ประโยชน์ที่ไม่ธรรมดาของน้ำยาฉีดกระจก...คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

ประโยชน์ที่ไม่ธรรมดาของน้ำยาฉีดกระจก...คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

น้ำยาเช็ดกระจกไม่ได้มีไว้สำหรับทำความสะอาดกระจกอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์อื่นๆอีกมากมายมหาศาลที่ช่วยให้งานบ้านหรือการใช้ชีวิตของคุณ ‘ง่าย’ มากขึ้น จะมีประโยชน์อะไรบ้างนั้น ตามมาหาคำตอบไปพร้อมๆกันได้เลย

สุดยอดความทึ่ง!! เปลี่ยนแปลง "หน้าหลุมสิว" แบบง่ายๆ แค่วันละครั้ง

ความลับอยู่ที่นี่ จัดการ "หน้าหลุม" โดยไม่ต้องศัลยกรรม เพียงแค่ใช้....


1. แก้ซิปติด

เพียงแค่พ่นน้ำยาเช็ดกระจกลงไปที่ซิปสัก 1-2 ครั้ง น้ำยาจะเป็นสารหล่อลื่นที่ช่วยให้ซิปที่เคยติดขัดลื่นปรื๊ดดดได้อีกครั้งหนึ่ง โดยหลังจากพ่นแล้วให้ลองรูดขึ้นรูดลงสักหน่อยให้น้ำยากระจายตัว แล้วคุณก็จะไม่พบปัญหาที่ว่านี้อีกต่อไป

2. กำจัดคราบมันที่เตา โต๊ะครัว หรือกระทะ

คราบมันสร้างความลำบากใจให้คุณทุกครั้งเลยใช่มั๊ยค่ะ ลองใช้น้ำยาเช็ดกระจกเป็นตัวช่วยดูสิ ชีวิตคุณจะดีขึ้นแน่นอน แค่ฉีดน้ำยาลงไป 2-3 ครั้งบริเวณที่มีคราบหนืดๆ ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วจึงค่อยเช็ดล้างออกตามปกติ รับรองว่าจะช่วยให้การทำความสะอาดคราบสกปรกเหล่านี้ง่ายขึ้นได้แน่ๆ

3. ป้องกันแมลงรบกวน

น้ำยาเช็ดกระจกสามารถใช้เป็นสเปรย์ไล่แมลงได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นมด แมลงวัน หรือสัตว์อื่นๆก็ต้องลดน้อยลงแน่ๆถ้าคุณมีน้ำยาเช็ดกระจกอยู่ในมือ แต่แนะนำว่าไม่ควรฉีดน้ำยาเช็ดกระจกไปทั่ว ให้ฉีดเมื่อแมลงบินหรือไต่มาเกะตัวเราเท่านั้น จากนั้นอย่าลืมล้างผิวของเราให้สะอาดด้วย

4. แก้ปริ้นเตอร์อุดตัน

หัวปริ้นเตอร์มักจะอุดตันบ่อยๆโดยเฉพาะเวลาที่เราไม่ได้ใช้งานมันสักระยะหนึ่ง ถ้าเกิดปัญหานี้ขึ้นไม่ต้องส่งซ่อมหรือซื้อใหม่ให้เสียเงิน เพียงแค่ฉีดน้ำยาเช็ดกระจกลงบนทิชชูหนาๆ แล้วเอาไปเช็ดที่หัวปริ้นเตอร์ แช่ทิชชูที่หัวปริ้นเตอร์ไว้ 1 วันเต็มๆ แล้วลองเปิดเครื่องใช้งานอีกครั้ง เครื่องปริ้นซ์ของคุณก็จะกลับมาใช้งานได้ดีดังเดิม

5. ช่วยทำให้นิ้วลื่นเพื่อดึงแหวนที่ติดออก

ถ้าเกิดปัญหาดึงแหวนออกจากนิ้วไม่ได้ ก็ให้ฉีดน้ำยาเช็ดกระจกลงไปให้รอบแหวน จากนั้นรอสัก 1-2 นาที เราก็จะสามารถเอาแหวนออกจากนิ้วได้อย่างง่ายดาย สะดวกสุดๆไปเลย

6. เพิ่มความเงาให้กับพื้นผิวทุกชนิด

เคยเป็นมั๊ยค่ะ อยากจะขัดอะไรบางอย่างให้เงางับ แต่เช็ดแทบตามสุดท้ายก็ไม่เงา ให้น้ำยาเช็ดกระจกเป็นตัวช่วยของคุณดูสิ เพียงแค่ฉีดน้ำยาเช็ดกระจกลงบนผ้าขนหนูแล้วนำไปขัดๆถูๆบนพื้นผิวที่ต้องการความเงา พื้นผิวเหล่านั้นก็จะเงาวับขึ้นได้อย่างง่ายดาย

7. ทำความสะอาดลูกบิด

บริเวณลูกบิดเป็นบริเวณที่ถูกลืมที่จะทำความสะอาดอยู่เสมอ การใช้น้ำยาเช็ดกระจกเช็ดทำความสะอาดที่จุดนี้นอกจากจะช่วยให้ลูกบิดเงาวับแล้วยังช่วยกำตัดเชื้อโรคได้อีกด้วย

เห็นประโยชน์มากขนาดนี้แล้ว พ่อบ้านแม่บ้านทั้งหลายจะได้เอาไปประยุกต์ใช้ได้ถูก แล้วคุณจะไม่ผิดหวังกับน้ำยาเอนกประสงค์นี้เลย

ที่มา:http://www.share-si.com/2016/12/blog-post_12.html

กระจ่างสักที!!! คนไทยเปลี่ยนยางผิดมาตลอด นี่คือการเฉลยว่าทำไมหน้าฝนถึงเกิดอุบัติเหตุบ่อย!!(ชมคลิป) ข่าวโซเชี่ยล ความเห็น



หลายๆคนที่ใช้รถใช้ถนน ในสภาวะหน้าฝนถนนลื่นแบบนี้…..

