loading...
หลายคนไม่เคยรู้ว่า ตำแหน่ง “เพชฌฆาต” เป็นตำแหน่งที่โปรดเกล้าพระราชทานให้แก่ผู้มีดวงอันเหมาะสมโดยจะมีบรรดาโหราจารย์นำดวงชะตาไปคำนวณอย่างละเอียดเพื่อคัดเลือก เพราะถือว่า การประหารชีวิตคนอันเป็นสัตว์ประเสริฐนับเป็นกรรมหนักรุนแรง จึงต้องเฟ้นหาดวงเพชฌฆาตที่มีดวงคุ้มตัวเองได้ มิฉะนั้นชีวิตจะสั้น!วิธีคัดเลือกเพชฌฆาต
พอเลือกเฟ้นได้คนที่มีดวงเหมาะสมแล้ว ผู้นั้นต้องเชี่ยวชาญเพลงดาบอย่างดี มีความรู้เรื่องดาบ มีความแม่นยำในการลงดาบ เพื่อจะได้ไม่เป็นการทรมานนักโทษจนเกินไป และผู้เป็นเพชฌฆาตจะต้องมีความรู้ทางด้านคาถาอาคมเป็นพิเศษด้วย เช่น คาถาสวดวิญญาณผีตายโหง อาคมก่อนหยิบดาบเพชฌฆาต รวมทั้งสามารถแก้อาถรรพณ์หากผู้ถูกประหารมีวิชาด้านคงกระพันชาตรี
เพชฌฆาตหรือมือประหาร จะต้องอยู่ประจำ ณ เรือนจำตั้งแต่ได้รับคำสั่งให้เตรียมการ จากนั้นเมื่อได้เวลาเพชฌฆาตจะอัญเชิญดาบออกจากที่ตั้งไปทำการบวงสรวงด้วยเครื่องเส้น เสร็จพิธีแล้วจึงค่อยเก็บดาบไว้ที่ตั้งเดิมแล้วรอเวลาประหาร
อาวุธของเพชฌฆาต
สมัยก่อนอาวุธคุ่กายของเพชฌฆาตคือ “ดาบ” ซึ่งดาบน้ำดีคือ เหล็กน้ำพี้
การสร้างดาบเพชฌฆาตต้องถือ “ฤกษ์เพชฌฆาต” เป็นหลัก ส่วนการตีดาบให้ได้รูปลักษณ์ที่ต้องการและคม ต้องใช้ยามยมขันธ์เป็นหลัก
ลักษณะดาบเพชฌฆาตแบ่งเป็น ดาบหนึ่ง และดาบสอง
ดาบหนึ่ง จะมีความสั้นกว่าดาบสอง ใบดาบจะกว้างกว่า ด้ามดาบก็สั้นกว่า สันดาปจะหนาประมาณ 1 ซ.ม. ส่วนด้ามดาบประกอบด้วยเหล็กรัด ใช้เชือกด้ายดิบถักหุ้มเพื่อให้สาก กระชับ ลงรักและยางไม้เพื่อรักษาด้วยให้คงทนต่อการใช้งาน สภาพดาบปลายจะหักลง แล้วงอนขึ้นคล้ายใบง้าวของจีนเพื่อให้เกิดน้ำหนักถ่วงทางโคนดาบให้สมดุล
ดาบสอง ลักษณะของใบดาบจะยาวกว่าดาบหนึ่งประมาณ 8 ซ.ม. ใบดาบเรียวคล้ายดาบที่นักรบไทยโบราณทั่วไปใช้ ปลายดาบเฉียงต่ำรับกับความโค้งของใบดาบด้านล่าง สันดาปบางประมาณ 0.7 ซ.ม.
