รู้ยัง! การเบิกเงิน พรบ. ทดแทนในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ สามารถเรียกร้องเงินได้

 การเบิกเงิน พรบ. ทดแทนในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ สามารถเรียกร้องเงินได้.. รู้แล้วอย่ามองข้าม!

สิทธิของตนเอง เป็นสิ่งที่หลายคนไม่ค่อยได้รับรู้อย่างถ่องแท้เท่าไหร่นัก ยิ่งในบางคนที่ไม่รู้ข้อกฎหมาย บางเรื่องก็แทบจะไม่รู้เลยว่า ตนเองมีสิทธิอย่างไรบ้าง บางครั้งอาจจะต้องสูญเสียสิทธิของตนเองไป หรืออาจจะโดนคนหัวหมอหลอกเอาได้ง่ายๆ อย่างเช่นเรื่องของ พรบ.การเบิกค่าทดแทนหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับตัวเอง หลายคนไม่รู้เลยว่าเรามีสิทธิที่จะเบิกเงินทดแทนโดยไม่ต้อง "ขึ้นศาล"
เฟซบุ๊ก ลีโอ มิตรแท้ฯได้ออกมาให้ความรู้ เกี่ยวกับการเบิกเงินทดแทนในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น และเราเป็นผู้เสียหาย โดยได้ให้รายละเอียดว่า

"อันนี้สาระจริงๆ คนไทยรู้จักหน้าที่ แต่ไม่รู้จักสิทธิของตัวเอง เบิกได้กับรถทุกชนิด แม้แต่เดินอยู่บนถนนถูกรถชนก็เบิกได้ ฉะนั้นไม่ทำพรบ.ไม่ได้ ถ้าเกิดเหตุผู้เสียหายสามารถเรียกร้องตามนี้ได้ #สำคัญอย่ามองข้ามพรบ."
ขอประชาสัมพันธ์การปรับเพิ่มวงเงินคุ้มครองการเบิกใช้สิทธิ์ พรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 หรือที่เราเรียกกันในปัจจุบันว่า " ประกัน พรบ.ฯ  หรือ เบิก พรบ.ฯ "   โดย คสช. ประกาศปรับเพิ่มโดยยึดวันที่เกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2557 เป็นต้นมา  โดยผู้ประสบภัยจากรถมีสิทธิ์เบิกใช้สิทธิ์  แบ่งเป็น 2 วงเงิน  ดังนี้
1. การเบิกใช้สิทธิ์ พรบ.​  ในวงเงินค่าเสียหายเบื้องต้น
ค่าเสียหายเบื้องต้น  ให้ความคุ้มครองแก่ผู้ประสบภัยจากรถ ทุกคนที่ประสบภัยจากรถคันที่ขับขี่หรือนั่งซ้อนท้ายมา กรณีรถจยย.หรือนั่งโดยสารมาในรถกรณีรถยนต์  รวมถึงคนเดินถนน ที่ไม่ได้ขับขี่หรือซ้อนท้ายหรือโดยสารในรถคันอื่นๆ   โดยไม่ต้องรอสรุปผลทางคดี   ( หมายความว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุ  ทำให้มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต หรือสูญเสียอวัยวะ พรบ. จะคุ้มครองผู้ประสบภัยทุกคนทันที )  ตามลักษณะความเสียหายดังนี้


1.1   กรณีบาดเจ็บ  เบิกจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาล ในวงเงินตามที่รักษาจริงไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน (ปรับเพิ่มจากเดิมคุ้มครองเพียง 15,000 บาท)  เช่น  บาดเจ็บเล็กน้อย ค่ารักษาตามใบเสร็จ 5,720 บาท ผู้ประสบภัยจะเบิกเองหรือมอบอำนาจให้รพ. ตั้งเบิกกับบริษัทกลางฯ ผ่านระบบออนไลน์ ( e-claim online หรือระบบสินไหมอัตโนมัติ  โดยบริษัทฯ จะโอนเงินจ่ายคืนรพ.ภายใน 7 วันนับแต่วันที่รพ. ส่งเรื่องตั้งเบิก) กรณี บาดเจ็บปานกลาง ถึงสาหัส  มีค่ารักษา 30,000 บาท เบิกได้ 30,000  บาท  โดยบริษัทกลางฯ​  จัดทำระบบ สินไหมอัตโนมัติและประสานขอความร่วมมือรพ. ทุกแห่งเข้าใช้ระบบ  เพื่อลดภาระของประชาชนและผู้ประสบภัยจากรถ  โดยรพ.เป็นผู้รับมอบอำนาจเบิกจ่ายจากบริษัทกลางฯ​ แทนปชช. ซึ่งปัจจุบัน ทุกรพ.​ จะรับมอบอำนาจเบิกแทนประชาชนอยู่แล้วค่ะ  และหากกรณีบาดเจ็บสาหัส  มีค่ารักษาเกินกว่า 30,000 บาท จะเบิกใช้สิทธิ์ได้จากวงเงินค่าเสียหายเบื้องต้นไปก่อน  30,000  บาท  ส่วนเกินที่เหลือ ผู้ประสบภัยหรือทายาท  สามารถตัดสินใจเบิกส่วนเกินดังกล่าวจาก
–   สิทธิ์บัตรทอง 30 บาท  ( ถ้ามี)
–   สิทธิ์ประกันสังคม     ( ถ้ามี)
–   รอดูผลสรุปทางคดี  กรณีมีคู่กรณี โดยหากคู่กรณีหรือ  ผู้ขับขี่เป็นฝ่ายประมาท เช่นผู้ประสบภัยเป็นผู้โดยสารในรถจยย.รับจ้าง    ขับขี่ประมาทไปล้มเอง ไม่มีคู่กรณีเฉี่ยวชน   ลักษณะเหตุแบบนี้  ผู้โดยสารจะได้รับความคุ้มครองสูงสุดกรณีบาดเจ็บ ในวงเงินค่าสินไหมทดแทน ตามข้อ 2.  ค่ะ


