loading...
เป็นซิงเกิ้ลมัมคนเก่งที่ทำทุกอย่างได้เพื่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่าง น้องฑีฆายุ จริงๆ สำหรับอดีตนักแสดงสาว แอนนี่ บรู๊ค ที่ล่าสุดควง น้องฑี มางานรับรางวัลแม่ดีเด่นในงาน "กินรีทอง คุณค่าแห่งบุคคล ประจำปี 2559" โดย สาวแอนนี่ ได้บอกเล่าถึงเรื่องราวชีวิตซิงเกิ้ลมัมที่เคยตกอับไม่มีงานทำจนตัดสินใจบินไปทำงานร้องเพลงที่ต่างประเทศ โดยไม่สนคนเม้าท์ว่าเธอแอบไปขายตัว สาวแอนนี่ ยังออกปากไม่ได้ขอใครกิน! ยืนยันทำอาชีพสุจริต แม้จะต้องลำบากแค่ไหนแต่ก็สู้ไม่ถอยเพื่อลูกชายคนเดียวของเธอ!! "วันนี้มารับรางวัลสาขาแม่ดีเด่น ก็ต้องขอขอบคุณคนจัดงานด้วยนะคะ เป็นรางวัลที่ภาคภูมิใจมาก 6 ปีที่ผ่านมาสิ่งที่แอนเหนื่อยและทุ่มเทไปมันได้ผลคุ้มค่ามากเลย การเป็นซิงเกิ้ลมัมจริงๆ มันยากนะ เอาง่ายๆ เลยค่าใช้จ่ายทางบ้านเราต้องหาอยู่คนเดียว ที่สำคัญคือเวลาที่เราท้อไม่มีคนมาช่วยเรา มีแต่เราคนเดียว" "แววน้องเข้าวงการไม่รู้เลย ดูเค้าสิซนมากเลย แต่ก็ดูเหมือนเค้าก็สนใจนะคะ เคยพาไปแคสโฆษณาเหมือนกันเค้าก็ชอบ เวลาเรามาทำงานก็บอกเค้าว่าได้เงินนะ เค้าจะถามว่าจริงเหรอ อีกหน่อยเค้าจะไปซื้อรถแลมโบกินี่ก็อยากมาทำงานทุกวัน เค้าเรียนหนังสือเก่งในเรื่องของภาษาจีน ภาษาอังกฤษ ก็จะให้เรียนด้านภาษามากขึ้น เผื่ออีกหน่อยได้ไปต่างประเทศ น้องก็มีคนติดต่องานมาทางอินสตาแกรมค่ะ แต่ยังไม่ได้เข้าไปดูเลย บางคนมาต่อค่าตัว เราก็บอกลูกเราไม่ใช่ดารา แต่ค่าตัวก็หลักพันแล้วไม่ใช่หลักหมื่น เค้าก็บอกไม่ไหว เราก็ไม่รู้จะทำยังไงได้แค่ปล่อยผ่านไป รอลูกโตค่อยปั้งทีเดียวก็ได้ งานที่ติดต่อมาก็พวกเปิดสวนน้ำเด็ก นมเด็ก เสื้อผ้าเด็ก ขนมอะไรพวกนี้"
"ที่แอนนี่ไปเมืองนอกไม่ได้ไปแบบหรูหราเลย ใช้ชีวิตเหมือนแรงงานต่างด้าวมากๆ เลย คือไปร้องเพลงและคอยเก็บทิป ก็ค่อนข้างลำบาก ชีวิตไม่ได้สบาย อยู่ก็อยู่รวมๆ กันแออัดห้องนึงตั้งเกือบ 20 คน อัดๆ กันอยู่ ไม่ได้สบายอย่างที่คิด ค่อนข้างเหนื่อยด้วยซ้ำ ทำงานตั้งแต่ 21.00-06.00 น." "ตอนแรกรับไม่ได้ที่ชีวิตเป็นแบบนี้ ร้องไห้ทุกวันเลยค่ะ ทำไมชีวิตเราตกต่ำได้ขนาดนี้เลยเหรอ ต้องมานั่งนับศูนย์ใหม่เหรอ แต่มานั่งคิดไปคิดมาเราเป็นเด็กบ้านนอก เราเป็นคนลำปาง เมื่อก่อนเรามาจากดิน ทำไมจะเริ่มจากดินอีกไม่ได้ เราก็เริ่มจากศูนย์หรือนับหนึ่งใหม่ได้ จากวันนี้จนถึงวันนี้ก็หลายปีแล้วนะที่ทำงานและส่งลูกเรียนหนังสือมา"