ปัจจุบัน ดาบเพชฌฆาตคู่นี้ยังอยู่ในห้องพิเศษของคุกหลวง ห้ามผู้ใดแตะต้อง ทุกวันเสาร์จะมีการสังเวยด้วยเหล้าและไก่ต้มเป็นการบวงสรวง จนมีการเล่าขานกันว่า ดาบ 2 เล่มดังกล่าวจะสั่นได้เองเหมือนถูกคนจับเขย่า และหลังจากดาบทั้งคู่สั่นไม่เกิน7 วันก็จะต้องมีพิธีประหารชีวิตนักโทษเกิดขึ้น
เมื่อถึงรัชกาลที่ 6 จึงได้ยกเลิกการใช้ดาบ แต่ชีวิตนักโทษที่สังเวยไปด้วยดาบ 2 เล่มนี้ก็มีจำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 ศพ
ขั้นตอนการฆ่านักโทษ
ขั้นตอนที่ 1 เมื่อได้ฤกษ์ประหาร เพชฌฆาตดาบหนึ่ง และดาบสองจะถูกอัญเชิญลงจากที่ตั้ง ตัวเพชฌฆาตจะแต่งกายด้วยผ้าเตี่ยวสีแดงสด นุ่งหยักรั้ง สวมเสื้อกั๊กสีแดงลงยันต์มหาอำนาจ มหาเดช บางรายคาดหัวด้วยผ้าสีแดงลงยันต์ด้วย
ขั้นตอนที่ 2 เมื่อออกจากเรือนจำไปกับขบวนนักโทษ เพชฌฆาตจะอยู่รั้งท้ายขบวน เมื่อถึงลานประหารที่กำหนดไว้ นักโทษจะถูกผูกตา ช่วงนี้เองที่เพชฌฆาตทั้งดาบหนึ่ง ดาบสองจะเข้าไปขออโหสิกรรม
บนลานประหารด้านหลังนักโทษ จะสร้างประตูป่า ทำด้วยไม้หลัก 3 อัน ผูกติดกันเป็นประตูปักไว้กับดินจนแน่น จากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำเอาใบไม้ กิ่งไม้ มาสุมคลุมไว้จนมองไม่เห็นทางเข้า ยกเว้น มือเพชฌฆาตเท่านั้น ที่รู้ ส่วนด้านใน จะมีอาสนะ ยกพื้นสูง สำหรับพระสงฆ์ นั่งประจำ กับบาตร บรรจุน้ำมนต์ สองบาตร น้ำมนต์นี้เรียกว่า “น้ำมนต์ ธรณีสารใหญ่” เพื่อล้างเสนียดอัปรีย์ทั้งปวง ทั้งยังไล่เคราะห์ให้กับเพชฌฆาตด้วย
ขั้นตอนที่ 3 เพชฌฆาตดาบหนึ่ง และ ดาบสองจะเข้าไปอยู่หลังประตูป่า แล้วสวดคาถาอาคม ถ้านักโทษมีอาคมอยู่ในตัวเพชฌฆาตจะท่องมนต์สะกดอาคม พร้อมสะกดดวงวิญญาณผีตายโหง ส่วนที่ลานประหาร จะมีการพันธนาการนักโทษเข้าสู่หลักประหาร แล้วพระธำมรงค์จะเดินไปแจ้งผู้แทนพระองค์ ว่าจะเริ่มพิธีประหารแล้ว
ขั้นตอนที่ 4 ปี่หลวงจะเล่นเพลงไหว้ครูเสียงโหยหวน เพชฌฆาตดาบสอง ออกไปร่ายรำตามจังหวะเพลงโดยรอบตัวนักโทษด้วยการ “วนซ้าย” ให้เกิดอัปมงคลแก่ตัวนักโทษ แล้วจังหวะดนตรรีจะเร่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ขั้นตอนที่ 5 เพชฌฆาตดาบหนึ่งแหวกประตูป่าดู หลังจากทำจิตให้มั่นคงแล้ว ก็จะย่างสามขุมเข้าไปหานักโทษประหารทีละก้าวอย่างแผ่วเบา ในขณะที่นักโทษประหารมัวแต่ระแวงเพชฌฆาตดาบสองที่ร่ายรำอยู่รอบตัว โดยไม่ได้ระแวงภัยทางด้านหลัง
