วันที่ 27 มี.ค. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียลได้มีการแชร์เรื่องราวสุดซึ้งจากแฟนเพจเฟซบุ๊กชื่อ “เรารักแปดริ้ว” ที่ได้เผยเรื่องราวของครอบครัวของ “น้องบิว - ด.ช. สมเดช ฆ้องน้อย” หนุ่มน้อยวัย 14 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุต่อหน้าแม่จนบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยก่อนถอดเครื่องช่วยหายใจ คุณหมอได้ถามคุณแม่ว่าจะให้ลูกชายบริจาคอวัยวะหรือไม่ ซึ่งคุณแม่ไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน จึงตัดสินใจบริจาคอวัยวะของลูกชาย และสามารถช่วยผู้ป่วยรายอื่นๆ ได้ถึง 7 ชีวิต
นางยง ศิริสุข มารดาของน้องบิว เล่าว่า เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ขี่มอเตอร์ไซค์ตามหลังลูกชายเพื่อจะกลับบ้าน แต่ในระหว่างที่กำลังผ่านสี่แยก มีรถมอเตอร์ไซค์พุ่งเข้ามาชนรถมอเตอร์ไซค์ของลูกชายต่อหน้าตนเอง จึงรีบส่งตัวลูกชายไปรักษาที่ ร.พ.แปลงยาว แต่ลูกชายอาการหนักมากแล้วจึงได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่ ร.พ.พุทธโสธร ต่อมาแพทย์ได้แจ้งว่าให้ทำใจ เนื่องจากน้องบิวมีอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่ศีรษะ มีภาวะสมองบวมช้ำและมีเลือดออกในช่องท้องมาก กระทั่งวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา แพทย์แจ้งว่าน้องบิวสมองตาย ไม่ตอบสนอง แต่หัวใจยังเต้นอยู่ หากถอดเครื่องช่วยหายใจจะเสียชีวิต จึงได้เชิญคุณแม่และญาติพี่น้องไปสอบถามว่าอยากจะบริจาคอวัยวะให้กับทางศูนย์บริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยหรือไม่
แม่น้องบิว กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไม่รู้มาก่อนว่ามีการบริจาคอวัยวะได้ เพราะเรียนไม่สูง แต่ตนก็ยินดีและได้บอกคุณยายและญาติๆ ว่าน้องจะไม่เจ็บปวดหรอก เพราะน้องเสียชีวิตแล้ว เมื่อเราเผาร่างน้องไปก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ ซึ่งชาติหน้าเราก็ไม่รู้ว่าจะไปเกิดเป็นอะไร แต่ชาตินี้อยากให้ลูกชายได้ทำบุญครั้งสุดท้าย ช่วยคนอื่นที่เขาเดือดร้อนหรือทุกข์มากกว่าเราเท่าที่จะช่วยได้ ไม่ว่าจะเป็นตับ ไต หัวใจ และดวงตาทั้งสองข้าง จึงได้ตัดสินใจอนุญาตให้ลูกชายเป็นผู้บริจาคอวัยวะในวันนั้น
เมื่อคุณยายยินยอม คุณแม่จึงเดินไปหาน้องบิวที่เตียงและบอกกับลูกว่า "ขออวัยวะของลูกนะ เอาไปบริจาคให้คนอื่นต่อ" ปรากฏว่าชีพจรของน้องก็ค่อยๆ อ่อนลงและสิ้นสุดลงในที่สุด จากไปอย่างสงบ จากนั้นทางแพทย์โรงพยาบาลพุทธโสธรจึงรีบประสานไปยังโรงพยาบาลศิริราชให้ส่งเจ้าหน้าที่มาเก็บดวงตา หัวใจ ตับ และไตของน้อง เพื่อนำไปช่วยเหลือคนที่ยังรอเปลี่ยนถ่ายอวัยวะอยู่อีก 7 คน นับเป็นการต่อลมหายใจให้กับผู้อื่นซึ่งนับเป็นกุศลครั้งใหญ่
ทั้งนี้ นางยงยังเผยด้วยว่าน้องบิวเป็นเด็กดี ชอบช่วยเหลือคนอื่นและช่วยงานบ้านอยู่เสมอ เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ตนก็เสียใจมาก แต่ก็ดีใจที่ลูกได้ทำบุญช่วยเหลือคนอื่นถึง 7 คน ซึ่งสำหรับความเชื่อเรื่องการบริจาคอวัยวะที่ว่า เกิดชาติหน้าร่างกายจะไม่สมบูรณ์ต่างๆ นั้น ตนคิดแต่ว่าเมื่อเราให้ด้วยใจ ช่วยอะไรได้ก็ช่วย เพราะชาติหน้าไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นเช่นไร แต่ตอนนี้เมื่อมีโอกาสได้มอบสิ่งดีๆ ให้คนอื่นก็ควรจะทำ
โดยหลังจากเรื่องราวดังกล่าวได้เผยแพร่สู่สาธารณชน ชาวโลกโซเชียลต่างก็ซาบซึ้ง กดแชร์กว่า 2 พันครั้ง และกดไลค์อีกกว่า 1.6 หมื่นครั้ง
ขอบคุณภาพและคลิป: เรารักแปดริ้ว Welove8riew.com