"ผลตอบแทนที่นู่น มันก็ยังดีกว่าที่เราอยู่เฉยๆ ที่นี่ อยู่ที่นี่เราไม่มีงานทำค่ะ อีกอย่างดาราเยอะด้วย ค่าตัวที่ได้ก็เกือบจะฟรีอยู่แล้ว บางคนต่อแล้วต่ออีก แอนก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แอนก็เต็มที่ของแอนแล้ว บางทีหลักพันแอนก็ไปนะ ไม่จำเป็นต้องเป็นหลักหมื่น ไม่เลือกงานไม่ยากจนเนอะ แต่มันก็ยังไม่โอเค ก็เลยไปตรงนู้นเลยแล้วกัน อย่างน้อยค่าเงินเค้าก็สูงกว่าค่าเงินเรา อาจจะเหนื่อยใช้เวลาในการทำงานหลายชั่วโมงหน่อย หรืออาจจะเป็นงานที่ทุกคนไม่ชอบ หรืออาจจะดูถูกที่ไปร้องเพลง ไปให้เค้าจับหรือเปล่า ไม่ใช่แบบนั้นนะ เราไปร้องเพลงธรรมดา เก็บทิปกลับบ้านนอน"
"กลัวคนจะมองว่าเราไปขายตัวมั้ยเหรอ ไม่กลัว เพราะเค้าไม่ได้ให้เรากิน สุดท้ายแล้วคนที่ส่งลูกเรียนก็คือตัวเรา เพราะฉะนั้นคนที่มาพูดหรือคอมเม้นท์ด่าแอน ส่วนมากแอนไม่สนใจ จะคิดว่าเป็นสัมภเวสีให้มันผ่านไป ไม่ได้สนใจและก็ไม่ได้มองด้วย สุดท้ายแล้วลูกเราได้เรียนหนังสือ ได้กินข้าว และโตมาขนาดนี้ด้วยเงินของเรา มันจะมาจากไหนก็แล้วแต่ แต่มันมาจากการที่เราทำมาหากินด้วยความบริสุทธิ์ เวลาบินไปทำงาน ก็เป็นลุงกับป้าดูแลให้ค่ะ"
"งานที่นู่นแอนต้องเซ็นสัญญาครั้งละ 3 เดือนค่ะ เคยไปแบบ 25 วันแล้วเหมือนต่างด้าว เราต้องวิ่งหนีตำรวจ (หัวเราะ) ก็มีไปมาเลเซีย สิงคโปร์ เวลาตำรวจมาก็ต้องแอบออกหลังร้าน แต่ถ้าเราไปแบบถูกกฎหมายก็ต้อง 3 เดือนขึ้นไป หรือ 6 เดือน อาจต้องห่างลูกหน่อย แต่ก็เก็บเงินได้เป็นก้อน เพราะอยู่ที่นู่นค่าเงินมันสูง เราต้องประหยัด กินแบบธรรมดาเลย นี่ก็ถือว่าแอนน่าจะออกจากวงการไทยไปเลยนะคะ จากตอนนั้นก็หลายปีแล้วนะ นี่ก็เริ่มๆ กลับเข้ามามีงาน เริ่มมีไปนู่นมานี่บ้าง นี่เพิ่งคุยกับโมเดลลิ่งเค้าบอกว่าจะให้เล่นละครช่อง 9 เล่นบทแม่นะ เราก็บอกบทแม่ก็ได้"
"เรื่องหัวใจตอนนี้ไม่มีใครเลย อยากมีมาก (หัวเราะ) ลูกไล่ให้ไปแต่งงานแล้ว ลูกบอกเมื่อไหร่แม่จะแต่งงานสักที อยากมีน้อง เค้าพูดแบบนี้ แต่แอนบอกแม่คงไม่มีแล้วแหละ คนเดียวก็เลี้ยงไม่ไหวแล้ว คือเคยมีคุยคนนึงนะ แต่เหมือนเค้าไม่ได้รักลูกเราจริงๆ แค่ซื้อของเล่นมาให้ไม่ได้แปลว่าจะรักลูกเรานะ ก็ต้องรักลูกเราด้วยค่ะ" แอนนี่ กล่าว
ทีมา : http://www.siamupdate.com/news-183772