หากตรวจพบว่าดอกยางสึกมากเกินไปจะเกิดอันตรายได้ และหากมีเหตุจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนยางใหม่แค่ 2 เส้นละก็ จะเลือกสลับยางใหม่เอาไปไว้คู่หน้าหรือคู่หลังดีล่ะ?
ร้านยางและช่างสลับยางของไทยมักคิดกันว่ายางคู่ใหม่ควรจะเอาไปใส่ที่ล้อคู่หน้า เพราะข้างหน้ามีเครื่องยนต์และระบบบังคับเลี้ยว ต้องแบกรับภาระในการเสียดสีกับถนนมากกว่าล้อคู่หลัง
แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ร้านยางและช่างไทยทำมาหลายสิบปีนั้นผิดมาตลอด ทางมิชลิน(Michelin) ได้ทำการทดสอบ การสลับยางคู่หน้า-คู่หลัง เผยความจริงแล้วว่า หากมีความจำเป็นในการเปลี่ยนยางแค่ 2 เส้น ที่ถูกต้องคือเปลี่ยนยางคู่ใหม่ ไว้กับล้อหลังจะดีที่สุด เพราะอะไรนะเหรอ ลองดูตามคลิปนี้เอาเองนะครับ
ที่มา http://www.vkizz.com

รถคันสีขาว – ยางคู่ใหม่อยู่ล้อหลัง – จะช่วยยึดเกาะถนนไม่ให้ท้ายปัด
รถคันสีดำ – ยางคู่ใหม่อยู่ล้อหหน้า – ยางคู่เก่าอยู่ล้อหลัง – เมื่อยางคู่หลังเก่าไม่เกาะถนน พอเข้าโค้งขณะถนนลื่น ยางคู่หน้ายึดเกาะถนนไว้ แต่ยางคู่หลังกลับลื่นไถล ทำให้ท้ายปัดเสียหลัก พูดง่ายๆว่า “ดริ๊ฟ”
1. เจ้าหน้าที่ทดสอบการเปลี่ยนยางใหม่ คู่หน้า-คู่หลัง แบบไหนดีที่สุด

2. รถคันสีขาว – เปลี่ยนยางคู่ใหม่ไว้กับล้อคู่หลัง

3. รถคันสีขาว – ทดสอบเข้าโค้งขณะถนนเปียกและลื่น

4. รถคันสีขาว – ยางคู่ใหม่อยู่ล้อหลัง – จะช่วยยึดเกาะถนนไม่ให้ท้ายปัด

5. รถคันสีดำ – เปลี่ยนยางคู่ใหม่ไว้กับล้อคู่หน้า

6. รถคันสีดำ – ทดสอบตอนเข้าโค้งขณะฝนตก ถนนลื่น

7. รถคันสีดำ – ยางคู่ใหม่อยู่ล้อหหน้า – ยางคู่เก่าอยู่ล้อหลัง – เมื่อยางคู่หลังเก่าไม่เกาะถนน พอเข้าโค้งขณะถนนลื่น ยางคู่หน้ายึดเกาะถนนไว้ แต่ยางคู่หลังกลับลื่นไถล ทำให้ท้ายปัดเสียหลัก พูดง่ายๆว่า “ดริ๊ฟ”

ขอบคุณการทดสอบดีๆ จากมิชลิน Michelin คลิปนี้อาจช่วยชีวิตคนไว้ได้อีกเยอะ

ที่มา:http://www.soosana.com/

ผวากันทั้งเมือง!! จนท.ได้ทำการซ่อนกล้องเพื่อสำรวจสัตว์ป่า แต่สิ่งที่เค้าได้เจอกลับสยองหนัก!! ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!?


เป็นเรื่องที่น่าแปลกอีกเรื่อง สำหรับเพจทางเฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า สำรวจโลก ได้มีการโพสต์รูปภาพพร้อมข้อความว่า กล้องบันทึกภาพสัตว์ป่าจับภาพชายท่าทางประหลาดได้ เจ้าหน้าที่สัตว์ป่าได้ซ่อนกล้องตามจุดต่าง ๆ เพื่อคอยตรวจสอบสัตว์ป่า แต่ภาพที่พวกเขาเห็นนั้นมีชายคนหนึ่งเปลือยกายพร้อมแสดงท่าทางแปลกๆ จากนั้นได้แจ้งให้ตำรวจออกค้นหา พบว่าเป็นชายหนุ่มวัย 21 ปี ชาวสาธารณรัฐเช็ก เมื่อทำการสอบถามเผยว่าเขาได้ใช้สารแอลเอสดีไปจำนวนมากเพื่อรักษาอากาศซึมเศร้า จนคิดว่าตัวเองเป็นเสือโคร่งไซบีเรีย จากนั้นจึงวิ่งเข้าไปในป่าเขตแดนสาธารณรัฐเช็กและโปแลนด์เพื่อที่จะทำตัวให้เหมือนเป็นเสือโคร่งไซบีเรีย

แอลเอสดี ( LSD) อาจเรียกว่า แอซิด เป็นสารเสพติดที่สกัดได้จากเชื้อราที่อยู่บนข้าวไรย์ เป็นสารเสพติดที่มีฤทธิ์หลอนประสาทรุนแรงที่สุด

