เมื่อเธอสิ้นใจแล้ว จึงได้เก็บร่างของเธอเอาไว้ในบ้านนานสองวัน จากนั้นจึงเอาไปฝัง แต่เมื่อหีบศพของเธอถูกนำมาจนใกล้ถึงหลุมฝังที่ถูกเตรียมเอาไว้ ก็ได้มีพระรูปหนึ่งเข้ามาขวางทางเอาไว้ แล้วพูดว่า คนในนั้นยังไม่ตาย ยังสามารถช่วยชีวิตได้ แต่ทุกคนไม่เชื่อ เมื่อท่านเห็นเช่นนั้นจึงพูดต่อไปว่า หากเป็นคนที่ตายแล้วจริงๆ จะต้องไม่มีเลือดไหลออกมา เมื่อทุกคนได้ฟังก็เพิ่งสังเกตว่า ข้างๆหีบนั้นมีเลือดไหลออกมา ทุกคนจึงรีบช่วยกันงัดฝาหีบออก
เมื่อหีบถูกเปิดออก ทุกคนก็รีบเอาผ้าที่คลุมเอาไว้ออก แล้วก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น เพราะสิ่งที่ทุกคนเห็นคือ มีเด็กทารกน้อยที่กำลังนอนดูดเลือดจากนิ้วมือของผู้เป็นมารดา แต่ในขณะเดียวกันแม่ของเด็กก็ได้สิ้นใจเสียแล้ว คาดว่าในช่วงที่แม่ของเด็กนอนอยู่ในโลงแต่ยังไม่ได้สิ้นลม แต่เนื่องจากหีบศพถูกปิดผนึกแล้ว อีกทั้งเสียงจากภายนอกที่ดังจนไม่สามารถตะโกนให้ทุกคนได้ยิน เธอได้คลอดเด็กทารกออกมา ภายในโลงศพมีอากาศไม่เพียงพอ และบวกกับอาการเสียเลือดค่อนข้างมากของเธอ แม่ของเด็กทารกน้อยจึงค่อยๆหมดสติไป เธอไม่สามารถลุกขึ้นมานั่งให้นมลูกได้เธอจึงตัดสินใจกัดนิ้วของตัวเอง เพื่อให้เด็กทารกได้ดูดเลือด ต้องขอบคุณพระรูปนี้ช่วยเตือนและห้ามทุกคนเอาไว้ หากมิเช่นนั้น คงได้กลายเป็นสองศพจริงๆ
การตายที่ไม่ใช่การตายอย่างแท้จริงนั้น มีให้เห็นกันอยู่หลายๆที่ และในทางวิทยาศาสตย์ก็ยังไม่สามารถหาเหตุผลมาประกอบได้ว่า เพราะอะไร คนที่เหมือนสิ้นใจไปแล้ว แต่พอถัดไปอีกวันกลับสามารถกลับมามีลมหายใจได้อีก จำได้ว่าเคยมีข่าวในทีวีมีคนถูกฝังไปแล้วหนึ่งอาทิตย์ แต่กลับฟื้นขึ้นมาใหม่ อีกทั้งยังปีนออกมาจากหลุมศพเอง จากนั้นก็กลับไปบ้านเอง เขาเกือบทำให้ทุกคนในบ้านหัวใจวายตาย ต่อมาจึงได้รู้ว่า ที่จริงแล้วเขายังมีชีวิตอยู่ ตอนที่พวกเขาขุดหลุมนั้น พวกเขาขุดใหญ่ไป ดังนั้นจึงทำให้มีช่องสำหรับหายใจ และตามประเพณีการฝังนั้นไม่สามารถอัดดินให้แน่น ต้องรอให้ผ่านไปสักพักจึงค่อยมาอัดให้แน่น และที่สำคัญในวันนั้นเกิดฝนตก จึงทำให้เขาตื่นแล้วรอดมาได้ โดยการปีนออกมาจากหลุมที่เต็มไปด้วยดินโคลน
เหลือเชื่อจริง ๆ ค่ะ โชคดีที่ทารกน้อยยังมีลมหายใจอยู่ ขอให้หนูแข็งแรงและมีคนมาดูแลนะคะ!
ขอบคุณที่มา LIEKR