1.2  กรณีทุพพลภาพหรือสูญเสียอวัยวะ  โดยนิยามของ พรบ.ฯ  กำหนดลักษณะของการสูญเสียอวัยวะตั้งแต่ 1 ข้อนิ้วขึ้นไป  เช่น นิ้วขาด ครึ่งข้อ ไม่ถือเป็นการสูญเสียอวัยวะ  กรณีนิ้วนิ้วใด ๆ ขาด 1 ข้อ  หรือ สูญเสียมือทั้งมือ แขนทั้งแขน  เบิกใช้สิทธิ์กรณีทุพพลภาพหรือสูญเสียอวัยวะ  ได้จำนวน 35,000 บาทต่อคน (สามหมื่นห้าพันบาทถ้วน)​
1.3  กรณีถึงแก่ชีวิต   เบิกจ่ายเป็นค่าปลงศพ จำนวน 35,000 บาทต่อคน (สามหมื่นห้าพันบาทถ้วน) สรุปวงเงินคุ้มครองกรณีค่าเสียหายเบื้องต้น  คุ้มครองสูงสุด 65,000 บาทต่อคน (หกหมื่นห้าพันบาทถ้วน)   เนื่องจากผู้ประสบภัยจากรถ อาจได้รับบาดเจ็บสาหัส  หรือสูญเสียอวัยวะ และอาจถึงแก่ชีวิตได้  หรืออาจเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ  สามารถเบิกใช้สิทธิ์ในแต่ละลักษณะของการบาดเจ็บ