ที่มา:http://manezi.com/9972

ฟังอีกมุม ครูสาวถูกกล่าวหาเป็นเมียน้อย จ่อฟ้อง 20 ล้าน

จากกรณีที่โลกโซเชียลและสื่อต่างๆ มีการเผยแพร่เกี่ยวกับกรณีครูเมียน้อยตบครูเมียหลวง จนเป็นเหตุทำให้นักเรียนที่ครูสาวทั้งสองคนสอนอยู่รับไม่ได้กับพฤติกรรมของครูเมียน้อยนั้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (3 ธ.ค.) เมื่อช่วงเวลา 18.30 น. นางทิพย์เพ็ญพักตร์ ครู คศ 3 ซี 8 โรงเรียนชื่อดัง ใน จ.อำนาจเจริญ เปิดบ้านนั่งแถลงข่าว พร้อมเผยความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่า ก่อนที่จะมีข่าวนั้น ได้เกิดเหตุเมื่อช่วงเวลา 02.30 น. ของวันที่ 28 พ.ย.59 ได้มีคนมาเคาะประตูห้องนอนของตนอย่างแรงหลายต่อหลายครั้ง

และยังตะโกนออกมาว่า "ปืนมา ปืนมา" ตนกำลังนอนหลับตกใจตื่นขึ้นมา เปิดประตูห้องนอน และออกมาด้านนอกห้องพบคนหนึ่งรูปร่างผอมสูงใช้ผ้าคลุมหน้าคลุมตา ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด และพูดเพียงคำเดียวว่า "ปืนมา ปืนมา"

จากนั้นตนพยายามจะเปิดหน้าตาดู แต่บุคคลดังกล่าวพยายามจะบุกรุกเข้ามาที่ห้องนอน ซึ่งตนนอนอยู่คนเดียว สามีของตนที่เป็นผู้รับเหมาไปทำงานที่หน้างานยังไม่กลับบ้าน ตนจึงได้ดึงแขนบุคคลนั้นไว้ และฉุดกระชากกันไปมาหลายต่อหลายครั้ง จนถึงขั้นตบตี

ส่วนคู่กรณีก็ได้ดึงกระชากผม ดึงกันไปกันมาซักพัก บุคคลดังกล่าวจึงได้ร้องออกมาว่า "ครูอ้อย ข้อยมาตามหาสามี" ตนจึงตกใจและบอกว่าทำไมจึงทำแบบนี้ และสามีของบุคคลดังกล่าวจะมาอยู่บ้านตนได้อย่างไร จากนั้นตนก็ดึงแขนไปส่งที่กลางลานบ้านตนแล้วให้เดินออกไป

ตนตกใจมากและจากนั้นตนก็เข้านอนปกติเพราะคนที่มาบุกรุกบ้านของตน คือ นางเปรมิกา ซึ่งเป็นครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียนเดียวกันกับตน และตนก็ยังสงสัยว่าอยู่ๆ นางเปรมิกา จะมาตามหาสามีที่บ้านตนได้อย่างไร พอรุ่งเช้าตนทราบข่าวทางโซเชียลฯ ว่าตนเป็นเมียน้อยและมีคนโพสต์ข่าวให้ตนเสียๆ หายๆ แต่ตนก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรเลย

มาวันนี้ ตนทนไม่ได้ จึงต้องเปิดแถลงข่าวและขอความเป็นธรรม พร้อมรวบรวมเอกสารหลักฐานจะฟ้องหมิ่นประมาทครูผู้บุกรุก และคนที่ลงข่าวในโซเชียลฯที่บิดเบือนจากความเป็นจริง และจะฟ้องคนที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้ตนและครอบครัวของตนต้องเสียหาย เป็นจำนวนเงิน 20 ล้านบาท และตนก็เชื่อว่านักเรียนที่ตนเองสอนคงไม่ได้เป็นคนนำเรื่องดังกล่าวไปเผยแพร่อย่างแน่นอน เวลาจะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ความจริง และจะกระชากหน้ากากคนที่ใส่ร้ายตนได้อย่างแน่นอน

ต่อมาเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 3 ธ.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้บริหารและคณะกรรมต้นสังกัด ได้เรียกตัวครูทั้งสองรายและพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ เข้าสอบสวนข้อเท็จจริงด่วน ที่อาคารสำนักงาน โรงเรียนต้นสังกัดของครูทั้งสองคน เมื่อช่วงเวลา 18.20 – 19.30 ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียด และทางผู้บริหารของทางโรงเรียนต้นสังกัดของครูสาวทั้งสองคน ไม่ยอมให้ผู้ที่ไม่ส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปเฝ้าสังเกตการณ์หรือรับฟังแต่อย่างใด

กรณีของการตั้งคณะกรรมสอบสวนข้อเท็จจริงนั้น เป็นการตั้งคณะกรรมสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องที่มีครูและนักเรียนเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 พ.ย.59 ที่ผ่านมาอยู่ภายในโรงเรียนดังกล่าว ก่อนที่นางเปรมิกาจะได้ออกไปแจ้งความนั้น ทำให้นักเรียนเกิดความไม่พอใจ และนำไปโพสต์และแชร์ทั้งในไลน์และเฟซบุ๊ค จนทำให้เกิดเป็นข่าวขึ้นนั้น

ผู้บริหารและคณะกรรมได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่นางทิพย์เพ็ญพักตร์ได้มีการโยนรองเท้าใส่นางเปรมิกา ต่อหน้าต่อตาคณะครูและนักเรียน ซึ่งนักเรียนที่เห็นเหตุการณ์รับไม่ได้กับพฤติกรรมของนางทิพย์เพ็ญพักตร์

ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางทิพย์เพ็ญพักตร์ ได้ตบและจับหัวโขกกำแพงจนได้รับบาดเจ็บสาหัสมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 28 พ.ย.59 โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียดนานนับชั่วโมง และคาดว่าผู้บริหารและคณะกรรมจะได้มีการเรียกพยาน และนักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง ในวันที่ 6 ธ.ค.59 ที่จะถึงนี้ และคาดว่าน่าจะรู้ผลภายใน 7 วันนี้

