวนการหมักจะได้กรดอะมิโม-โปรตีนต่างๆที่เป็นปุ๋ยได้ดี
สับปะรดทำหน้าที่เป็นเอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีนทำให้กรดอะมิโนออกมาจึงทำให้ได้กรดอะมิโนเป็นน้ำปุ๋ยยูเรียที่มีคุณภาพ
กากน้ำตาลช่วยเป็นอาหารจุลินทรีย์ทำให้กระบวนการหมักปุ๋ยสมบูรณ์ได้คุณภาพยิ่งขึ้น
จุลินทรีย์หน่อกล้วยช่วยเป็นหัวเชื้อย่อยสลายวัถุดิบที่หมักให้ขยายจุลินทรีย์ต่างๆออกมาเป็นปุ๋ยยูเรียน้ำ
น้ำซาวข้าวมีวิตามินบีซึ่งช่วยเร่งราก
วิธีทำการทำปุ๋ยยูเรียน้ำ
การทำปุ๋ยยูเรียน้ำ นำถั่วเหลือง(ที่มีสารไนโตรเจน เมื่อผ่านกระบวนการหมักจะได้กรดอะมิโม-โปรตีนต่างๆ) ลงในถังหมัก จากนั้นนำสับปะรด(หน้าที่เป็นเอนไซม์ช่วยในการย่อยโปรตีนทำให้กรดอะมิโนออกมา และทำให้ได้กรดอะมิโนเป็นน้ำ จะทำให้ปุ๋ยยูเรียมีคุณภาพขึ้น) เอาทั้งเปลือกมาสับเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนลงถังหมัก จากนั้นเอากากน้ำตาล (ช่วยเป็นอาหารจุลินทรีย์และทำให้กระบวนการหมักปุ๋ยมีความสมบูรณ์และได้คุณภาพ) และตามด้วย จุลินทรีย์หน่อกล้วย (เป็นหัวเชื้อย่อยสลายวัตถุดิบที่หมัก เพื่อให้ขยายจุลินทรีย์ต่างๆออกมาเป็นปุ๋ยยูเรียน้ำ) น้ำซาวข้าว (มีวิตามินบีซึ่งช่วยเร่งราก) ที่เตรียมไว้ นำมาผสมลงในถังหมักแล้วจัดการคนให้เข้ากันโดยหมักทิ้งไว้เป็นเวลา 14 วัน กรองเอาแต่น้ำ เพียงเท่านี้ก็จะได้ปุ๋ยยูเรียน้ำที่ต้องการ
การนำไปใช้
ปุ๋ยยูเรียน้ำ 2ช้อน ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วต้นกล้า/ข้าวหรือพืชผัก ประมาณ3-7วัน
(กรณีใช้จำนวนมาก ปุ๋ยยูเรียน้ำ 5ลิตร ต่อน้ำ 200 ลิตร
ประโยชน์ของปุ๋ยยูเรียน้ำบำรุงต้นข้าว
ปุ๋ยยูเรียน้ำสูตรนี้เทียบเท่ากับ ปุ๋ยเคมี 46-0-0
ปุ๋ยสูตรนี้คุณสมบัติเท่ากับปุ๋ยยูเรีย 2 กระสอบ
ช่วยลดต้นทุนการผลิตอย่างเห็นได้ชัด เพราะปุ๋ยยูเรียสูตรนี้ลงทุนไม่ถึง 100 บาท
วัตถุดิบหาง่าย เกษตรกรผู้สนใจสามารถผลิตด้วยต้นเองอยู่ได้แบบยั่งยืนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
เหมาะสำหรับเกษตรอินทรีย์ที่ทดแทนการใช้ปุ๋ยยูเรีย
ปุ๋ยยูเรียน้ำไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมทำให้ดินร่วนซุย ไม่แน่น ไม่แข็งเหมือนกับใส่ปุ๋ยเรียที่เป็นสารเคมี
รากของต้นข้าว-พืชจะงอกหรือเดินได้เร็วขึ้นเนื่องจากได้วิตามินบีจากน้ำซาวข้าวเป็นตัวช่วยดังที่กล่าวมาข้างต้น
**กรณีฉีดพ่นต้นกล้าหรือข้าวนาหว่านที่กำลังเริ่มงอกแตกยอด ให้ใช้ปุ๋ยยูเรียน้ำ 5 ลิตร+จุลินทรีย์หน่อกล้วย 5 ลิตร+ฮอร์โมนไข่ 5 ลิตร ต่อน้ำ 200 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วนาข้าวประมาณ 3-7 วัน จะช่วยเร่งการเจริญเติบโตได้ ทำให้ต้นข้าวแข็งแรง ต้านทานโรค รวงใหญ่ น้ำหนักดี โดยที่ไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมีอีกต่อไป
ขอบคุณบทความดีๆจาก : monmai.com/ปุ๋ยยูเรียน้ำอินทรีย์
http://www.kaset.pw/2016/07/46-0-0-2-300.html

เรื่องจริง! นี่คือ 8 สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ฉันนั่งสมาธิทุกวันจนครบ 100 วัน

