ขับรถต้องรู้! รถชนแบบไหนประกันภัยไม่รับเคลม ! พร้อมวิธีรับมือไม่ให้โดนเบี้ยว

ภาพไม่เกี่ยวข้องเนื้อหา

loading...
เมื่อขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุ เราก็จำเป็นต้องเรียกประกันมา แต่แน่นอนว่าประกันจะไม่ได้รับเคลมทุกกรณี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณทำประกันแบบไหน กรณีของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร มีใบขับขี่หรือไม่ มีคู่กรณีหรือเปล่า เพราะความแตกต่างเหล่านี้ส่งผลต่อการประกันทั้งสิ้น
มาเรียนรู้กันสักหน่อยว่าแบบไหนเคลมได้ เคลมไม่ได้ ได้มากหรือได้น้อย จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลังว่าทำไมเราไม่ทำประกันให้ดีกว่านี้


1. ไม่มีใบขับขี่เคลมได้มั๊ย
ถ้ารถมีประกันชั้น 1 แล้วขับไปชนรถหรือทรัพย์สินคนอื่น ไม่ว่าอะไรก็ตาม ประกันจะต้องรับผิดชอบคู่กรณีแทนท่านทุกกรณี ไม่ว่าท่านจะชนรถ ชนรั้วบ้าน ชนคน ชนอะไรก็ได้ที่เป็นทรัพย์สินของคนอื่น ไม่ว่าท่านจะมีใบขับขี่หรือไม่ ประกันต้องจ่ายหมด
สิ่งที่แตกต่างระหว่าง มี กับไม่มี ใบขับขี่ คือ… ถ้าไม่มีใบขับขี่ประกันจะไม่ซ่อมรถให้ท่าน แต่ถ้าท่านขับรถไปชนท้ายเขาและมีใบขับขี่ ประกันจะซ่อมรถให้ทั้ง 2 คัน

2. เมาสุรา
ประกันภัยจะไม่รับผิดชอบให้ท่านต่อเมื่อท่านเมาในระดับแอลกอออล์เกิน 150 เพราะฉะนั้นถ้าท่านเมาไม่มาก สิ่งที่ระวังคือ ตำรวจ แค่นั้นพอ ถ้าแอลกอฮอล์ไม่เกินจากนี้ รับรองว่าเคลมได้แน่ๆ

3. โดนชนแล้วหนี
หากโดนชนแล้วหนี ต้องแบ่งออกเป็น 2 กรณี
 – ถ้าจำเลขทะเบียนได้ ให้เตรียมใบขับขี่ไปแจ้งความ นำใบแจ้งความมาแล้วโทรแจ้งประกัน ประกันจะส่งพนักงานเครมมาเครมให้
– ถ้าจำเลขทะเบียนของคนที่ชนท่านไม่ได้ สำหรับประกันชั้น 1 ให้แจ้งเป็นชนโน่นชนนี่ไม่มีคู่กรณี ตามสภาพบาดแผลที่น่าจะเป็น แต่สำหรับ 2-3 พลัส ก็อดไป

4. เลขทะเบียน เลขเครื่อง สีรถ หรือภาษีขาด
ประกันจะยึดถือเลขตัวถังรถเป็นหลัก ไม่ว่าป้ายไม่ตรง เลขเครื่องไม่ตรง สีไม่ตรง ภาษีขาดต่อ ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับประกันภัย ไม่ต้องกลัวประกันจะไม่จ่าย เพราะหากเลขตัวรถท่านตรงก็เคลมได้ ยกเว้นกรณีที่ประกันหาเลขตัวถังรถท่านไม่เจอ ประกันอาจขูดเลขเครื่องของท่านแทน



5. ใบขับขี่โดนยึด หมดอายุ หรือหาย
หากใบขับขี่โดนยึดให้แสดงใบสั่งแทน เพราะประกันจะยึดถือแค่ว่าจะไม่คุ้มครองผู้ที่ไม่เคยได้รับใบอนุญาติ เท่านั้น หากหมดอายุก็แสดงได้ไม่มีปัญหา หรือถ้ามีสำเนาก็แสดงสำเนาได้