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ พยานที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ได้เดินทางมาชี้แจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับผู้บริหารและคณะกรรมต้นสังกัดของครูสาวทั้งสอง โดยพยาน (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ-นามสกุล) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ทางคณะผู้บริหารและคณะกรรมได้เชิญให้ตนให้การเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 30 พ.ย.59 ที่ผ่านมา ซึ่งตนก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ เนื่องจากนางเปรมิกา เป็นเพื่อนเรียนรุ่นเดียวกันตน

พอตนและเพื่อนๆ ทราบข่าวจึงได้พากันมาเยี่ยมและสอบถามถึงความเป็นมา จากนั้นนางทิพย์เพ็ญพักตร์ก็ได้เดินเข้ามาพร้อมกับรองเท้าของนางเปรมิกาที่ตกตอนที่ถูกครูเมียน้อยตบที่บ้านเกิดเหตุ พร้อมกับถ้อยคำต่างๆ นาๆ ตนและเพื่อนจึงได้พานางเปรมิกา เข้าไปแจ้งความและพร้อมที่จะเป็นพยานให้กับเหตุการณ์ที่ขึ้น โดยยังมีครูและนักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็พร้อมที่จะเป็นพยานให้นางเปรมิกาเช่นเดียวกัน

ที่มา:http://news.sanook.com/2111830/

รู้ไว้ไม่โดนหลอก! วิธีดูรถมืองสองระดับเซียน แค่ทำแบบนี้คุณมีโอกาสได้รถดีในราคาถูก

ไว้ไม่โดนหลอก! วิธีดูรถมืองสองระดับเซียน แค่ทำแบบนี้คุณมีโอกาสได้รถดีในราคาถูก

เดียวนี้การจะซื้อรถซักคัน เรานั้นต้องดูกันดีๆ ยิ่งจะซื้อรถมือสองด้วยแล้วนั้นยิ่งจะต้องระวังมากขึ้น วันนี้เรามีวิธีการดูรถมือสองจากคุณ Mr.VTEC มาฝากกัน เป็นวิธีดูรถที่ค่อนข้างละเอียดถ้าใครกำลังมองหารถมือสองลองเอาวิธีนี้ไปใช้กันได้นะคะ

การเลือกซื้อรถมือสองนะ มันเหมือนการเล่นเกมส์จับผิดครับ คือ คุณต้องพยายามหาจุดจับผิดของมันให้ได้ ซึ่งมันอาจจะมีเยอะมากครับ

และสำหรับคุณถือว่าง่ายเลยครับ ที่คุณ มีตัวเลือกอยู่ในใจแล้ว และเป็นสิ่งที่ง่ายมากด้วย เพราะ รถรุ่นที่คุณกำลังจะซื้อ กับรถที่ขายในโชว์รูม เป็นโฉมเดียวกัน



สิ่งที่ผมกำลังจะบอกก็ถือ คุณสามารถเข้าไปดูรถต้นฉบับในโชว์รูมโดยละเอียดได้อย่างดีเลยครับ คือ คุณต้องไปศึกษารถใหม่ก่อน

โดยดูตำหนิของมันครับ เช่น รอยอาร์ค มันอยู่ตรงไหนบ้าง ลักษณะรอยอาร์คเป็นยังไง รอยอาร์คมีกี่จุด อยู่ตรงไหนบ้าง และมีสติ๊กเกอร์อะไรบ้าง และติดอยู่ตำแหน่งไหนบ้าง ตรงนี้ คุณต้องจำให้ได้ครับ เอากล้องไปถ่ายเลยครับ สภาพภายในห้องเครื่อง ลักษณะสติ๊กเกอร์ ว่าเป็นอย่างไร

รวมถึง ลักษณะการแต้มสีหัวน้อต หัวโช้คต่าง ๆ ว่ามีลักษณะการแต้มสีอย่างไร นี่คือ ค่าของโรงงานที่ถูกต้องครับ

หลังจากนั้น คุณก็ไปดูรถที่คุณอยากได้เลยครับ แล้วลองเทียบกันดูว่า รอยอาร์คมันหน้าตาเหมือนกันไหม สติ๊กเกอร์ อยู่ครบไหม หน้าตาเหมือนกันหรือปล่าว

รอยน้อตต่าง ๆ การแต้มสี มีการถูกถอดหรือไม่ ฝากระโปรงหน้า เคยโดนถอดหรือไม่ ประตู เคยโดนถอดหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ คุณต้องใช้เวลาศึกษานะครับ ค่อย ๆ สะสมประสบการณ์ไปครับ อย่าใจร้อน

ถึงคุณบอกว่า คุณมีรถในใจอยู่แล้วคันนึง ผมก็อยากให้คุณไปหารถคันอื่นด้วยครับ ลองตระเวนดูสัก 5 คันครับ แล้วคุณจะเจอข้อแตกต่างครับ

สิ่งที่ผมบอกข้างต้นคือ คุณต้องหาจุดประหลาด จับผิดมันให้ได้มากที่สุด เพราะ นี่คือ รถของคุณในอนาคต เพราะฉะนั้น คุณมีโอกาสเลือกครับ ถ้าเจออะไรผิดปกติ อย่างแรกที่ควรทำคือ ถอยออกมาทันที และหาคันใหม่ครับ อย่าไปคิดว่า ไม่เป็นไรน่า ยอมรับได้น่า ซึ่งตรงนี้ผิดครับ

การซื้อรถมือสอง ต้องละเอียดครับ เชื่อมั้ยครับว่า ผมดูแม้กระทั่ง ล็อตของกระจกทุกบาน ว่าล็อตเดียวกันมั้ย (แต่ก็ไม่เสมอไปนะ รถบางรุ่นจากโรงงาน กระจกอาจจะคนล็อต ก็ต้องศึกษาตรงนี้ก่อนด้วย)