 ฉันไม่ใช่โยคี ไม่ใช่ผู้เสริมสร้างพลังชีวิต หรือครูสอนโยคะใดๆทั้งสิ้น อันที่จริงไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณเรียกว่าโยคีเลยล่ะ ที่ผ่านมาฉันล้มเหลวมาเยอะ เช่น สอบตก ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวนะ เคยเข้าไปอยู่ในสถานบำบัดยาเสพติด แถมยังเคยถูกจับอีกต่างหาก แต่ในที่สุดฉันก็กลับใจจนได้มาเป็นทนายความและใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ฉันก็อยากให้คนอื่นมีโอกาสที่ดีแบบนี้บ้างเชื่อไหมว่าการนั่งสมาธินำพาสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตของเราทุกคนได้ ไม่นานมานี้ฉันเริ่มเรียนรู้ถึงประโยชน์ของการนั่งสมาธิ แม้ที่ผ่านมาฉันไม่เคยนั่งสมาธิได้นานกว่า 5-10 นาทีเลย แต่มาวันนี้ฉันได้ตัดสินใจ

loading...
ลองนั่งสมาธิวันละ 20 นาทีติดต่อกันนานหนึ่งสัปดาห์เพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
การทดลองนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม ปี 2015 จากสัปดาห์แรกเป็นเดือน จากเดือนเป็นสามเดือน มารู้ตัวอีกทีก็ครบ 100 วันแล้ว ฉันนั่งสมาธิทุกวันในตอนเช้าโดยไม่มีวันหยุดเลย ตอนแรกที่นั่งสมาธิฉันนั่งอยู่นิ่งๆไม่ได้เลยทั้งปวดหลังและเมื่อยขาสุดๆ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังพยายามปรับวิธีการนั่งมากกว่าที่จะทำสมาธิกับการกำหนดลมหายใจเข้าออก ที่สำคัญฉันต้องฝืนตัวเองไม่ให้ลืมตา แต่ในที่สุดฉันก็ชินกับการกำหนดลมหายใจเข้าออก และร่างกายของฉันก็เริ่มปรับท่าทางให้เป็นไปตามธรรมชาติ ยิ่งนั่งสมาธินานเท่าไร ฉันก็ยิ่งค้นพบวิธีนั่งสมาธิให้สบายมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานนักการนั่งสมาธิก็กลายเป็นกิจวัตรในยามเช้าที่ขาดไม่ได้และสิ่งดีๆก็เริ่มทยอยเข้ามาในชีวิตของฉัน

นี่คือ 8 สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ฉันนั่งสมาธิทุกวันจนครบ 100 วัน

1. ชีวิตมีความเป็นระเบียบ
     ยิ่งหัวสมองปลอดโปร่งก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ มีการจัดระเบียบความคิด มีสมาธิกับการทำงานและพร้อมที่จะก้าวสู่งานชิ้นต่อไปได้ง่ายขึ้น ฉันจะตั้งใจทำงานที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดแล้วค่อยทำงานอื่นต่อไป

2. เริ่มรู้จักคิดก่อนพูด
     เดิมทีฉันปากไวหรือพูดทันทีที่ความคิดนั้นปรากฏขึ้นมาในหัว แต่ตอนนี้ฉันต้องหยุดคิดก่อนว่าจะพูดอะไรแล้วค่อยตอบกลับไปอย่างระมัดระวัง การหยุดคิดจะช่วยให้ฉันเรียบเรียงคำพูดได้ชัดเจน และเมื่อพูดออกไปแล้วฉันจะทบทวนว่าสิ่งที่พูดไปนั้นดีพอหรือยัง หรือคราวหน้ายังสามารถทำได้ดีกว่านี้อีกไหม ซึ่งปกติฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

3. สุภาพและรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
     ฉันกลายเป็นคนขี้รำคาญน้อยลง อดทนมากขึ้น ไม่เบื่อกับการต้องเข้าคิวนานๆ ฉันเริ่มมองสถานการณ์ต่างๆในมุมมองของคนอื่น ด้วยวิธีนี้เองทำให้ฉันสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่กระทำต่อคนอื่นได้อย่างสิ้นเชิง

4. มีพลัง
    ฉันสามารถนอนหลับได้สนิทกว่าเดิมและตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดชื่นมีพลังพร้อมเริ่มวันใหม่ ขนาดหลังเลิกงานฉันก็ยังมีพลังเหลือเฟือที่จะออกไปวิ่งหรือออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆต่อได้เลย

5. รู้จักเลือกรับประทานอาหารได้ดีขึ้น
    ฉันตัดสินใจได้ดีขึ้นเมื่ออยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านอาหาร ฉันมักจะถามตัวเองก่อนเสมอว่าอาหารนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายของฉันมากน้อยแค่ไหน

6. ดูโทรทัศน์น้อยลง
     ความปรารถนาในการดูโทรทัศน์ของฉันลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ฉันกลับมีสมาธิกับสิ่งที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น เช่น การอ่านหนังสือ การออกกำลังกาย การออกไปพบปะเพื่อนฝูง หรือการทำงานบนเว็บไซต์ของตัวเอง

7. ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น
     ฉันเริ่มรู้จักหยุดสังเกตและชื่นชมกับความสวยงามของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือพระอาทิตย์ตกดิน นี่คือปรากฏการณ์มหัศจรรย์ชัดๆ ฉันจะพยายามดื่มด่ำกับช่วงเวลาเหล่านี้ให้มากที่สุด

8. ดีขึ้นทุกอย่าง
     นี่อาจเป็นคุณประโยชน์ที่ดีที่สุดอีกอย่างหนึ่งของการนั่งสมาธิ ฉันรู้ว่าตัวเองเป็นใครและสามารถทำอะไรได้บ้าง ฉันกล้าเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น ฉันมีกำลังใจที่จะเป็นตัวของตัวเองและกล้าเสี่ยงเพื่อที่จะเติบโตต่อไปในวันข้างหน้า ฉันรู้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญและสามารถประสบความสำเร็จในสิ่งที่ต้องการได้

