พระเมธีธรรมาจารย์ หรือ “เจ้าคุณประสาร” เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา แสดงความเห็นต่อกรณีที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า ผลการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า มส.ได้ดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วนั้น ขณะที่ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในเวลาถัดมาว่า จะยังไม่มีการเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะตามมติ มส. เพราะต้องให้คดีความจบสิ้นก่อน
ล่าสุด นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในเวลาถัดมาว่า จะยังไม่มีการเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะตามมติ มส.เพราะต้องให้คดีความจบสิ้นก่อน
ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย สมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา พร้อมภาคีเครือข่ายได้เรียกประชุมเร่งด่วนและมีมติ ดังนี้
1.ขออนุโมทนาต่อจิตอันประกอบไปด้วยกุศลของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ให้ความกระจ่าง ตรงไปตรงมา ไม่มีการเมืองแอบแฝง เป็นที่พึ่งของสังคมได้ในภาวะที่กระบวนการยุติธรรมถูกมองด้วยความเคลือบแคลง สงสัย
2.ขอให้รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ได้เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะ ตามมติอันถูกต้องนั้นดำเนินการไปตามกระบวนการดังที่ควรจะเป็น
3.ขอให้รัฐบาลฟังความเห็นให้รอบด้าน รอบคอบ คำนึงถึงความสงบเรียบร้อยอันดีงามในหมู่สงฆ์และพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป
4.ขอให้กลุ่มบุคคลที่สร้างเรื่อง สร้างสถานการณ์เพื่อร้อยรัดข้อกฎหมายและเจตนาจะสร้างมลทินให้เกิดขึ้น ได้ตระหนักถึง บาป บุญ คุณโทษ กลับใจและเลิกปฏิบัติก่อเวรเสีย
5.องค์กรพุทธพร้อมภาคีเครือข่ายจะรอดูท่าทีทั้งหมดของผู้เกี่ยวข้องภายใน 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะกำหนดท่าทีร่วมกันในการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ ทั่วประเทศ
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง) วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ
Source : http://headshot.tnews.co.th/contents/195821/
loading...
11 กรกฎาคม 2559 เวลา 11.00 น.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ได้แถลงผลการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า มส.ได้ดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วนั้นล่าสุด นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในเวลาถัดมาว่า จะยังไม่มีการเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะตามมติ มส.เพราะต้องให้คดีความจบสิ้นก่อน
ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย สมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา พร้อมภาคีเครือข่ายได้เรียกประชุมเร่งด่วนและมีมติ ดังนี้
1.ขออนุโมทนาต่อจิตอันประกอบไปด้วยกุศลของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ให้ความกระจ่าง ตรงไปตรงมา ไม่มีการเมืองแอบแฝง เป็นที่พึ่งของสังคมได้ในภาวะที่กระบวนการยุติธรรมถูกมองด้วยความเคลือบแคลง สงสัย
2.ขอให้รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ได้เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะ ตามมติอันถูกต้องนั้นดำเนินการไปตามกระบวนการดังที่ควรจะเป็น
3.ขอให้รัฐบาลฟังความเห็นให้รอบด้าน รอบคอบ คำนึงถึงความสงบเรียบร้อยอันดีงามในหมู่สงฆ์และพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป
4.ขอให้กลุ่มบุคคลที่สร้างเรื่อง สร้างสถานการณ์เพื่อร้อยรัดข้อกฎหมายและเจตนาจะสร้างมลทินให้เกิดขึ้น ได้ตระหนักถึง บาป บุญ คุณโทษ กลับใจและเลิกปฏิบัติก่อเวรเสีย
5.องค์กรพุทธพร้อมภาคีเครือข่ายจะรอดูท่าทีทั้งหมดของผู้เกี่ยวข้องภายใน 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะกำหนดท่าทีร่วมกันในการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ ทั่วประเทศ
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง) วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ
Source : http://headshot.tnews.co.th/contents/195821/