ทีนี้ ถ้าของโรงงานมันล็อตเดียวกัน แต่คันที่ไปดู ซ้ายกับขวา คนละล็อต ก็ต้องตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนว่า มีการเปลี่ยนกระจกใหม่มาทั้งแถบ แน่นอนว่า มันอาจจะโดนชนข้างหนักมา ก็เป็นได้ สิ่งนี้ คือ เราควรตั้งข้อสังเกตโหด ๆ ไว้ก่อน อย่างที่ผมบอก แล้วค่อยหาเหตุผลมาลบล้าง หรือถ้าเป็นไปได้ หาคันใหม่ครับ

หรือ แม้กระทั่งยางรถยนต์ มันควรจะเป็นยี่ห้อเดียวกันถูกมั้ยครับ ยิ่งรถออกมาปีเดียวเนี่ย ถ้ายางไม่เหมือนกัน น่าสงสัยสุด ๆ สมมติ ถ้าไปเจอ มีอยู่เส้นนึง มันไม่เหมือนชาวบ้านละ ก็ต้องตั้งข้อสังเกตกันละ ว่า เกิดอะไรขึ้น ยางระเบิดเหรอ หรือ บดจนยางแตก ก็เป็นไปได้ หรือ ขับชนฟุตบาท จนยางระเบิด ก็เป็นได้ ซึ่งอย่างหลัง แน่นอนว่า มีผลต่อการขับขี่แน่นอน

การไปดูรถอย่าใจร้อนครับ ดูมันทุกซอกทุกมุมนั่นเหละ ดูสภาพในห้องเครื่องโดยรวม มีร่องรอยน้ำมันอะไรซึมออกมามั้ย เจ้าของเดิมดูและดีแค่ไหน มันจะบอกได้ครับ มีกลิ่นอะไรประหลาด ๆ มั้ย รถบางคันทำสีห้องเครื่องมา เปิดฝากระโปรงมา กลิ่นสีนี่เตะจมูกเลยครับ

สภาพห้องโดยสารเป็นยังไง ลองกดเบาะนั่งดู ลองกดด้านผู้โดยสารดู แล้วเทียบกับคนขับดู การยุบตัวใกล้เคียงกันมั้ย จะพอบอกได้ว่า ขับคนเดียวหรือมีคนนั่งไปด้วย หรือ หากมีรอยยับของเบาะ เช่นเบาะหนัง ก็จะบอกได้ว่า รถคันนี้ ใช้คนเดียวหรือนั่งสองคนเป็นประจำ

ที่ผมยกตัวอย่างนี่ถือว่า เป็นเรื่องเล็กน้อยนะครับ มันยังมีอะไรอีกเยอะสำหรับการซื้อรถมือสอง ซึ่งคุณต้องไปศึกษาให้มากที่สุดครับ เช่น การทดลองขับ ลองฟังเสียงเครื่องยนต์ เสียงผิดปกติต่าง ๆ รถกินซ้าย ขวา มั้ย การเบรกเป็นอย่างไร โช้คอัพปกติมั้ย เกียร์เปลี่ยนครบทุกเกียร์มั้ย มีเสียงอะไรผิดปกติขณะเปลี่ยนเกียร์มั้ย อุปกรณ์ใช้ได้ปกติหรือปล่าว ฯลฯ อีกมากมาย ที่คุณจะต้องไปศึกษาครับ

ที่สำคัญคือ อย่าใจร้อนครับ แล้วคุณจะได้รถที่ดีครับ รับรอง


ขอบคุณข้อมูลดีๆจากคุณ Mr.VTEC สมาชิกพันทิป
ที่มา:http://www.rak-sukapap.com/2016/12/blog-post_74.html

น่าทึ่งมากๆ แค่ปลูกพืชชนิดนี้ในบ้าน ก็จะช่วยกำจัดสารพิษและฟอกอากาศให้บ้านของคุณ

น่าทึ่งมากๆ แค่ปลูกพืชชนิดนี้ในบ้าน ก็จะช่วยกำจัดสารพิษและฟอกอากาศให้บ้านของคุณ

พืชบางชนิดควรนำเข้ามาไว้ในบ้านเพราะมันจะช่วยทำให้อากาศในบ้านของคุณสะอาด มันจะช่วยกำจัดสารพิษและเชื้อราในอากาศสร้างสภาพแวดล้อมภายในบ้านของคุณให้ดีขึ้น

ว่านหางจระเข้ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับบ้านของคุณ มันจะช่วยปล่อยออกซิเจนภายในบ้านของคุณ

พืชที่คุณควรมีไว้ในบ้านเพื่อช่วยให้ร่างกายและจิตใจสะอาดสดชื่น



ว่านหางจระเข้ ช่วยคลายก๊าซออกซิเจนอีกทั้งยังสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และฟอร์มาลดีไฮด์ได้อีกเช่นกัน เพียงคุณมีว่านหางจระเข้หนึ่งต้นมีผลเท่ากับมีอากาศชีวภาพ 9 กระป๋อง!