      และนี่คือการเปลี่ยนแปลงของฉันหลังจากที่เริ่มนั่งสมาธิ แม้ว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะไม่เกิดขึ้นภายในวันเดียวหรือ 100 วัน แต่ฉันรู้ว่าทุกวันนี้ฉันไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว ฉันมีความสุขมากขึ้นเพราะฉันได้เป็นตัวของตัวเองจริงๆ ถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่นั่งสมาธิผ่านไปเพียง 100 วัน ฉันก็อยากเห็นว่าอีก 200 วันหรือแม้แต่ 1,000 วันจะเป็นอย่างไร ลองนั่งสมาธิวันละ 20 นาทีติดต่อกันสัก 100 วันดูสิ ฉันมั่นใจว่าคุณจะกลายเป็นคนใหม่อย่างแน่นอน.
kaijeaw.com/

8 วิธีแก้อกหักได้ผลจริง ใครที่กำลังเศร้าอยู่อ่านซะ

อกหัก เป็นโรคที่เกิดขึ้นหลังจากคนรักของเราเลิกไปรักคนที่ดีกว่าเรา อกหักเป็นอาการอยู่ในประเภทอาการซึมเศร้า อาการของคนอกหัก มักจะมองโลกในแง่ร้าย เก็บกด จำแต่เรื่องเก่าๆ คิดว่า คนที่รัก มีคนเดียวในโลก อาจจะไม่เชื่อ แต่นี่เป็นเรื่องจริง
loading...

วันนี้จะมีวิธีแก้อาการอกหักมาแนะนำกัน 8 วิธี ลองอ่านกันดูนะคะ

1. อย่าโทษตัวเอง

ถ้าเสียใครสักคนที่เรารัก มักจะชอบหาว่าตัวเองคงไม่ดี เขาถึงทิ้งเราไป แล้วเราจะอยู่ได้อย่างไรเราอยู่ได้ ถ้าเราไม่เสียเวลาเอง  แต่หาว่าตัวเองไม่เอาไหน อย่าลืม เราไม่ดีสำหรับเขาหรือเธอคนนั้น แต่กับคนอื่น เราอาจสุดยอดก็ได้เรื่องอะไรจะมานั่งเศร้าเจ็บปวดซ้ำซากกับคนที่เขาไม่รักเรา และเราต้องเจ็บปวดมามากพอแล้ว

2. อดทน

ถ้าโดนหักอก ก็เหมือนโดนมีดบาด หรือถูกแทง หรือถูกสับ แผลจึงมากน้อยต่างกัน จะให้หาย คงต้องใช้เวลาสักพักตาม ลักษณะหรืออาการของบาดแผลบางคนร่ำไห้กับเรื่องทำใจไม่ได้ แม้จะผ่านมา 3-4 เดือน ทั้งๆที่เรื่องแบบนี้บางคนใช้เวลานานหลายปีกว่าจะตัดใจจากเขาได้

3. อย่าคิดทำอะไรระยะยาว

ช่วงนี้กำลังระทมทุกข์ ทำให้ บดบังความคิดอ่านที่ดีๆ ฉะนั้นควรใช้เวลาเหล่านี้รักษาใจตัวเองดีกว่าทำอะไรผิดพลาด มาไปกว่านี้ จนต้องเสียใจซ้ำสอง

4. หายใจลึกๆ

โกลาบัค ผู้เชี่ยวชาญปัญหาครอบครัว เตือนใจบรรดาคนที่อกหักทั้งหลายว่า เสียใจได้ แต่ต้องใช้ใจให้เป็นประโยชน์วิธีง่ายๆ คือพยายามหายใจลึกๆ เป็นการทำใจให้สงบ ค่อยๆผ่อนลมหายใจ หลังจากสูดเข้าไปลึกๆ ซึ่งจะช่วยให้เราคลายเครียด การหายใจลึกๆ จึงเป็นการรักษาแบบธรรมชาติที่ได้ผลดีไม่น้อย

5. อย่าลงโทษตัวเอง

อย่าไปมองคนรักเก่าในแง่เดียว คือเขาทิ้งเราไป พยายามมองในด้านดีๆของเขาหรือเธอบ้างว่า ตอนเป็นแฟนกัน เรามีความสุขไหม เขาหรือเธอทำสิ่งที่ดีๆให้เรา เช่นช่วยมาส่งบ้าน ซื้อของให้กิน ดูแลเรา ให้ของขวัญ และอื่นๆเป็นต้นฉะนั้นลืมเรื่องไม่ดี ไม่ว่าเขาจะทิ้งเราแบบไม่ใยดี ก็หักลบกันได้พอ ทำใจให้อภัยได้ ถ้าเราไม่พบเขาเลยเราจะมีความสุขชั่วระยะเวลาหนึ่งได้อย่างไรและการที่เขาหักอกเรา กลับทำให้เราแกร่งขึ้น รู้จักโลกขึ้น เพราะถ้าไม่โดนหักอกจะรู้จักวิธีฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ได้อย่างไร เป็นบทเรียนที่เราต้องจดจำ

6. ยอมรับว่าทำดีที่สุดแล้ว

ฉะนั้นอะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิดเถิด เป็นบทเรียนถึงแม้จะราคาแพง แต่ก็ไม่สูญเปล่า อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้จักคิด รู้จักเลือกและไม่หลงเชื่อใครง่ายๆ อีกต่อไป และคราวต่อไป เราจะไม่ต้องเสี่ยงกับการอกหักอีก เพราะอกเราเป็นยาง

