ฟังอีกมุม ครูสาวถูกกล่าวหาเป็นเมียน้อย จ่อฟ้อง 20 ล้าน

จากกรณีที่โลกโซเชียลและสื่อต่างๆ มีการเผยแพร่เกี่ยวกับกรณีครูเมียน้อยตบครูเมียหลวง จนเป็นเหตุทำให้นักเรียนที่ครูสาวทั้งสองคนสอนอยู่รับไม่ได้กับพฤติกรรมของครูเมียน้อยนั้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (3 ธ.ค.) เมื่อช่วงเวลา 18.30 น. นางทิพย์เพ็ญพักตร์ ครู คศ 3 ซี 8 โรงเรียนชื่อดัง ใน จ.อำนาจเจริญ เปิดบ้านนั่งแถลงข่าว พร้อมเผยความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่า ก่อนที่จะมีข่าวนั้น ได้เกิดเหตุเมื่อช่วงเวลา 02.30 น. ของวันที่ 28 พ.ย.59 ได้มีคนมาเคาะประตูห้องนอนของตนอย่างแรงหลายต่อหลายครั้ง

และยังตะโกนออกมาว่า "ปืนมา ปืนมา" ตนกำลังนอนหลับตกใจตื่นขึ้นมา เปิดประตูห้องนอน และออกมาด้านนอกห้องพบคนหนึ่งรูปร่างผอมสูงใช้ผ้าคลุมหน้าคลุมตา ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด และพูดเพียงคำเดียวว่า "ปืนมา ปืนมา"

จากนั้นตนพยายามจะเปิดหน้าตาดู แต่บุคคลดังกล่าวพยายามจะบุกรุกเข้ามาที่ห้องนอน ซึ่งตนนอนอยู่คนเดียว สามีของตนที่เป็นผู้รับเหมาไปทำงานที่หน้างานยังไม่กลับบ้าน ตนจึงได้ดึงแขนบุคคลนั้นไว้ และฉุดกระชากกันไปมาหลายต่อหลายครั้ง จนถึงขั้นตบตี

ส่วนคู่กรณีก็ได้ดึงกระชากผม ดึงกันไปกันมาซักพัก บุคคลดังกล่าวจึงได้ร้องออกมาว่า "ครูอ้อย ข้อยมาตามหาสามี" ตนจึงตกใจและบอกว่าทำไมจึงทำแบบนี้ และสามีของบุคคลดังกล่าวจะมาอยู่บ้านตนได้อย่างไร จากนั้นตนก็ดึงแขนไปส่งที่กลางลานบ้านตนแล้วให้เดินออกไป

ตนตกใจมากและจากนั้นตนก็เข้านอนปกติเพราะคนที่มาบุกรุกบ้านของตน คือ นางเปรมิกา ซึ่งเป็นครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียนเดียวกันกับตน และตนก็ยังสงสัยว่าอยู่ๆ นางเปรมิกา จะมาตามหาสามีที่บ้านตนได้อย่างไร พอรุ่งเช้าตนทราบข่าวทางโซเชียลฯ ว่าตนเป็นเมียน้อยและมีคนโพสต์ข่าวให้ตนเสียๆ หายๆ แต่ตนก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรเลย

มาวันนี้ ตนทนไม่ได้ จึงต้องเปิดแถลงข่าวและขอความเป็นธรรม พร้อมรวบรวมเอกสารหลักฐานจะฟ้องหมิ่นประมาทครูผู้บุกรุก และคนที่ลงข่าวในโซเชียลฯที่บิดเบือนจากความเป็นจริง และจะฟ้องคนที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้ตนและครอบครัวของตนต้องเสียหาย เป็นจำนวนเงิน 20 ล้านบาท และตนก็เชื่อว่านักเรียนที่ตนเองสอนคงไม่ได้เป็นคนนำเรื่องดังกล่าวไปเผยแพร่อย่างแน่นอน เวลาจะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ความจริง และจะกระชากหน้ากากคนที่ใส่ร้ายตนได้อย่างแน่นอน

ต่อมาเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 3 ธ.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้บริหารและคณะกรรมต้นสังกัด ได้เรียกตัวครูทั้งสองรายและพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ เข้าสอบสวนข้อเท็จจริงด่วน ที่อาคารสำนักงาน โรงเรียนต้นสังกัดของครูทั้งสองคน เมื่อช่วงเวลา 18.20 – 19.30 ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียด และทางผู้บริหารของทางโรงเรียนต้นสังกัดของครูสาวทั้งสองคน ไม่ยอมให้ผู้ที่ไม่ส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปเฝ้าสังเกตการณ์หรือรับฟังแต่อย่างใด

กรณีของการตั้งคณะกรรมสอบสวนข้อเท็จจริงนั้น เป็นการตั้งคณะกรรมสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องที่มีครูและนักเรียนเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 พ.ย.59 ที่ผ่านมาอยู่ภายในโรงเรียนดังกล่าว ก่อนที่นางเปรมิกาจะได้ออกไปแจ้งความนั้น ทำให้นักเรียนเกิดความไม่พอใจ และนำไปโพสต์และแชร์ทั้งในไลน์และเฟซบุ๊ค จนทำให้เกิดเป็นข่าวขึ้นนั้น

ผู้บริหารและคณะกรรมได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่นางทิพย์เพ็ญพักตร์ได้มีการโยนรองเท้าใส่นางเปรมิกา ต่อหน้าต่อตาคณะครูและนักเรียน ซึ่งนักเรียนที่เห็นเหตุการณ์รับไม่ได้กับพฤติกรรมของนางทิพย์เพ็ญพักตร์

ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางทิพย์เพ็ญพักตร์ ได้ตบและจับหัวโขกกำแพงจนได้รับบาดเจ็บสาหัสมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 28 พ.ย.59 โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียดนานนับชั่วโมง และคาดว่าผู้บริหารและคณะกรรมจะได้มีการเรียกพยาน และนักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง ในวันที่ 6 ธ.ค.59 ที่จะถึงนี้ และคาดว่าน่าจะรู้ผลภายใน 7 วันนี้

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ พยานที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ได้เดินทางมาชี้แจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับผู้บริหารและคณะกรรมต้นสังกัดของครูสาวทั้งสอง โดยพยาน (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ-นามสกุล) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ทางคณะผู้บริหารและคณะกรรมได้เชิญให้ตนให้การเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 30 พ.ย.59 ที่ผ่านมา ซึ่งตนก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ เนื่องจากนางเปรมิกา เป็นเพื่อนเรียนรุ่นเดียวกันตน

พอตนและเพื่อนๆ ทราบข่าวจึงได้พากันมาเยี่ยมและสอบถามถึงความเป็นมา จากนั้นนางทิพย์เพ็ญพักตร์ก็ได้เดินเข้ามาพร้อมกับรองเท้าของนางเปรมิกาที่ตกตอนที่ถูกครูเมียน้อยตบที่บ้านเกิดเหตุ พร้อมกับถ้อยคำต่างๆ นาๆ ตนและเพื่อนจึงได้พานางเปรมิกา เข้าไปแจ้งความและพร้อมที่จะเป็นพยานให้กับเหตุการณ์ที่ขึ้น โดยยังมีครูและนักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็พร้อมที่จะเป็นพยานให้นางเปรมิกาเช่นเดียวกัน

ที่มา:http://news.sanook.com/2111830/
Powered by Blogger.