ไม่เพียงแค่ ว่านหางจระเข้ คุณยังสามารถใช้ ต้นสกุลโพ ไว้ภายในบ้านได้อีกเช่นกัน มันดูแลรักษาง่ายไม่จำเป็นต้องได้รับแสงมาก

อีกทั้งยังช่วยทำความสะอาดอากาศจากสารฟอร์มาลดีไฮด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่คุณควรระวังหากบ้านของคุณมีเด็กเล็กและสัตว์เลี้ยงเนื่องจากใบของมันมีพิษ

ไอวี่  แม้ว่า ไอวี่ จะขึ้นชื่อว่าเป็นพืชที่มีพิษกับคนแต่มันสามารถกำจัดสารพิษในอากาศได้ถึง 60% และยังช่วยกำจัดอนูที่เล็กที่สุดถึง 58% ภายในเวลาเพียง 6 ชั่วโมง

ลิลลี่เขียว สามารถเติบโตได้ดีแม้มีแสงเพียงเล็กน้อย และยังสามารถดูดซับสารพิษที่เป็นอันตรายกับร่างกายของเราได้ เช่น น้ำมันเบนซิน สไตรีน คาร์บอนมอนนอกไซด์ และฟอร์มาลดีไฮด์ ลิลลี่เพียงหนึ่งต้นมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้ถึง 200 ตารางเมตร

ทาร์รากอน Estragon หรือเรียกอีกอย่างว่า grass snake เป็นพืชที่ดีเยี่ยมสำหรับบ้านเพราะมันดูแลรักษาง่ายต้องการแสงเพียงเล็กน้อยอีกทั้งยังทนทาน ควรนำไปไว้ในห้องนอนจะดีที่สุดเพราะมันจะช่วยขจัดสารพิษและปล่อยออกซิเจนในเวลากลางคืน

พืชอีกชนิดที่ดีมากสำหรับการกำจัดสารพิษจากสารเคมีในอากาศคือ ลิลลี่ มันจะช่วยกรองฟอร์มาลดีไฮด์จากไตรคลอโรเอทิลีนในอากาศ

ตามที่องค์การนาซ่าได้ระบุไว้ ว่า บ้านแต่หลังควรมีพืชเหล่านี้ไว้ 15-18 ต้นบนพื้นที่ 500 ตารางเมตร และควรมีไว้ในห้องนอนด้วยเช่นกัน


 : http://www.rak-sukapap.com/

ราศีต่อไปนี้จะมี ‘ลาภลอย’ ส่งท้ายปี…เช็คดวงกันหน่อย! ราศีไหนจะโชคดี การเงินดี ไม่มีขาดมือ


ข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2559 กันแล้ว หลายคนเตรียมตัวสำหรับการหยุดยาว ท่องเที่ยวส่งท้ายปี หรือบางคนก็เตรียมตัวรับทรัพย์กับเงินโบนัสก้อนโต แต่...จะเป็นเราหรือเปล่านะที่กำลังจะโชคดีมีโชคก้อนใหญ่กับเขาบ้าง ถ้าอยากรู้ว่าเช็คดวงกันสักหน่อยดีกว่า

อ.สุลต่าน หมอดูชื่อดังจากเว็บไซต์ Horoworld.com  ทำนายดวงของราศีที่มีดวงการเงินดี และมีลาภลอยไม่ขาดมือ โดยแต่ละราศีมีดวงการเงินตามนี้ค่ะ



ราศีเมษ (13 เม.ย. - 13 พ.ค.) หรือลัคนาราศีเมษ
- ช่วงนี้การเงินถือว่ามีเข้ามาไม่ขาด แต่อาจจะยังไม่ใช่ลาภใหญ่ ขอให้คุณอย่าคาดหวังมากเกินไปจะทุกข์ใจเปล่า ๆ ส่วนบางท่านจะได้ของฝากของขวัญ


ราศีพฤษภ (14 พ.ค. - 13 มิ.ย.) หรือลัคนาราศีพฤษภ
- การเงินเข้ามาไม่ขาด แต่รายจ่ายมักจะมากเป็นเงาตามตัว
- บางท่านจะเสียเงินไปกับครอบครัวญาติพี่น้อง หรือเสียไปกับเรื่องบ้าน เรื่องรถ
- อย่างไรก็ตาม ยังคงมีลาภลอยเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ


ราศีเมถุน (14 มิ.ย. - 14 ก.ค.) หรือลัคนาราศีเมถุน
- การเงินช่วงนี้จะมีรายจ่ายที่ค่อนข้างมาก แต่ในเดือนถัดไปกระแสเงินจะกลับมาคล่องตามเดิม


ราศีกรกฎ (15 ก.ค. - 16 ส.ค.) หรือลัคนาราศีกรกฎ
- ช่วงนี้มีลาภลอยไม่ขาดมือ แต่รายจ่ายก็จะมีมากเป็นเงาตามตัว
- ควรทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเอาไว้บ้าง
- มีโอกาสที่จะได้เสื้อผ้าหรือของสวยของงามในช่วงนี้


ราศีสิงห์ (17 ส.ค. - 16 ก.ย.) หรือลัคนาราศีสิงห์
- เงินยังไม่ขาดมือ แต่รายจ่ายค่อนข้างจะมากเหลือเกิน ควรทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายให้ดี ๆ
- ระวัง! การใช้เงินเพราะอารมณ์เพียงชั่ววูบ จงมีสติให้มาก ๆ              



ราศีกันย์ (17 ก.ย. - 16 ต.ค.) หรือลัคนาราศีกันย์
- ต้องเรียกว่ามีลาภลอยไม่ขาดมือ ช่วงนี้จับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด
- ระวังจะมีปัญหาความขัดแย้งกันในเรื่องผลประโยชน์กับเพื่อนฝูง จงรอบคอบเอาไว้ให้มากๆ


ราศีตุลย์ (17 ต.ค. – 15 พ.ย.) หรือลัคนาราศีตุลย์
- รายได้ดูเหมือนชะลอตัว แต่ก็ยังคงมีรายได้เข้ามาเรื่อย ๆ
- ควรเพิ่มความรอบคอบในการใช้จ่ายเงินเอาไว้ให้มากในช่วงนี้
- หากใครที่มีบุตรหลานบริวารอาจจะเสียเงินไปกับพวกเขาได้

ราศีพิจิก (16 พ.ย. - 15 ธ.ค.) หรือลัคนาราศีพิจิก
- การเงินถือว่าไปได้ดีมาก เงินคล่อง แต่เหนื่อยหน่อย ต้องสู้และอย่าท้อถอย
- เงินที่หามาได้บางทีจะเก็บไม่ค่อยอยู่