7. ปรึกษาคนที่รักษา

ถ้าโดนหักอก อย่าซุกตัวเข้ามุมห้องนั่งร้องไห้คร่ำครวญอยู่คนเดียว ไม่ได้ประโยชน์อะไร นอกจากน้ำตาร่วงคนเดียว แถมทำให้ตาหมดสวยเปล่าๆเดินไปหาคนที่เรารักและรักเรา เช่น พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท ที่เห็นใจเรา และยินดีเป็นผู้ปลอบใจ อย่าฝังชีวิตอยู่กับคนที่หักอกเรา จนเห็นโลกมืดมนไปหมดคนที่รักเรายังมีอีกมากมาย ไม่ใช่มีแต่เขาหรือเธอไม่เอาไหนคนนั้นเพียงเท่านั้นถ้าไม่อยากพูดกับใครก็พูดกับหมาหรือแมวที่เรารักก็ได้ อย่างน้อยๆมันก็ไม่เอาไปนินทากับใครให้อายกันไปทั่วพารา

8. ปลอบใจตัวเอง

ไม่มีใครในโลกนี้ (นอกจากพ่อแม่) ที่จะรักเรา เท่ากับตัวของเราเอง เราจึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเราเอง ยิ่งเราทุกข์ยากอกหักเป็นท่อนๆ แบบนี้ ควรจะปลอบใจตัวเอง ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วย พาตัวเองไปในที่ๆทำให้สบายใจ คือทำอะไรก็ได้ให้สบายใจ

ข้อมูลดีๆจาก siwaras

ไม่น่าเชื่อ มะนาววิเศษ เคี้ยวแล้วเลิกบุหรี่ใน 2 สัปดาห์

คงเป็นเรื่องยากที่จะเลิกสูบบุหรี่ในทันที เพราะบางคนนั้นสูบบุหรี่จนติดเป็นนิสัยไปแล้ว แต่สุดท้าย เชื่อว่าทุกคนก็จะสามารถเลิกบุหรี่ได้ ถ้ามีความตั้งใจจริง

loading...
สำหรับคนที่กำลังมองหาวิธีเลิกสูบบุหรี่ด้วยตัวเอง เราขอแนะนำสูตรเลิกบุหรี่ด้วยการกินมะนาวพร้อมเปลือก ดังต่อไปนี้ค่ะ

อัศจรรย์ “มะนาว” ช่วยลดสารนิโคติน เลิกบุหรี่ได้ใน 2 สัปดาห์ แนะ กินมะนาวพร้อมเปลือก เคี้ยวนานๆ 3-5 นาที ทุกครั้งที่อยากบุหรี่ ทำให้สูบรสบุหรี่ไม่อร่อย ขม เฝื่อน จนไม่อยากสูบอีก

ผศ.กรองจิต วาทีสาธกกิจ ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวในการประชุมวิชาการ “บุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ” ครั้งที่ 7 เรื่อง “เยาวชนรุ่นใหม่ ร่วมใจ ต้านภัยบุหรี่”

โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ว่า จากผลการวิจัยพบว่า ในวิตามินซีจะมีสารที่ช่วยลดความอยากของนิโคตินได้ และช่วยฟื้นฟูร่างกายที่ทรุดโทรมให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า จึงมีการนำใช้เพื่อช่วยเลิกบุหรี่

โดยเทคนิคการรับประทานผลไม้รสเปรี้ยว ที่มีวิตามินซีสูง โดยเฉพาะมะนาว พบว่า เมื่อนำไปใช้แล้วมีประสิทธิภาพได้ผลดีมาก เนื่องจากมะนาวมีผลต่อการทำงานของต่อมรับรสขม ทำให้รสชาติของบุหรี่เปลี่ยนไป

ผศ.กรองจิต กล่าวต่อว่า วิธีการกินมะนาวช่วยเลิกบุหรี่ ต้องหันมะนาวเป็นชิ้นเล็กๆให้มีเปลือกติดมาด้วย ขนาดเท่าหัวแม่โป้ง หรือ พอคำ เมื่อมีความรู้สึกอยากสูบบุหรี่ ให้กินมะนาวแทน โดยอมแล้วค่อยดูดความเปรี้ยว จากนั้นเคี้ยวเปลือกอย่างช้าๆ นาน 3-5 นาที จะมีผลทำให้ลิ้นข่ม เฝื่อน

จากนั้นดื่มน้ำ 1 อึก นอกจากช่วยลดความอยากนิโคตินแล้ว เมื่อสูบบุหรี่จะทำให้รสชาดบุหรี่เปลี่ยนขมจนไม่อยากสูบ และสามารถกินมะนาว หรือผลไม้ชนิดอื่นที่มีความเปรี้ยวมากๆ ได้ทุกครั้งที่เกิดความอยากบุหรี่ แต่เมื่อเทียบกัน พบว่ามะนาวจะได้ผลดีที่สุด

“การเลิกบุหรี่ ด้วยการกินมะนาวส่วนใหญ่จะสามารถเลิกบุหรี่ได้ภาย ใน 2 สัปดาห์ และไม่อยากบุหรี่อีก ถือว่าชนะนิโคตินได้ มีการนำไปทดลองกับนักเรียน หลายคนที่ได้ทดลองวิธีนี้ จะรู้สึกว่าสูบบุหรี่แล้วไม่อร่อย รสชาดไม่เหมือนเดิม ทำให้ไม่อยากสูบบุหรี่อีก