6. เคลื่อนรถออกจากที่เกิดเหตุได้เมื่อไหร่
เวลาเกิดเหตุกลางถนนหากตกลงกันได้ว่าใครผิดใครถูกก็ให้เคลื่อนย้ายรถออกจากที่เกิดเหตุทันที ไม่จำเป็นต้องรอประกันมาถึง
แต่หากยังไม่รู้ว่าใครผิด ก็ให้ตำรวจตัดสินแล้วย้ายรถออกไปได้ หรือไม่มีตำรวจหากบังเอิญพกสีสเปร์ยมา ก็ให้พ่นตำแหน่งที่ล้อทั้ง 2 คัน และบริเวณหน้า+ท้าย+ข้างของรถทั้ง 2 คัน

ไม่จำเป็นต้องไปโรงพักหากคุณคุยกันได้ ยกเว้นการชนที่มีคู่กรณีมากกว่า 2 คัน และคนที่ผิดต้องโดนปรับข้อหาขับรถโดยประมาท

7. ช่วงล่างกระแทกพัง แมกซ์ดุ้ง ยางระเบิด และ อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์อื่นๆ
ประกันชั้น 1 ต้องจ่ายให้ท่านทุกกรณีแต่ต้องมีใบขับขี่เท่านั้น หากท่านมีอุปกรณ์ตกแต่งราคาแพงต้องการคุ้มครองกรณีสูญหายให้ท่านเตรียมใบเสร็จจากที่ร้านที่ท่านติดตั้ง เช่น แมกซ์ เครื่องเสียง แล้วโทรสอบถามเงื่อนไขการประกันภัย ให้ประกันเพิ่มสลักหลังคุ้มครองอุปกรณ์ตกแต่งนั้นๆ ประกันจะคิดเบี้ยท่านเพิ่มแต่ไม่มาก ส่วนที่เป็น 2-3 พลัส ก็อดไป เว้นแต่ความเสียหายนั้นสืบเนื่องมากจากการชนกับของรถที่มีทะเบียนเท่านั้น


8. ตอนเคลมอะไหล่แล้วอยากเปลี่ยนเป็นอะไหล่แต่ง
สามารถทำได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟท้าย กันชน สเกิร์ต โดยการเพิ่มเงินส่วนต่างเข้าไป ถ้าอู่นั้นโอเค หรือมีอู่ที่ใช้อยู่ประจำ ก็ให้อู่ทำใบเสนอราคาแล้วนำรถไปที่บริษัทเพื่อตกลงราคาแล้วจัดซ่อมเองได้เลย อยากจะเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนได้เลย เสร็จแล้วบริษัทประกันก็จะโอนเงินค่าซ่อมรถคืนให้แก่ท่านเอง

9. ตรวจสอบให้ดีทุกครั้ง
ทุกครั้งที่รับใบแจ้งความเสียหายหรือใบเคลม ท่านต้องตรวจสอบความเสียหายให้ตรงตามจำนวนชิ้นให้แน่นอนและถูกต้องก่อนเซ็นรับ ถ้าผิดให้แย้งและแก้ไขในรายการทันที ไม่งั้นส่วนที่ไม่ได้ลงข้อมูลเอาไว้ท่านจะต้องซ่อมเอง
ในกรณีที่อุปกรณ์ชิ้นนั้นมีบาดแผลมาก่อนไม่เกี่ยวกับเหตุครั้งนั้น ประกันจะวงเล็บว่า (แผลเก่า) แปลว่าประกันจะไม่รับผิดชอบเต็มจำนวน ท่านต้องร่วมจ่ายด้วย


การขับรถยนต์ให้ปลอดภัยช่วยให้ท่านผู้ใช้รถประหยัดเงินทองและช่วยในการประหยัดพลังงานได้ แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา การมีประกันภัยคุ้มครองก็น่าจะช่วยทุเลาการสูญเสียเงินทองหรือทรัพย์สินลงได้ ทั้งนี้การจะเลือกประกันภัยแบบไหนก็ต้องศึกษาให้ดี และเลือกให้เหมาะกับการขับขี่ของตัวท่านเอง รวมถึงการศึกษารายละเอียดของความคุ้มครองให้ดีด้วย จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังยังไงละคะ

ขอบคุณเนื้อหาจาก :http://www.thaijobsgov.com/jobs=70732

ภาพจาก :http://asnbroker.blogspot.com/2014_04_01_archive.html
Powered by Blogger.