พอได้แล้ว !! พระตี๋ เสียดายสึกกลางพรรษา ล่าสุดออกมาพูดสิ่งนี้ ทำเอาชาวบ้านน้ำตาไหลตามๆกัน จริงหรอเนี้ย !??

พระตี๋ ไม้สูงเนิน หรือ พระเสริมศักดิ์ ธรรมะสโร อายุ 21 ปี พระที่รูปร่างเล็กที่สุดในไทย ซึ่งมีส่วนสูงเพียง 99 เซนติเมตร ได้บวชเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 59 เพื่อทดแทนพระคุณนางแพง ไม้สูงเนิน มารดา โดยมีความตั้งใจว่าจะบวชให้แม่อย่างน้อย 1 พรรษา ซึ่งหลังจากบวชได้เพียง 1 สัปดาห์ นางแพง มารดาของพระตี๋ก็เสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยอาการป่วย แต่เป็นการเสียชีวิตอย่างสงบ ถือว่าสมความตั้งใจของนางแพงที่อยากเห็นชายผ้าเหลืองของลูกชายก่อนเสียชีวิต แต่พระตี๋ก็ยังคงความตั้งใจที่จะบวชให้ครบ 1 พรรษา ต่อไป
แต่เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีคำสั่งจากพระผู้ใหญ่ใน จ.จันทบุรี ให้สึกพระตี๋อย่างกะทันหัน เป็นการให้สึกกลางพรรษา ซึ่งผิดจารีตประเพณีของการบวช ที่จะไม่มีการสึกกลางพรรษาอย่างเด็ดขาด เพราะเชื่อว่า จะทำให้ชีวิตล้มเหลวในทุกๆ ด้าน คำสั่งให้สึกดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากพระตี๋ บวชได้เพียง 1 เดือน ท่ามกลางความเสียใจของชาว อ.สอยดาว ที่รู้ข่าว เนื่องจากในช่วงเวลาที่พระตี๋ครองเพศบรรพชิต ชาวบ้านต่างก็เห็นในความตั้งใจต่อการปฎิบัติธรรมและปฎิบัติกิจของสงฆ์อย่าง เคร่งครัด โดยที่ขนาดร่างกายไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด

เมื่อผู้ สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดผาสุก พบว่า ชาวบ้านต่างจับกุมวิพากษ์วิจารณ์คำสั่งดังกล่าวกัน ตรงกันข้ามกับ นายตี๋ ที่มีอาการนิ่งสงบ ตั้งใจฟังเทศน์ทำบุญเนื่องในวันพระ โดยมี พระคล้าย เทวะธรรมโม เจ้าอาวาสวัดผาสุก ชี้แจ้งเหตุผลที่นายตี๋ถูกสึกให้ญาติโยมที่มาทำบุญฟังว่า เนื่องจากเป็นคำสั่งของ พระเลขาของเจ้าอาวาสวัดทับช้าง อ.สอยดาว ว่า พระตี๋เป็นบุคคลพิการ ร่างกายไม่สมประกอบ เป็นภาระของพระสงฆ์รูปอื่น ส่วนอาตมาเป็นเพียงพระผู้น้อย ไม่สามารถขัดคำสั่งได้

ด้าน นายกฤษฎา จันทรา ผู้ใหญ่บ้านผาสุก เปิดเผยว่า คำสั่งให้สึกพระตี๋สร้างความเสียใจและเสียดายแก่ชาวบ้าน เนื่องจากรู้กันดีว่า พระตี๋ ตั้งใจบวชเพื่อทดแทนบุญคุณแม่ ความตั้งใจนี้สร้างความศรัทธายินดีแก่ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านไปตามๆ กัน ซึ่งชาวบ้านต่างเห็นความตั้งใจของพระตี๋ในการปฏิบัติธรรม และปฎิบัติกิจของสงฆ์อย่างเต็มที่ พระตี๋เดินบิณฑบาตทุกวัน ไม่ให้เป็นภาระพระเณรในการแสวงหาอาหารเพื่อฉันท์ กระทั่งชาวบ้านรู้สึกศรัทธา ไม่อยากให้พระตี๋ลำบากในการเดินบิณฑบาต จะสร้างรถเข็นให้พระตี๋นั่งบิณฑบาต โดยชาวบ้านอาสาเข็นให้ แต่พระตี๋ปฎิเสธ ไม่อยากให้เป็นภาระของชาวบ้าน รวมทั้งพระตี๋ยังได้ศึกษาธรรมะ ทำวัตร นั่งสมาธิเช้าเย็นเป็นประจำ ด้วยความตั้งใจนี้ ทำให้มีชาวพุทธส่วนหนึ่งเกิดความศรัทธา ติดต่อขอเป็นเจ้าภาพกฐินให้วัดผาสุกในวันออกพรรษา โดยติดต่อมาแล้วถึง 2 ราย

ด้าน พระตี๋ เปิดเผยว่า รู้สึกงง ทำอะไรไม่ถูกในวันที่ถูกสั่งให้สึก ซึ่งได้รับแจ้งจากพระในวัดผาสุกว่า พระผู้ใหญ่สั่งให้สึกตน หากตนไม่สึก พระในวัดผาสุกจะเดือดร้อน ตนไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะตน จึงยอมสึกไปอย่างเสียดาย เสียความตั้งใจที่จะบวชให้แม่อย่างน้อย 1 พรรษา และหากสามารถเปลี่ยนแปลงคำสั่งได้ ตนก็พร้อมจะกลับมาบวชใหม่เพื่อแม่อีกครั้ง
ล่าสุด นายเสริมศักดิ์ หรือ อดีตพระตี๋ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
ตาม ที่เรื่องราวของผมเป็นข่าวใหญ่โตมากในช่วง2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งได้มีสำนักข่าว รวมทั้งรายการโทรทัศน์มากมายในประเทศที่ให้ความสนใจในกรณีของผม ผมขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจและเป็นกำลังใจให้ผมมาโดยตลอด ‎ผมขอให้เรื่องราวทุกอย่างยุติลง‬ ณ บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาและฝ่ายต่างๆ

แม้ว่าผมจะออกมา จากเพศบรรพชิตแล้วแต่ยังคงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและจะปฏิบัติตามคำสอนของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไป และขอให้ผลบุญที่ผมได้ปฏิบัติมาตลอดในช่วงเป็นบรรพชิตจงสำเร็จแก่บิดา มารดาตลอดจนทุกท่านครับ
Powered by Blogger.