อย่างไรก็ตาม แม้อาการทางกาย คือ ความอยากจะหมดไปแต่ อาการทางใจบางครั้งจะยังมีอยู่ เช่น เศร้า หงุดหงิดเหมือนคนอกหัก คนรอบข้างต้องให้กำลังใจ และตั้งใจเลิกอย่างเด็ดขาด จะสามารถเลิกได้อย่างแน่นอน” ผศ.กรองจิต กล่าว

ด้าน นางอนงค์ พัวตระกูล อาจารย์โรงเรียนบางมดวิทยา 'สีสุกหวาดจวนอุปถัมภ์' ซึ่งได้รับ รางวัลควบคุมยาสูบแห่งชาติ ประเภท สถานศึกษาปลอดบุหรี่ กล่าวว่า จากการทำค่ายลดละเลิกบุหรี่ โดยนำนักเรียนที่สูบบุหรี่จำนวน 75 คน มาทำกิจกรรมโดยให้ความรู้ถึงพิษภัยของบุหรี่ และให้เด็กใช้เวลาในการเลิกบุหรี่อย่างจริงจัง ประมาณ 3-7 วัน

รวมทั้งใช้วิธีการเคี้ยวมะนาวเพื่อช่วยลดความอยากสูบบุหรี่ พบว่า ร้อยละ 75 จะสูบไปครั้งคราว เมื่อผ่าน 2 สัปดาห์ จะมีเด็กที่เลิกสูบเด็ดขาด ร้อยละ 50 และภายใน 1 ปี มีเด็กเพียง ร้อยละ 30 ที่กลับไปสูบอีก โดยปัจจัยเสริมที่ทำให้เลิกได้พบว่า หากเป็นเด็กที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงก็จะเลิกง่ายกว่าเด็กที่หัวอ่อนตามเพื่อน

“ภายใน 2 สัปดาห์ พบว่าการติดตามพฤติกรรมร่วมกับ การใช้มะนาวช่วยเลิกบุหรี่ สามารถทำให้เด็กลด และเลิกบุหรี่ได้นอกจากนี้ ต้องมีคนให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำ ซึ่งโรงเรียนต้องใช้ทั้งไม้อ่อน ไม้แข็งในการดูแลเด็ก มีการทำโทษ แจ้งผู้ปกครอง หรือแม้แต่การให้ไปเสียค่าปรับที่โรงพักก็เคยมี

เนื่องจากการเลิกบุหรี่ในเด็กกับผู้ใหญ่มีความแตกต่างกัน ส่วนใหญ่ที่เลิกได้จริง ก็จะเกิดจากความตระหนักรู้เกี่ยวกับพิษภัย และไม่กลับมาสูบบุหรี่อีกตลอดไป”นางอนงค์ กล่าว

แหล่งข้อมูล....มูลนิธิรณรงค์ช่วยให้เลิกบุหรี่และสารเสพติด

ว่อนภาพ “หมอเปรมศักดิ์” ผูกข้อไม้ข้อมือ ลือสนั่นแต่งเงียบ “สาวม.5”


loading...

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. กลายเป็นที่ฮือฮาตั้งแต่เช้า หลังโลกออนไลน์มีการแชร์ส่งต่อภาพของ ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ หรืออดีตพระเปรมศักดิ์ เปมสกฺโก และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ขอนแก่น ที่สวมเสื้อสีชมพูสดใส กำลังนั่งให้ผู้เฒ่าผู้แก่ผูกข้อไม้ข้อมืออยู่ในบ้านหลังหนึ่ง โดยมีหญิงสาววัยรุ่นนั่งประกบให้ผูกข้อมือติดอยู่ด้านข้างด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีเงินสดจำนวนหนึ่ง รวมทั้งพระพุทธรูป วางอยู่บนพานทอง โดยมีข้อความอ้างตามมาว่า เป็นพิธีที่ ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เดินทางเข้ามาสู่ขอหญิงสาววัยรุ่นซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งแบบเงียบ ๆ และไม่ใช่การหมั้นหมาย แต่เป็นการแต่งงานไปในคราวเดียวเลย ส่วนค่าสินสอดนั้นอยู่ที่เงินสด 4 แสนบาท พร้อมกับรถเก๋งโตโยต้า วีออส อีกหนึ่งคัน อย่างไรก็ตาม ต้องรอการยืนยันที่ชัดเจนจากปากของเจ้าตัวอีกครั้ง

ที่มา:http://tnews.teenee.com/etc/134512.html

“บ้านเคหะ ธอส. เพื่อคนรายได้ต่ำ” ดอกต่ำ ผ่อนแค่ 4,800 ต่อเดือน.....!!!!!!?


loading...
ธอส.เตรียมวงเงิน 30,000 ล้านบาท จัดทำ “โครงการบ้าน ธอส. เพื่อข้าราชการ” สร้างโอกาสให้ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ บุคลากรทางการศึกษา และพนักงานรัฐวิสาหกิจ มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายยิ่งขึ้น อัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR – 3.5% ต่อปี นาน 4 ปีแรก (อัตราดอกเบี้ยเท่ากับ 3.25% ต่อปี คิดจาก MRR ธอส.ปัจจุบัน เท่ากับ 6.75% ต่อปี) เปิดรับยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2559
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างโอกาสให้คนไทยมีบ้าน โดยได้เล็งเห็นความสำคัญเรื่องการมีที่อยู่อาศัยของกลุ่มข้าราชการ ทหาร ตำรวจ บุคลากรทางการศึกษา และพนักงานรัฐวิสาหกิจ จึงได้เตรียมวงเงิน 30,000 ล้านบาท จัดทำ “โครงการบ้าน ธอส. เพื่อข้าราชการ” เพื่อสนับสนุนให้ข้าราชการไทยปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ ประชาชน และเพื่อตอบแทนความร่วมมือและเป็นกำลังใจให้กับความมุ่งมั่นเพื่อสังคมไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 - 4 เท่ากับ MRR – 3.5% ต่อปี (หรือ 3.25% ต่อปี) คิดจาก MRR ธอส.ปัจจุบัน เท่ากับ 6.75% ต่อปี

ปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้ คิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR - 1% ต่อปี (กรณีซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกฯคิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR)  ให้กู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ขยาย ซ่อมแซม ไถ่ถอน ซื้อที่ดินเปล่าที่เป็นทรัพย์ NPA ของ ธอส.พร้อมปลูกสร้าง กู้ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยและซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย วงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมิน หรือราคาซื้อขาย (พิจารณาราคาที่ต่ำกว่า) ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 30 ปี
โครงการบ้าน ธอส.เพื่อข้าราชการ นับเป็นผลิตภัณฑ์ด้าน Social Solution ของธนาคารที่ต้องการดูแลกลุ่มผู้ด้อยโอกาสให้เข้าถึงระบบการเงินเพื่อที่อยู่อาศัย ครอบคลุมกลุ่มลูกค้า ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งการกำหนดอัตราดอกเบี้ย MRR – 3.5% ต่อปี นานถึง 4 ปี จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยให้กลุ่มข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายยิ่งขึ้น

สามารถยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2559 ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ทุกสาขาทั่วประเทศ

ที่มา:http://www.khaoyim.com/2016/07/4800.html

ชาติแรกในอาเซียน!? "ชาวไทย" ไปเยือนไต้หวันได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าแล้ว แถมอยู่ได้นานถึงเพียงนี้ ทำเอาขาเที่ยวเฮสนั่น ดีเดย์ 1 ส.ค. นี้!?


loading...
หลังจากเว็บไซต์ข่าว Radio Taiwan International ได้เปิดเผยว่า ไต้หวันจะประกาศยกเลิกวีซ่าให้ชาวไทยและชาวบรูไน ที่สามารถอาศัยอยู่ในไต้หวันได้เป็นเวลา 30 วัน โดยไม่ต้องทำวีซ่าตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป


ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ของสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ได้ประกาศออกมาว่า
เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) กับประเทศไทย และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนไต้หวันกับไทย สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) จึงยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่า) เข้าไต้หวันให้กับคนไทย โดยมีผลบังคับทดลองใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2559 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ.2560 เป็นเวลา 1 ปี โดยสามารถพำนักในไต้หวันได้ 30 วัน รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง จะประกาศให้ทราบต่อไป ประกาศ ณ วันที่ 18 กรกรฎาคม พ.ศ. 2559


ทั้งนี้ ในอดีตไต้หวันเข้มงวดในการขอวีซ่ามาก เนื่องจากมีความกังวลเรื่องแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าประเทศและเรื่องผู้อพยพ แต่ปัจจุบันได้ตระหนักและผ่อนคลายระเบียบเข้มงวดลงแล้ว เพื่อเป็นการสร้างความร่วมมือจากชาติในอาเซียน และชาติจากเอเชียใต้ ซึ่งนโยบายมุ่งสู่ใต้ (South Bound Policy) จะครอบคลุมความสัมพันธ์ทั้งระดับรัฐบาล เอกชน และด้านการศึกษาด้วย

ที่มา:http://www.tsood.com/contents/150105/

แทบช็อก!! แอบถ่ายแฟนตอนอาบน้ำ พอเปิดฉากกั้นอ่างอาบน้ำถึงกับผงะ โดนแบบนี้วิ่งหนีแทบไม่ทัน (ชมคลิป)


loading...
ภาพเหตุการณ์ต่างๆที่บังเอิญถ่ายไว้ได้มักได้รับความนิยมบนโลกออนไลน์ หลายคนมักโต้เถียงกันว่าเกิดขึ้นจริงหรือตัดต่อ ภาพเหตุการณ์นี้ที่ชายหนุ่มสามารถบันทึกไว้ได้นับว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัว มาก เราแนะนำว่าอย่าดูคนเดียวตอนกลางคืน....

เขากำลังถ่ายภรรยาของเขาอยู่ในห้องอาบน้ำ!

ทำให้ภรรยารู้สึกรำคาญจึงนุ่งผ้าเช็ดตัวแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป!

ก่อนออกจากห้องน้ำ ภรรยายังหันกลับมาต่อว่าสามีว่า "คุณนี่น่าเบื่อจริงๆ!"

สามีที่ยังอยู่ในห้องน้ำรู้สึกหมดสนุกจึงกำลังจะเดินออกไป แต่ก่อนออกจากห้องน้ำเขากลับถ่ายภาพแบบนี้ไว้ได้.....

รีบมาดูคลิปนี้กันเต็มๆได้เลย!!! (เราไม่แนะนำให้ดูคนเดียวกลางดึกนะ)

ภาพ ที่มีเงาแปลกประหลาดปรากฏตัวขึ้นในห้องน้ำ ดูแล้วรู้สึกน่ากลัวมาก! สามีรู้สึกแปลกใจจึงเปิดผ้าม่านออกเพื่อดูว่าภายในมีอะไรอยู่ ถ้าเป็นฉันล่ะก็คงได้วิ่งหนีร้องตะโกนออกจากห้องน้ำไปแล้ว! น่ากลัวจัง!

