
ที่น่าประหลาดใจไปกว่านั้นก็คือ ผู้คนที่ประสบอุบัติเหตุแล้วหายสาบสูญไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เช่น นักบินหรือลูกเรือนั้น มักจะปรากฏตัวที่ไหนสักแห่งหลังจากหายไปหลายปี


แต่คนที่หายไปเมื่อ 36 ปีที่แล้วปรากฎตัวขึ้นได้อย่างไร?
เมื่อปี ค.ศ. 1954 ในเขตทะเลแคริบเบียน โรแกนและนอตันได้แข่งขันขับเคลื่อนบอลลูนผ่านมหาสมุทร ในวันแข่งขันนั้นเป็นวันอากาศดีมาก ท้องฟ้าเปิด แต่แล้วบอลลูนของพวกเขาก็หายไปต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก
เจ้าบอลลูนที่หายไปหลายสิบปีนี้ถูกพบอีกทีในปี ค.ศ. 1990 ที่เขตน่านน้ำทะเลคิวบา รัฐบาลคิวบาเคร่งเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเครื่องบินลับของทหารอเมริกาที่จะเข้ามาโจมตีพวกเขา Agelon of Major นักบินชาวคิวบากล่าวว่า “บนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ก่อนหน้านี้ 1 นาทีไม่มีอะไรอยู่บนนั้นแต่หลังจากนั้น 1 นาทีอยู่ๆก็มีบอลลูนโผล่มา”
ในตอนนั้นกองทัพคิวบาได้ตรวจเจอบอลลูนลำนี้ด้วยเรดาห์ จึงนึกว่าเป็นเครื่องบินลับของทหารอเมริกาและเตรียมจะสั่งการเครื่องบินรบให้ออกไปยิงต่อสู้

นักสืบสวนสอบสวนชาวชิคาโก Carl `Al Gore ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากการให้ปากคำของโรแกนและนอตันว่าพวกเขาได้หายไปอย่างพิศวงท่ามกลางการแข่งขันขับบอลลูนจริง
Carl สันนิษฐานว่าบอลลูนได้เดินทางผ่านมิติเวลา เขากล่าวว่า”สำหรับพวกเขามันเป็นเวลาเพียงแว้บเดียวแต่เวลาบนโลกนี้ได้ผ่านไปถึง 36 ปีแล้ว อาจจะพูดได้ว่าบนโลกของเรามีอีกหนึ่งมิติเวลาที่ช้ากว่าปกติ”
นักวิทยาศาสตร์ต่างพากันพูดถึงเหตุการณ์ประหลาดและบุคคลที่หายตัวไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาในช่วงนั้น
แม้ว่านักสอบสวนจะบอกพวกเขาซ้ำๆว่าเวลาได้ผ่านไปนานกี่ปีแล้ว จนพวกเขารับได้กับความจริง แต่การที่จะสืบสวนว่าเรื่องราวในวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างพวกเขาก็ตอบไม่ถูกเพราะว่าสำหรับพวกเขาแล้วพวกเขายังไม่ได้ทำอะไรเลย ก็โผล่มาที่นี่แล้ว
บุคคลที่หายสาบสูญไปไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว…เหมือนอยู่ดีๆก็มาโผล่ในอีกช่วงเวลาหนึ่ง เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อจริงๆ! แล้วคุณล่ะ เชื่อเรื่องมิติเวลานี้ไหม?
ที่มา liekr