ขั้นตอนที่ 6 พอได้ระยะ เพชฌฆาตดาบหนึ่ง จะเงื้อดาบขึ้นสุดแล้วฟันทันที คมดาบจะตัดผ่านกระดูกข้อต่อคอ และกล้ามเนื้อออกไปทางด้านหน้า ในรายที่แม่นๆ คมดาบจะตัดข้อต่อระหว่างกระดูกก้านคอ กับกระดูกสันหลัง หัวของนักโทษจะหลุดออกจากบ่าทันที แต่ถ้าดาบหนึ่งฟันพลาด จะเหลือเอ็นกับเนื้อ ทำให้หัวของนักโทษพับลงมาห้อย สร้างความหวาดเสียวให้ผู้ที่มาชมการประหาร
ขั้นตอนที่ 7 เลือกจะพุ่งกระฉูดเหมือนน้ำพุ ศีรษะของนักโทษบางรายยังยักคิ้ว หรือทำตาเหลือก เพราะเส้นเอ็นกระตุก สร้างความสยดสยองให้คนดูไม่น้อยเลย
ขั้นตอนที่ 8 แต่ถ้าดาบหนึ่งตัดไม่ขาด เพชฌฆาตดาบสอง จะเอามือจิกหัวนักโทษขึ้น แล้วใช้ดาบสองเชือดจนเส้นเอ็น กับกล้ามเนื้อขาด จากนั้นจึงค่อยนำไปวางยังปลายเท้านักโทษ
ขั้นตอนที่ 9 สำหรับเพชฌฆาตดาบหนึ่ง เมื่อลงดาบแล้วจะกระทืบเท้าครั้งหนึ่ง แล้วยกใบดาบขึ้น เลียเลือดที่ติดปลายดาบกิน เป็นการข่มวิญญาณผีตายโหง จึงค่อยหันหลังกลับวิ่งตรงเข้าประตูป่าทันที ทั้งนี้มีข้อห้าม มิให้เพชฌฆาตหันหลังกลับไปมอง และต้องระวังมิให้หกล้มลงกับพื้นเด็ดขาด ด้วยเชื่อกันว่า ในช่วงนั้นวิญญาณผีตายโหงจะเข้าสิงทันที
ขั้นตอนที่ 10 เมื่อเพชฌฆาตดาบหนึ่งผ่านเข้าประตูป่า พระสงฆ์จะรดน้ำมนต์ธรณีสารใหญ่ทั้งสองบาตร ต่อมาเพชฌฆาตจึงค่อยกลับไปอยู่ในเรือนจำเป็นอันจบพิธี
ในสมัยก่อน นักโทษบางคนจะมีอาคมแก่กล้า คงกระพัน ผู้เตรียมการจะนสิ่งที่เป็นอัปมงคลผสมน้ำราดหัวให้ความคงกระพันเสื่อม แต่ถ้ายังไม่สำเร็จ ก็จะใช้วิธีสวนทวารด้วยไม้รวกปลายแหลมก่อนประหาร แต่ถ้ายังไม่ตายอีก นักโทษจะถูกทุบด้วยตะลุมพุก หรือเอาไปต้มในน้ำเดือดให้ตาย
การประหารนักโทษโดยใช้ดาบ ยุติลงในสมัยรัชกาลที่ 6 ในปัจจุบัน การประหารชีวิตนักโทษตามคำพิพากษาของศาลนั้น จะเกิดที่เรือนจำบางขวาง จังหวัดนนทบุรี
เข้าใจแล้วว่าทำไมฆาตกรสมัยก่อน ถึงมีน้อยเหลือเกินนนน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก พิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ และ nightsiam
Source : http://board.postjung.com/977156.html