ที่มา:http://www.siamupdate.com/news-183470

เปิดประสบการณ์จริง สาเหตุที่ผมมีเมียน้อย

เคยสงสัยมั้ยว่าทำไม "ผู้ชายถึงชอบมีเมียน้อย" เพราะล่าสุดในเว็ปไซต์ชื่อดัง PANTIP.COM ก็ได้มีสมาชิกหมายเลข 2539807 ได้มาตั่งกระทู้ว่า สาเหตุที่ มีเมียน้อย พร้อมเนื้อหาว่า

loading...

กระทู้นี้อาจทำร้ายจิตใจหลายๆคนนะครับโดนเฉพาะคุณผู้หญิง
ปกติจะเห็นมุมมองของผู้หญิงว่าสาเหตุ ขอวการมีเมียน้อย มีกิ๊ก คือ ผช. ไม่รู้จักพอ แต่ถ้ามองอีกมุมนะครับ.

1. เพราะแฟนหรือ ภรรยา ไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจ
2. เพราะ ไม่สามารถรักษาทรัพย์ ที่ สามีหามาได้ ( กรณีผมไม่เคยรู้เลยว่า มีเงินเก็บเท่าไหร่แล้ว พอถามก็หงุดหงิด )
3. อยากให้ หางานพิเศษทำ หรือ ทำ ธุระกิจ เพื่อเป็นการ หารายได้เสริม แต่ ชอบบ่นไม่เหนื่อย ไม่มีเวลา แต่มีเวลา แชร์ โพส เล่น เฟส ( เพราผม ทำงาน ที่นานๆถึงได้กลับบ้านที )
4 ชอบ ดุและตะคอกลูก อย่างไม่มีเหตุผบ แทนที่จะสอน แต่ ชอบที่จะตวาด ( การดุ เพราะสอน เพราะรัก แตกต่าง กับเพราะดุโดยใช้อารมย์นะครับ ).
5.ชอบที่จะให้สามี ให้ความสำคัญ ต่อตัวเอง เช่น ของขวัญในวันสำคัญต่างๆ แต่ ไม่เคยที่จะให้อะไรสามีเลย.
6. เห็นความสำคัญต่ออย่างอื่น มากกว่า ครอบครัว อย่างบูกจะสอบ ไม่เคย าอน ไม่เคยพาอ่านหนังสือ บ่นเหนื่อย แต่ พอมีงานอื่น ที่ตัวเองชอบ ไม่เคย บ่นเลย.
7. พอ คุยกับภรรยา  ด้วยเหตุผล ก็ หวุดหวิดใส่แล้วบอกว่า สามี ขี้บ่น.

นี่แค่ส่วนหนึ่งนะครับใครมี อะไรอย่างอื่น ช่วย เสนอหรือ แชร์ด้วยครับ.

กระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาดูถูก คุณผู้หญิงนะครับ. เพียงแต่ นำเหตุผลมาคุนกัน  ให้ทราบถึงสาเหตุเพื่อที่จะลดปัญหาการที่ ผช. มีเมัยน้อย ครับ อย่าให้ครอบครัวแคกแยกเหมือนผมเลย.

หลังจากกระทู้นี้ถูกโพสต์ขึ้นกลับมีคอมเม้นท์ว่า อ่านจากกระทู้เก่าของคุณ

คุณก็แค่ผู้ชายทุเรศที่หาพยายามหาข้อเสียของภรรยาเพื่อมาหักลบความเลวตัวเองอ่ะค่ะ พูดเอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่คนอื่นอย่างเดียวเลย

ทีมา:http://socialnews.teenee.com/penkhao/4153.html

โงมาตั้งนาน! โทงเทง ใช้แก้ ต่อมทอนซิลอักเสบ ได้ พร้อมประโยชน์อื่นๆเพียบ มีวิธีบอก!!

ชื่ออื่นๆ : โคมจีน เผาะแผะ ทุ้งทิ้ง มะก่องเช้า ตุ้งติ้ง ทุงทิง โคมญี่ปุ่น ฯลฯ จัดเป็นยาเย็น มีรสขม ออกฤทธิ์ต่อปอด ตับ และทางเดินปัสสาวะ แก้ปัสสาวะเป็นเลือด รักษาอาการดีซ่าน ใช้เป็นยาดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้อาการร้อนในกระหายน้ำ หวัดแดด ไอร้อนในปอด ไอหืดเรื้อรัง แก้ต่อมน้ำลายอักเสบ หรือต่อมทอนซิลอักเสบ คนจีนนิยมปลูกกัน ตามส่วนยาจีน และนยมใช้กันมาก