ราศีธนู (16 ธ.ค. - 15 ม.ค.) หรือลัคนาราศีธนู
- ชาวราศีธนูมักเก็บเงินไม่ค่อยอยู่เลย ชอบเอาเงินไปใช้จ่ายกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง อย่างไรก็ตาม คุณก็ยังมีเงินเข้ามาไม่ขาดมือ เพราะว่ายังมีคนคอยช่วยเหลืออุปถัมภ์อยู่
- แก้ปัญหาได้ด้วยการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย


ราศีมังกร (16 ม.ค. - 12 ก.พ.) หรือลัคนาราศีมังกร
- การเงินถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี มีเงินไม่ขาด มีลาภลอยไม่ขาดมือ
- ควรเข้าหาทางผู้ใหญ่ จะยิ่งได้ผลดีมากๆ
- ช่วงนี้ควรเก็บสะสมเงินเอาไว้ให้ดี เพื่อจะได้เก็บไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็น


ราศีกุมภ์ (13 ก.พ. - 13 มี.ค.) หรือลัคนาราศีกุมภ์
- คุณจะมีรายจ่ายตลอดเวลา หามาได้เท่าไหร่ก็เก็บไม่อยู่
- อาจจะต้องแคะกระปุกเอาเงินเก่ามาใช้ก่อน
- อย่าให้เครดิตใครในช่วงนี้ เพราะเสี่ยงต่อการถูกโกงสูง


ราศีมีน (14 มี.ค. - 12 เม.ย.) หรือลัคนาราศีมีน
- การเงินดี มีเงินไม่ขาด แต่อาจจะมีบ้างที่เดือนนี้รายจ่ายค่อนข้างจะมากกว่าปกติ

ไม่ว่าช่วงนี้ดวงการเงินจะรุ่งโรจน์หรือซบเซาแค่ไหน ก็อย่าลืมที่จะเก็บออมเงินเอาไว้ตลอดด้วยนะคะ เพราะการเก็บออมเป็นนิสัยจะช่วยให้คุณผ่านวิกฤตการณ์ความยากจนไปได้แน่ๆ แล้วเราจะได้ฉลองปีใหม่กันอย่างมีความสุขกันทุกคนเลย

ที่มา:http://www.thaijobsgov.com/jobs/85250

ใครเสียภาษีต้องรู้ ! 18 ช่องทางขอ “ลดหย่อนภาษี”…ทำแล้วได้เงินคืนเป็นกอบเป็นกำ


อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปีแล้ว และเทศกาลเสียภาษีประจำปี 2560 ก็จะเข้ามาใกล้เหล่ามนุษย์เงินเดือนทุกท่านเข้าทุกทีๆ ทำให้หลายๆคนต่างพากันหาช่องทาง “การลดหย่อน” กันจ้าละหวั่น
แต่ที่คุณกำลังมีอยู่ในมือนั้นครอบคลุมทั้งหมดแล้วหรือยัง วันนี้แอดมินได้รวบรวมข้อมูลหรือช่องทางการลดหย่อนภาษี 18 อย่าง มาให้ทุกท่านได้รีบศึกษากันก่อนที่จะยื่นเสียภาษีในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2560 นี้ จะมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย


1. ค่าลดหย่อนส่วนตัว สำหรับผู้ที่เงินได้แบบแสดงรายการ จำนวน 30,000 บาท

2. ค่าลดหย่อนคู่สมรส สำหรับสามีหรือภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้เพิ่งแต่งงานไม่ครบปีก็สามารถลดหย่อนได้เช่นกัน จำนวน 30,000 บาท

3. บุตร หากมีบุตรไม่เกิน 3 คน สามารถลดหย่อนได้ถึง 15,000 บาท ยิ่งถ้าลูกของคุณเรียนอยู่ในเมืองไทยจะสามารถลดเพิ่มได้อีก 2,000 บาท

4. อุปการะเลี้ยงดูบิดา มารดา สำหรับคนที่ดูแลพ่อแม่ ซึ่งพ่อหรือแม่ต้องมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท สามารถใช้ลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท

5. ค่าเบี้ยประกันสุขภาพ บิดา มารดา เช่นเดียวกับข้อ 5 พ่อหรือแม่ต้องมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท และจะลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท


6. อุปการะเลี้ยงดูบุคคลทุพพลภาพหรือคนพิการ โดยบุคคลเหล่านี้ต้องมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท สามารถลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท

7. ประกันชีวิต นอกจากจะคุ้มครองชีวิตแล้วช่วงนี้ยังสามารถนำค่าเบี้ยประกันที่จ่ายในแต่ละปีมาลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาทด้วย

8. LTF สามารถลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ หรือสูงสุด 500,000 บาท

9. RMF เช่นเดียวกับ LTF โดยสามารถลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ หรือสูงสุด 500,000 บาท



10. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ นอกจากกองทุนนี้จะทำให้คุณมีเงินเก็บแล้ว ยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีก 15% ของค่าจ้าง หรือไม่เกิน 500,000 บาท

11. เบี้ยประกันบำนาญที่ถูกหักภาษี สามารถลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ หรือสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท

12. กองทุนบำเหน็ดบำนาญข้าราชการ สามารถลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 500,000 บาท

13. ค่าประกันสังคม เงินที่คุณโดนหักไปเป็นประจำทุกๆเดือนไม่ได้หายไปอย่างสูญเปล่า เพราะสามารถนำยอดประกันสังคมทั้งหมดมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 9,000 บาท



14. ค่าท่องเที่ยว รวมทั้งค่าใช้จ่ายจากการเข้าพักโรงแรมหรือซื้อทัวร์ในประเทศไทยภายในวันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2559 ที่ออกในรูปใบกำกับภาษีที่อยู่ในวงเงินไม่เกิน 30,000 บาท สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ทั้งหมด

