หลังจากที่ สันติ ดวงสว่าง นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เจ้าของฉายาราชาเพลงหวาน อายุ 48 ปี เจ้าของบทเพลงดัง “จูบไม่หวาน”, “ถอนคำสาบาน” ถูกส่งตัวมารักษายังโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากโรคเบาหวาน และโรคไตกำเริบจนเกิดอาการช็อกหมดสติ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน นางกำไร พุ่มพฤกษ์ พี่สาวของสันติ ดวงสว่าง ซึ่งย้ายมารักษาตัวที่ห้อง ICU รพ.สมเด็จพระพุทธเลิศหล้า จ.สมุทรสงคราม ให้สัมภาษณ์ว่า เดิมสันติรักษาตัวด้วยอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ตัวบวม ช็อคมีอาการไตวาย เข้ารักษาตัวอยู่ที่รพ.บุรีรัมย์ แต่สันติอยากกลับมาอยู่กับพี่ๆน้องๆที่สมุทรสงคราม จึงย้ายมาที่โรงพยาบาลนภาลัย กระทั่งถูกส่งตัวต่อมาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา เมื่อวานนี้ยังพูดเล่นกับหลานดีๆอยู่เลย ไม่คิดว่าจะสันติจะมีอาการหนักรวดเร็วอย่างนี้ อย่างไรก็ตามคงไม่ย้ายโรงพยาบาลอีกแล้ว เพราะคิดว่าย้ายไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น
ด้านนพ.วัชระ จันทร์เจริญกิจ รองผอ.รพ.สมเด็จพระพุทธเลิศหล้า แพทย์เจ้าของไข้ กล่าวว่า นักร้องลูกทุ่งชื่อดังถูกส่งตัวมาจากโรงพยาบาลนภาลัย ด้วยอาการทางไต ต้องฟอกด่วนเมื่อวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2559 เวลาประมาณ 4 ทุ่ม จากประวัติคนไข้รักษาตัวในอาการเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ทำให้เส้นเลือดเสื่อมเปราะจึงเกิดการไตวายเรื้อรัง ต้องฟอกเลือดมาโดยตลอด ล่าสุดเส้นเลือดในสมองเสื่อมกระทั่งเส้นเลือดบริเวณโพรงสมองส่วนกลางแตก เลือดซึมกระจายไปทั่วสมอง ขณะนี้สมองหยุดการทำงาน อาการน่าเป็นห่วง จึงพยายามให้ยาช่วย อย่างไรก็ตาม การย้ายไปโรงพยาบาลไหนการรักษาก็คงไม่แตกต่างกัน เพราะเป็นระยะสุดท้ายของโรคทั้งหมด การรักษาด้วยวิธีเดียวกันอยู่ที่ไหนก็รักษาเหมือนกัน
สายัณห์ ดาราฉาย ตลกประจำคณะของสันติ ดวงสว่าง กล่าวว่า สันติมีอาการเส้นเลือดในสมองแตกเมื่อคืนวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระพุทธเลิศหล้า แม่กลอง ทำให้ขณะนี้ไม่รู้สึกตัว ขณะเดียวกันยังได้รับแจ้งว่ายังไม่สามารถผ่าตัดให้ได้ เนื่องจากสันติมีเกล็ดเลือดต่ำ ตอนนี้จึงกำลังประสานขอย้ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลเปาโล
อย่างไรก็ตาม ต่อมาสายัณห์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ตอนนี้ตัดสินใจไม่ย้ายโรงพยาบาลแล้ว เพราะอาการของสันติที่ตอนเช้าเหมือนจะทรงๆ เริ่มทรุดลง มีอาการตัวเริ่มบวม การหายใจก็ไม่ดีนัก ขณะที่แพทย์เองก็แจ้งให้ญาติทำใจ ซึ่งญาติก็เริ่มทำใจแล้ว
ทีมา https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_80010