วิธีใช้ :

loading...
1. ใช้ทั้งต้นตำละลายกับเหล้า เอาสำลีชุบน้ำยาอมไว้ข้างๆ แก้มและค่อยๆ กลืนน้ำยาผ่านลำคอทีละน้อยๆ แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้ฝีในคอ (แซง้อ) และแก้คออักเสบวิเศษนัก สำหรับท่านที่ไม่ดื่มสุรา จะใช้น้ำส้มสายชูแทนได้เป็นอย่างดี และได้ผลอย่างเดียวกัน
2. ใช้ภายใน แก้ร้อนใน กระหายน้ำวิเศษ
3. ใช้ภายนอก แก้ฟกบวม อักเสบ ทำให้เย็น
4. แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ไอมีเสมหะ หอบหืด ใช้ทั้งต้นแห้งหนัก 500 กรัม ผสมน้ำเชื่อมให้มีปริมาณ 500 ซี.ซี. รับประทานครั้งละ 50 ซี.ซี. วันละ 5 ครั้งหลังอาหาร 10 วัน เป็น 1 รอบของการรักษา กินติดต่อกัน 3 รอบ แต่ละรอบพัก 3 วัน
5. แก้ดีซ่าน ใช้ทั้งต้น 2 ต้น ต้มน้ำ คั้นเอาน้ำข้นๆ มาผสมน้ำตาลพอสมควร ให้รับประทานวันละ 2-3 ครั้ง บางคนรับประทาน 10-15 ครั้ง ก็หายตัวเหลือง
6. แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ ใช้ต้นนี้สดๆ (หรืออย่างแห้งก็ใช้ได้) 3 หัว แผ่น ฝักชุบน้ำตาล 2 แผ่น ใส่น้ำ 1 ถ้วย ต้มให้เหลือครึ่งถ้วย รับประทานครั้งเดียวหมด เด็กก็รับประทานลดลงตามส่วน จากการรักษาคนไข้ร้อยกว่าราย บางคนรับประทาน 4-10 ครั้งก็หาย บางคนรับประทานติดต่อกันถึง 2 เดือนจึงหาย
7. ฝีอักเสบมีพิษ ใช้สดๆ ตำให้แหลกพอก หรือถ้ามีแผลด้วย ก็เอาต้มน้ำชำระด้วย
8. โรคช่องปากอักเสบ ลิ้นอักเสบ น้ำปัสสาวะเป็นสีเหลือง ใช้โทงเทงและชะเอม อย่างละ 2 สลึง ต้มกินก็หาย
9. ยารักษาโรคหืด ใช้ทั้งต้นแห้ง 1/2 กิโลกรัม ต้มกับน้ำ เติมน้ำตาลกรวดลงไปให้หวาน รับประทานครั้งบะ 1/4 ถ้วยแก้ว วันละ 3 ครั้ง หลังอาหารเป็นเวลา 10 วัน หยุดยา 3 วัน รับประทานต่อไปอีก 10 วัน พักอีก 3 วัน แล้วรับประทานต่อไปอีก 10 วัน หอบหืดจะได้ผลดี
10. ยาขับพยาธิ รักษาโรคเบาหวาน ใช้รากต้มกับน้ำรับประทาน

** สมุนไพรใกล้ตัว มุ่งเสนอสรรพคุณทางยา การนำไปใช้ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน **
Source : th-newschanel.info

รักษา..ผมหงอก ผมร่วง ด้วยกระเทียม อย่างได้ผล ลองอ่านวิธีได้เลย!!

loading...
“กระเทียม” พืชสมุนไพรไทยที่ส่วนใหญ่มักนิยมนำประกอบอาหาร เนื่องจากช่วยเพิ่มรสและกลิ่นอาหารให้มีความน่ากินมากขึ้น ทำให้กระเทียมเครื่องเทศที่ขาดไม่ได้ของแม่บ้านทั่วไป
ทั้งนี้ หลาย ๆ ท่านอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่ากระเทียมที่ส่วนมากนำมาประกอบอาหารนั้น สามารถแก้อาการผมหงอก ผมร่วงได้ด้วย เนื่องจากในกระเทียมมีสรรพคุณ ที่สำคัญ ซึ่งช่วยในการรักษากลากเกลื้อน กำจัดสารพิษ เชื้อโรค ที่อยู่บริเวณหนังศีรษะ ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาผมบาง ยาวช้า ผมมีสีเทาให้กลายเป็นสีดำ ตลอดจนช่วยกระตุ้นให้เส้นผมมีการงอกใหม่ได้อีกด้วย

ส่วนผสม

กระเทียม 3-4 หัว
น้ำมันมะกอก 5-7 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1.นำกระเทียมมาปอกเปลือกออก ปั่นให้ละเอียด จากนั้นนำไปผสมรวมกับน้ำมันมะกอก

2.นำส่วนผสมที่ได้ใส่ขวด ปิดฝาให้แน่น ทิ้งไว้ ประมาณ 2 วัน

3.เมื่อ ครบ 2 วันแล้ว ให้นำส่วนผสมที่ได้มานวลหนังศีรษะ ทิ้งไว้ 30-45 นาที พร้อมกับนำผ้าขนหนูมาโพกบนศีรษะทิ้งไว้ จากนั้นล้างผมให้สะอาด แล้วสระผมด้วยแชมพูปกติ

4.หมักผมด้วยสูตรกระเทียม สัปดาห์ละ 2 ครั้ง นานติดต่อกัน ประมาณ 2 เดือน ช่วยให้ผมแข็งแรง ไม่ร่วงล้น ผมหงอกขึ้นมาก็หายไปกลายเป็นสีดำ รวมถึงผมหงอกที่ขึ้นมาใหม่ก็จะขึ้นได้ช้าลงอีกด้วย
ทีมา : khaoza.net

อีกแล้ว หลุด! พยาบาลสาว อ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์.....


หลุด! พยาบาลสาว อ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ 19 ก.ค. 59 โปรดใช้วิจารณญาณ 18+ข่าวมีเนื้อหาไม่เหมาะสม ผู้ใหญ่ควรให้การแนะนำ





loading...


ข่าวมีเนื้อหารุนแรง!! ผู้ใหญ่ควรให้การแนะนำ ที่มา: http://www.startclip.com/news7187.html
Powered by Blogger.