15. ช้อปช่วยชาติ อยากซื้ออะไรให้ไปซื้อเลยช่วงสิ้นปีนี้ เพราะคุณสามารถนำใบกำกับภาษีที่มีวงเงินไม่เกิน 30,000 บาท มาลดหย่อนภาษีได้ อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้น ไม่รวมการซื้อสุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ น้ำมัน ก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และ เรือ

16. ดอกเบี้ยเงินกู้ สำหรับกู้ยืมเงินมาซื้อหรือเช่าอาคารที่อยู่อาศัยในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้

17. เงินที่ใช้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือที่ดิน ที่มีมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท ไหนๆก็เสียเงินก้อนกับทรัพย์สินก้อนโตไปแล้ว นอกจากจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยของตนเอง ยังสามารถลดหย่อนภาษีได้อีกไม่เกินร้อยละ 20 ของมูลค่าทรัพย์สิน

18. เงินบริจาค ไม่ว่าคุณจะบริจาคเงินให้กับองค์กรใดๆสามารถนำใบอนุโมทนาบัตรมาใช้เป็นส่วนลดภาษีได้ ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม สภากาชาดไทย สถานพยาบาล สถานศึกษาของทางราชการ องค์การของรัฐบาล สถานศึกษาเอกชน สถานสาธารณกุศล และกองทุนสวัสดิการภายในส่วนราชการ โดยสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินคงเหลือ ที่ผ่านการหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว


จะเห็นได้ว่ามีช่องทางมากมายที่จะช่วยให้คุณได้เงินคืนมาอย่างเป็นกอบเป็นกำ เพียงแต่ว่าคุณจะต้องเก็บหลักฐานทุกอย่างให้ดี เพราะเมื่อถึงเวลายื่นภาษี สรรพากรอาจจะสุ่มชื่อคุณเพื่อขอดูกหลักฐานการลดหย่อนภาษีทั้งหมดได้
ซึ่งหากคุณยื่นหลักฐานปลอมหรือสร้างหลักฐานปลอมขึ้นมา ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ และต้องมากลับมาชดใช้ในสิ่งที่ได้ไม่คุ้มเสียอย่างแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก กรมสรรพากร

ที่มา:http://www.thaijobsgov.com/jobs/85238

ช็อคเปรี้ยงทั้งวงการอีก 1 คู่ !! "อ้น สราวุธ" ประกาศขอ "ลาล่า โปงลางสะออน" แต่งงานสายฟ้าแลบกลางไอจี


ข่าวดาราวันนี้  ไปแอบคบกันตอนไหนเนี่ย หลังจากที่พระเอกหนุ่มสุดฮอตอย่าง "อ้น สราวุธ" ทำเอาแฟนคลับตกใจกันยกใหญ่หลังจากได้โพสต์ลงในไอจีส่วนตัวเกี่ยวกับสาวรุ่นพี่อย่าง "ลาล่า โปงลางสะออน" ว่า..

"อยากขอบคุณผู้หญิงคนนี้คับ เล่นเรื่องเดียวกัน แต่ไม่ได้เข้าฉากด้วยกันเลย พี่ล่าทำให้ผมสบายใจทุกครั้งที่เจอกัน งานยากๆ ก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาก ชอบพี่ล่าทำพิธีกรตามติดสกิดดาวนะคับน่ารักกุ๊กกี้ขยี้หัวใจ มีโอกาสเราคงได้ร่วมงานกันอีกนะคับ กอดกอดคับ @lala_bigflower ป.ล. ขอบคุณสำหรับปลาร้าแซ่บๆที่เอามาให้ทานนะคับ ฝรั่งมักหลาย พี่ทำให้กองถ่ายมีชีวิตชีวา พี่ทำให้ผมมีชีวิตชีวา...แต่งงานกันเหอะ" แหม งานนี้ก็ไม่รู้จะอะไรยังไงแต่ก็คงต้องให้หนุ่มเจ้าตัวออกมาพูดเคลียร์แล้วล่ะ










ที่มา:http://baabin.com/193831/

เมื่อ “เอก” แฟนเก่า ฝากถึง “อุ้ม ลักขณา” และ “บอล กฤษณะ” ด้วยข้อความนี้!!

หนุ่มนักธุรกิจภูเก็ตเอก เอกพลอดีตแฟนเก่าเขียนให้กำลังใจสาวอุ้ม ลักขณา และแฟนใหม่อย่างบอล กฤษณะ หลังจากบอลกลายเป็นผู้ต้องหาในคดีทำร้ายร่างกายลูกชายนายพล ซึ่งเอกได้เผยว่าเรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ผมก็ยังส่งข้อความให้กำลังใจทั้งอุ้มและฝากให้กำลังใจพี่บอลด้วย อุ้มเป็นคนดีและจากเท่าที่ได้เจอพี่บอลมา พี่บอลก็ดูเป็นคนดีเช่นกันเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่ สู้ๆนะ






ที่มา:http://www.igdara.in.th/aek-to-aum-ball-fe/

รัชกาลที่ 10 ชื่อเต็ม สำนักพระราชวัง แจ้งเรียกพระนามใหม่ ตั้งแต่ 2 ธ.ค. เป็นต้นไป


สำนักพระราชวัง มีประกาศให้เรียกพระนามใหม่ รัชกาลที่ 10 นับตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2559 "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร"

วันที่ 1 ธันวาคม 2559 ทวิตเตอร์ผู้สื่อข่าว @ThanawatLive รายงานว่า สำนักพระราชวัง มีประกาศให้เรียกพระนามใหม่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ได้ นับตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2559 เป็นต้นไป



ที่มา:http://hilight.kapook.com/view/145910
Powered by Blogger.