2.    การเบิกใช้สิทธิ์ พรบ.​  ในวงเงินค่าสินไหมทดแทน
เป็นการเบิกใช้สิทธิ์หลังจากสรุปผลทางคดีแล้ว  ว่าผู้ขับขี่รถคันใดเป็นฝ่ายประมาท   ผู้ประสบภัยทุกคนจะเบิกใช้สิทธิ์จากวงเงินที่ใช้ไปแล้ว  จากวงเงินคุ้มครองสูงสุดต่อคน  ได้จากกรมธรรม์คันที่เป็นฝ่ายผิด  โดยเบิกจ่ายจากลักษณะความเสียหาย 3 ลักษณะเหมือนค่าเสียหายเบื้องต้นแต่วงเงินคุ้มครองสูงกว่า และเพิ่มการเบิกใช้สิทธิ์อีก 1  กรณี รวมเป็น 4 กรณี  ดังนี้
2.1  กรณีบาดเจ็บ  เบิกเป็นค่ารักษาพยาบาล   วงเงินคัมครองสูงสุดต่อคน  50,000 บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน)  โดยหากผู้ประสบภัยเบิกใช้สิทธิ์ค่าเสียหายเบื้องต้นไปแล้ว 30,000 บาท (สามหมื่นบาทถ้วน)  จะเหลือสิทธิ์เบิกค่ารักษาพยาบาลอีก 20,000 บาท(สองหมื่นบาทถ้วน)
2.2  กรณีทุพพลภาพหรือสูญเสียอวัยวะ   วงเงินคัมครองสูงสุดต่อคน  200,000 บาท (สองแสนบาทถ้วน)  โดยหากผู้ประสบภัยเบิกใช้สิทธิ์ค่าเสียหายเบื้องต้นกรณีสูญเสียอวัยวะไปแล้ว 35,000 บาท (สามหมื่นห้าพันบาทถ้วน)   และเบิกค่ารักษาพยาบาลไปอีก  30,000  บาท(สามหมื่นบาทถ้วน)  จะเหลือสิทธิ์เบิกค่าสินไหมทดแทน = 200,000 – 35,000-30,000 จะเหลือสิทธิ์อีก  135,000 บาท(หนึ่งแสนสามหมื่นห้าพันบาทถ้วน)
2.3   กรณีเสียชีวิต    วงเงินคัมครองสูงสุดต่อคน  200,000 บาท (สองแสนบาทถ้วน)  โดยหากผู้ประสบภัยเบิกใช้สิทธิ์ค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นค่าปลงศพไปแล้ว 35,000 บาท (สามหมื่นห้าพันบาทถ้วน)   และเบิกค่ารักษาพยาบาลไปอีก  30,000  บาท(สามหมื่นบาทถ้วน)  จะเหลือสิทธิ์เบิกค่าสินไหมทดแทน = 200,000 – 35,000-30,000 จะเหลือสิทธิ์อีก  135,000 บาท(หนึ่งแสนสามหมื่นห้าพันบาทถ้วน) หรือ กรณีทายาทผู้ประสบภัย  เบิกใช้สิทธิ์ค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นค่าปลงศพ อย่างเดียวเป็นจำนวน  35,000 บาท (สามหมื่นห้าพันบาทถ้วน)   โดยไม่ได้เบิกค่ารักษาพยาบาล  จะเหลือสิทธิ์เบิกค่าสินไหมทดแทน = 200,000 – 35,000  จะเหลือสิทธิ์อีก  165,000 บาทต่อคน(หนึ่งแสน หกหมื่นห้าพันบาทถ้วน) 2.4  เบิกเป็นค่าชดเชยกรณีนอนพักรักษาตัวในรพ. วันละ 200 บาทต่อคน สูงสุดไม่เกิน 20 วัน รวมวงเงินสูงสุด =200*20 =4,000 บาท(สี่พันบาทถ้วน)   เช่นนอนพักรักษาตัวในรพ. 5 วัน จะได้รับค่าชดเชย 200*5 วัน = 1,000 บาท รวมวงเงินคุ้มครองสูงสุดต่อผู้ประสบภัย  204,000 บาท (สองแสนสี่พันบาทถ้วน) ต่อผู้ประสบภัย ซึ่งการทำความเข้าใจในการเบิกจ่ายจากสิทธิ์ พรบ. เป็นการเบิกตามเงื่อนไขตามกฏหมาย  การอธิบายให้ประชาชนเข้าใจโดยละเอียด เป็นเรื่องยากค่ะ   จึงขออนุญาติเรียนแนะนำให้ผู้สนใจและผู้พบปัญหา  โทรสอบถามได้ที่สายด่วน Call Center บริษัทกลาง ฯ  หมายเลข 1791  หรือเข้าไปติดต่อสอบถามที่จนท.บริษัทกลางฯ ซึ่งมีสาขาเปิดให้บริการอยู่ทุกจังหวัด  หรือหน่วยบริการประชาชนของบริษัทกลางฯ​ ที่รพ. จังหวัดทุกแห่ง โดยบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด  มีเวปไซต์เช็คข้อมูลเบอร์โทรสาขาทั่วประเทศ  ที่ www.rvp.co.th
จึงขอเรียนประชาสัมพันธ์ข่าวสารให้ทุกท่านได้ทราบ  และขอขอบคุณ Pantip.com ที่เปิดช่องทางการสื่อสารสารสาธารณะนี้ ขอบคุณค่ะ
                                   
ปล.  อย่าลืมประกัน พรบ. กันนะคะ  เบี้ยประกันภัยกรณีรถจยย. เพียง 323 บาท (​กรณี ซีซีรถไม่เกิน 125 ซีซี )  เท่ากับเสียเบี้ยวันละไม่ถึง 1 บาท แต่คัมครองสูงสุดต่อคนถึง 204,000 บาท ( วงเงินสินไหมทดแทน )  หรือ 65,000  บาทต่อคน ( วงเงินค่าเสียหายเบื้องต้น)   โดยปัจจุบันคุ้มครองเกือบทุกกรณี ทั้งกรณีผู้ขับขี่ไม่มีใบขับขี่  ทะเบียนขาด เมาสุรา ฯลฯ  ก็สามารถเบิกใช้สิทธิ์ได้เนื่องจากเป็นการเยียวยาประชาชนผู้ประสบภัยจากรถเพื่อลดผลกระทบทางอุบัติเหตุทางรถค่ะ  โดยรถจยย.ทุกคันสามารถทำประกันภัยได้  ทั้งรถเก๊าเก่า   รถใหม่ป้ายแดง  คุ้มครองเท่ากันค่ะ

เป็นข้อมูลดีๆที่ควรรู้จริงๆค่ะ ไข่เจียวเชื่อว่ามีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้สิทธิในข้อนี้ ข้อมูลแบบนี้ควรบอกต่อนะจ๊ะ

ขอบคุณที่มา http://www.share-si.com/2016/09/blog-post_885.html
Powered by Blogger.